posttoday

เซาท์แอฟริกา

15 มิถุนายน 2556

เมื่อ 2 ปีก่อน ผมรู้สึกว่าอยากไปแอฟริกาเพื่อไปถ่ายภาพสัตว์ ตามที่นักถ่ายภาพทั่วๆ ไปแทบทุกคนอยากมีภาพสัตว์ที่อยู่ในป่า ไม่ใช่อยู่ในกรง

โดย...นพพล ชูกลิ่น

เมื่อ 2 ปีก่อน ผมรู้สึกว่าอยากไปแอฟริกาเพื่อไปถ่ายภาพสัตว์ ตามที่นักถ่ายภาพทั่วๆ ไปแทบทุกคนอยากมีภาพสัตว์ที่อยู่ในป่า ไม่ใช่อยู่ในกรง และถ้าหากได้ภาพที่เป็นสัตว์ที่อยู่กลางทุ่งหญ้าซาวานา (ซึ่งตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่า คำว่า “ทุ่งหญ้าซาวานา” อยู่ที่ไหน มีสภาพแวดล้อมแบบไหน เคยดูแต่ในทีวีเท่านั้น) ผมเลยตัดสินใจเดินทางไปโดยจินตนาการไปต่างๆ นานา ว่าต้องพบกับความยากลำบากแน่ๆ เริ่มต้นด้วยการไปฉีดวัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น ไข้หวัดเหลือง ซึ่งมาทราบภายหลังว่าไปเซาท์แอฟริกาไม่จำเป็นต้องฉีดก็ได้ แต่ก็เป็นความไม่รู้ที่ปลอดภัยไว้ก่อน การเดินทางไปแอฟริกามีค่าใช้จ่ายพอๆ กับไปเที่ยวยุโรปในตอนนี้ จึงไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควร แต่เมื่อผมไปถึงเซาท์แอฟริกาแล้ว สิ่งที่ได้จินตนาการไว้ไม่เป็นไปตามนั้นเลยครับ

เมืองแรกที่ผมไปถึงเป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจ คือ “Johannesburg” คนท้องถิ่นเรียกย่อๆ ว่า “โจเบิร์ก” (Joberg) เท่าที่ผมทราบ เซาท์แอฟริกามีเมืองใหญ่ๆ 3 เมืองหลัก คือ Pretoria, Johannesburg และ Cape Town สองเมืองแรกอยู่ตรงกลางๆ ค่อนไปทางเหนือของทวีป ส่วน Cape Town อยู่ติดทะเลฝั่งตะวันตก ค่อนไปทางเฉียงใต้ สิ่งที่เห็นและสังเกต คือ การที่ประเทศนี้เคยเป็นเมืองขึ้นของชนชาวดัตช์ แล้วอังกฤษก็เข้ามายึดครองต่อ ระเบียบการดำเนินชีวิตในปัจจุบันจึงใช้ในแบบอังกฤษ เช่น กฎหมาย ภาษาราชการ ลักษณะอาคารบ้านเรือน อาหารการกิน แม้กระทั่งการขับรถ

