posttoday

เที่ยวคลองสาน สานตำนานกันดีกว่าครับ

16 มิถุนายน 2556

สัปดาห์นี้ยังไม่ไปไหนไกลครับ ขอทอดน่องท่องอยู่ในกรุงเทพฯ นี่ล่ะ วันนี้ผมอาสาพาไปสัมผัสกับวิถีดั้งเดิมของถิ่นที่เรียกว่า “บางลำพูล่าง”

โดย...สืบสิน / ภาพ กีกี้

สัปดาห์นี้ยังไม่ไปไหนไกลครับ ขอทอดน่องท่องอยู่ในกรุงเทพฯ นี่ล่ะ วันนี้ผมอาสาพาไปสัมผัสกับวิถีดั้งเดิมของถิ่นที่เรียกว่า “บางลำพูล่าง” นั่นแน่ หลายคนคงไม่คุ้นหูว่ามันอยู่ที่ไหนกันแน่ เพราะที่ผ่านมารู้จักแต่ย่าน “บางลำพู” ที่ชื่อนี้มาจาก “ต้นลำพู” ต้นสุดท้ายที่ค้นพบโดย อ.สมปอง ดวงไสว นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่นโน้น

ส่วนบางลำพูล่างที่เราแนะนำวันนี้ก็คือชื่อนามเดิมของเขตคลองสานที่เพิ่งจะฉลองอายุครบ 100 ปีไปไม่นานมานี้เอง ซึ่งแต่เดิมถูกเรียกว่า “อำเภอปุบผาราม” ตั้งที่ว่าการที่หน้าวัดทองธรรมชาติ ต่อมาในปี พ.ศ. 2458 ได้ย้ายที่ว่าการมาตั้งที่หน้าวัดทองนพคุณ

จากนั้นก็เปลี่ยนชื่อเป็น “อำเภอบางลำพูล่าง” จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามอำเภอว่า “อำเภอคลองสาน” อยู่ในจังหวัดธนบุรีในที่สุด

ต่อมาในปี พ.ศ. 2514 มีการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินใหม่ ได้รวมพระนครและธนบุรีเป็นจังหวัดเดียวกัน เรียกว่านครหลวงกรุงเทพธนบุรี ทำให้อำเภอคลองสานขึ้นกับนครหลวงกรุงเทพธนบุรีไปในที่สุด

ครั้นพอผ่านไปอีกปีก็มีประกาศคณะปฏิวัติให้เปลี่ยนนครหลวงกรุงเทพธนบุรีเป็นกรุงเทพมหานคร และแบ่งพื้นที่กรุงเทพมหานครออกเป็นเขต และได้มีพระราชกฤษฎีกาแบ่งกรุงเทพมหานครออกเป็น 24 เขต อำเภอคลองสานจึงเปลี่ยนเป็น “เขตคลองสาน” และขึ้นกับกรุงเทพมหานครแต่นั้นมา

จากประวัติการก่อตั้งสำนักงานเขตคลองสานจนถึงปัจจุบันทำให้ในปัจจุบันนี้เขตคลองสานมีอายุครบ 100 ปีกันไปแล้ว ซึ่งนอกจากจะได้เห็นวิถีชุมชนดั้งเดิมย่านนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้ชื่นชมกันอีกมากมายเชียวล่ะครับ

วัดพิชยญาติการามวรวิหาร

หรือที่คนรู้จักกันดีในนามว่า “วัดพิชัยญาติ” วัดแห่งนี้เดิมเป็นวัดร้างมานมนาน จนมาในปี พ.ศ. 2384 สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) ได้บูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ แล้วน้อมถวายเป็นพระอารามหลวงในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งภายในนั้นโดดเด่นด้วยศิลปะแบบจีน และในส่วนของหลังคาหน้าของพระอุโบสถเป็นแบบเก๋งจีนที่สวยงามเชียวล่ะครับ และภายในประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัยสมัยสุโขทัย พระนามว่า พระสิทธารถพุทธเจ้า หรือหลวงพ่อสมปรารถนา ที่คนละแวกนั้นเคารพบูชาอีกด้วย

วัดอนงคาราม

วัดนี้มีเรื่องราวเป็นแผ่นแกะสลักหินเรื่องวรรณคดีสามก๊กบริเวณฐานพาไลพระอุโบสถโดยรอบทีเดียว ในส่วนของด้านหลังพระอุโบสถยังประดิษฐานพระปรางค์ขนาดใหญ่สามองค์ อันประกอบไปด้วยองค์กลางประดิษฐานพระพุทธเจ้าในอดีตและปัจจุบันสี่พระองค์ องค์ทางด้านซ้ายประดิษฐานพระศรีอาริยะ และองค์ทางด้านขวาประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง 4 รอย

ใกล้ๆ กันนั้น ท่านผู้หญิงน้อย ภริยาในสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ ยังเป็นผู้อุทิศที่สวนกาแฟสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นให้คู่กับวัดพิชัยญาติ และน้อมถวายเป็นพระอารามหลวง ภายในมีพระวิหารขนาดย่อมรูปทรงแบบประเพณีนิยมในต้นรัตนโกสินทร์ ที่ซุ้มประตู หน้าต่างเป็นลวดลายปูนปั้นรูปพันธุ์พฤกษาต่างๆ ผสมผสานกันอย่างลงตัวจนได้รับการยกย่องว่างดงามมาก ภายในประดิษฐานพระจุลนาค พระพุทธรูปสุโขทัยให้ชื่นชมกันอย่างเพลิดเพลิน