แต่สิ่งที่น่าเศร้าของประเทศนี้ คือ ค่าครองชีพที่นี่สูงมาก ประชาชนคนผิวดำที่เป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมีความยากจนอย่างมาก มีการกำหนดพื้นที่อันตรายมาก จนมีคำพูดที่ว่า ดินแดนส่วนนี้ไม่มีกฎหมายคุ้มครอง เพราะแม้แต่ตำรวจก็ยังไม่กล้าเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว ผมมีโอกาสได้นั่งรถผ่านพื้นที่นี้ สิ่งที่เห็นคือความเจริญของวัตถุ อาคารตึกรามบ้านช่องมีอยู่อย่างมากมาย แต่สภาพจิตใจและการดำรงชีวิตช่างน่าสงสารยิ่งนัก ทริปเดินทางของผมทริปนี้ ผมได้มีโอกาสไปชมสวนสัตว์เปิด ผมขออนุญาตใช้คำนี้นะครับ เพราะเท่าที่ผมออกไปชมฝูงสัตว์และเข้าพักโรงแรมที่อยู่ในพื้นที่ ทั้งหมดนั้นเป็นพื้นที่ที่ถูกสร้างเพื่อให้สัตว์ได้อยู่อาศัย ให้มีระบบนิเวศใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด แต่เท่าที่ผมสอบถามจากเจ้าหน้าที่ การบริหารจัดการสัตว์ให้อยู่อาศัยเสมือนธรรมชาติแบบนี้ต้องใช้ต้นทุนในการบริหารจัดการสูงมาก จึงพบได้ว่าบรรดาลอร์ดทั้งหลายผู้เป็นเจ้าของจะเป็นนักลงทุนจากทวีปยุโรป เข้ามาขอสัมปทานจากภาครัฐในการดำเนินกิจการการเข้าไปชมสัตว์ที่เราเรียกว่า “Big Five” อันประกอบด้วย “ช้าง แรด ควายป่า เสือดาว และสิงโต” สำหรับลอร์ดที่ขนาดใหญ่ มีแคมป์ที่พักจำนวนมาก ใช้คำว่าแคมป์ แต่แท้ที่จริงเป็นโรงแรมที่พักขนาด 3 ดาวขึ้น มีความสวยงาม สะอาด แถมด้วยในเวลาค่ำคืนจะมีฝูงสัตว์มาให้ชมกันถึงหน้าประตูห้องพัก

การนั่งรถเข้าไปดูสัตว์ ช่วงเวลาที่ดีที่สุด คือ ตอนเช้ามืด ซึ่งแรงเจอร์ (Ranger) จะเป็นผู้พาเราเข้าชม ขอแนะนำให้ฟังเทคนิคการชมสัตว์จากแรงเจอร์ให้เข้าใจ ไม่เช่นนั้นท่านอาจจะพลาดชมสัตว์ที่อุตส่าห์ตื่นแต่เช้าฝ่าอากาศอันหนาวเย็นมาเพื่อดูสัตว์แห่งทุ่งหญ้าซาวานานะครับ ซึ่งการชมส่วนใหญ่เราจะได้พบเห็นสัตว์อย่างแน่นอนจากจำนวนสัตว์ที่มาก กับการใช้เทคโนโลยีฝังชิปเพื่อระบุตำแหน่ง นักท่องเที่ยวจึงไม่ค่อยผิดหวัง สิ่งที่ผมประทับใจมาก คือ การได้ชมการระบำท้องถิ่นที่จัดแสดงท่ามกลางอาหารมื้อค่ำกลางแจ้งท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ แต่นักแสดงกลับนุ่งน้อยห่มน้อยในชุดประจำเผ่าออกมาเต้นระบำด้วยท่าทีที่สนุกสนาน อบอุ่นและเป็นกันเอง

แต่สิ่งที่ผมประทับใจไม่ใช่การแสดง กลับเป็นการแสดงชุดสุดท้าย คือ การร้องเพลงชาติแอฟริกา ที่ผมเห็นนักแสดงร้องท่ามกลางน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มของนักแสดงวัยรุ่นทั้งหญิงชาย ผมยืนมองด้วยความตกตะลึงกับภาพที่เห็น จนผมต้องเดินไปถามไกด์ท้องถิ่น เขาตอบผมด้วยความภาคภูมิใจว่า เขาเพิ่งมีเพลงชาติของเขาเมื่อไม่นานมานี้เอง และเป็นเพลงที่ถูกแต่งโดยคนผิวดำ ที่บรรยายความรักชาติและการได้มาซึ่งเสรีภาพ จึงทำให้ทุกครั้งที่ร้องพวกเขาจะซาบซึ้งและภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก แล้วเราคนไทยร้องเพลงชาติด้วยความหมายอะไร ผมอยากให้เราเป็นแบบที่ประชาชนแอฟริกาเป็นนะครับ ผมภาคภูมิใจกับเพลงชาติไทยของเรามากๆ นะครับ

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"