ศาลเจ้ากวนอู

ศาลนี้สร้างขึ้นโดยพ่อค้าชาวฮกเกี้ยนที่ล่องสำเภาเข้ามาค้าขายในสมัยอยุธยาตอนปลายเลยทีเดียว เดิมเป็นแค่ศาลไม้เล็กๆ ประดิษฐานเทพเจ้ากวนอูที่อัญเชิญมาจากประเทศจีน ต่อมามีการขยายขึ้นใหม่ตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ตามสถาปัตยกรรมจีนโบราณ ภายในประดิษฐานเทพเจ้ากวนอูถึง 3 องค์ ด้านหน้าของศาลเจ้าติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งก่อสร้างเป็นเก๋งจีนขนาดใหญ่สูง 3 ชั้น แต่ละชั้นประดิษฐานเทพเจ้าตามความเชื่อของชาวจีน

สวนสมเด็จย่า

อยากพักกายพักใจในสวนที่ร่มรื่นต้องที่นี่เลยครับ สวนสมเด็จย่าที่สร้างขึ้นตามพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่ออนุรักษ์ย่านนิวาสสถานเดิมครั้งทรงพระเยาว์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเอาไว้ ภายในมีอาคารเก่าใกล้เคียงกับบ้านที่สมเด็จย่าเคยทรงประทับ และยังมีอาคารพิพิธภัณฑ์ซึ่งจัดแสดงพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจของพระองค์ขณะยังทรงพระชนม์อยู่ นอกจากนี้ยังมีพรรณไม้และไม้ยืนต้นอันร่มรื่นจำนวนมากมาย น่านั่งพักนานๆ จริงๆ เลยล่ะครับ

มัสยิดกูวติลอิสลาม

หรือเรียกกันอีกอย่างว่า “มัสยิดตึกแดง” ก่อตั้งขึ้นโดยพ่อค้าชาวมุสลิมจากเมืองสุรัต ประเทศอินเดีย และจากเมืองไทรบุรีที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานทำการค้าในที่ดินของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ เมื่อชาวมุสลิมมีจำนวนมากขึ้นท่านได้ยกตึกอิฐแดงที่เคยเป็นสำนักงานพระคลังสินค้าริมน้ำให้เป็นที่ประกอบศาสนกิจ โดยตัวอาคารมัสยิดยกพื้นสองชั้นสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2403

วัดทองธรรมชาติวรวิหาร

เดิมเป็นวัดโบราณสมัยอยุธยาเรียกกันว่าวัดทองบน คู่กับวัดทองนพคุณซึ่งนิยมเรียกกันว่าวัดทองล่าง ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ สิ่งที่น่าสนใจคือภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ เขียนขึ้นเมื่อครั้งรัตนโกสินทร์คล้ายรูปแบบสมัยอยุธยาตอนปลาย

วัดทองนพคุณ

เข้าใจว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย บูรณะขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 3 พระอุโบสถมีรูปทรงแปลกตา ด้านหน้าพระอุโบสถมีเรือสำเภาจำลองก่ออิฐถือปูนซึ่งสร้างถวายโดยเจ้าสัวจีนในละแวกนี้ ซึ่งมีสำเภาไปค้าขายยังประเทศจีนในอดีต ซุ้มหน้าต่างด้านข้างทำเป็นรูปมงกุฎและตาลปัตรพัดยศอย่างงดงาม

บ้านหวั่งหลี

สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยต้นตระกูลพิศาลบุตร เป็นอาคารแบบจีนขนาดใหญ่ มีลานกว้างอยู่ตรงกลางด้านติดริมแม่น้ำเป็นท่าเรือ ซึ่งในอดีตเป็นสถานที่รวมกลุ่มของเรือสินค้าของพ่อค้าจีนที่ทำการค้าขายทางท้องทะเล ด้านในสุดของตัวอาคารเป็นที่ประดิษฐานเจ้าแม่ทับทิมหรือชาวจีนเรียกว่า หม่าโจ้ว ซึ่งเคารพนับถือกันว่าเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองในการเดินทางทางท้องทะเล

วัดสุวรรณ

ยังมีแรงก็เดินต่อกันมาอีกนิดก็จะได้พบกับวัดสุวรรณ เดิมบริเวณนี้เชื่อว่าเป็นศาลเจ้าของชาวจีนมาก่อน ต่อมาจึงสร้างเป็นวัดขึ้นพร้อมๆ กับกรุงรัตนโกสินทร์ ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยสมัยสุโขทัย มีพุทธลักษณะงดงามมาก นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่ในบริเวณนั้นด้วย

วัดเศวตฉัตร

สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา จนในสมัยรัชกาลที่ 3 พระองค์เจ้าฉัตร ต้นราชสกุลฉัตรกุลทรงมีพระศรัทธาสถาปนาขึ้นใหม่ทั้งพระอาราม ภายในวิหารหลวงยังประดิษฐานพระประธานองค์เก่าที่นับถือ ส่วนพระอุโบสถหลังปัจจุบันเป็นศิลปะแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ 3 คือไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หน้าบันเป็นลวดลายปูนปั้นและกระเบื้องเคลือบศิลปะแบบจีนที่งดงาม ด้านหลังพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์พระนามว่า พระพุทธบัณฑูลพูลประดิษฐ์สถิตไสยาสน์ ที่งดงามยิ่งนัก

เป็นไงครับ เพียงเท่านี้วันหยุดที่แสนธรรมดาก็จะกลายเป็นวันที่พิเศษและน่าจดจำ เพียงแค่แวะมาเที่ยวที่ย่านคลองสาน แถมยังมีของกินอร่อยๆ อีกหลายร้านให้ลิ้มลองกันอีกด้วยนะครับ

ข่าวล่าสุด

หุ้นไทยปิดพุ่ง 19.30 จุด แรงซื้อหุ้นใหญ่ รับเคาะวันเลือกตั้งชัดเจน 8 ก.พ.69