posttoday

ขำๆ ชิลล์ๆ กับคุณชายตัวจริงนอกจอ

29 พฤษภาคม 2556

เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เห็นแก๊กการ์ตูนเผยแพร่ใน Social Network ที่ดูอ่านแล้วต้องอมยิ้ม การ์ตูนนั้นเขียนไว้ว่า “คุณชายพุฒิภัทรคือความฝัน คุณชายสุขุมพันธุ์คือความจริง”

โดย...หญิงชุ/จตุรภัทร

เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เห็นแก๊กการ์ตูนเผยแพร่ใน Social Network ที่ดูอ่านแล้วต้องอมยิ้ม การ์ตูนนั้นเขียนไว้ว่า “คุณชายพุฒิภัทรคือความฝัน คุณชายสุขุมพันธุ์คือความจริง” ละครทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างวิเศษ คือพาคนหลบออกจากชีวิตจริงเข้าไปสู่โลกแห่งความเพ้อฝัน เป็นการหลบออกจากความซ้ำซากจำเจ น่าเบื่อ และตึงเครียดของชีวิตประจำวันเป็นเวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ แต่ในความเป็นจริงของชีวิต คุณชาย (และคุณหญิง) อันเป็นคำลำลองของ ม.ร.ว.ชายหญิงนั้น ไม่ได้ผิวบางและหน้าผ่องอย่างในละคร!

เนื้อความข้างต้นคือคำบอกเล่าของ “คุณชายปีย์” ม.ร.ว.ปิยฉัตร ฉัตรชัย ทายาทราชสกุล “ฉัตรชัย” กุลบุตร ม.จ.ทิพยฉัตรหม่อมจารุศรี ฉัตรชัย ณ อยุธยา คุณชายปีย์ถูกตั้งคำถามบ่อยครั้งขึ้นกว่าเดิม หลังจากละครสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ฮอตฮิตทอล์กออฟเดอะทาวน์ นวนิยายกล่าวถึงพี่น้อง 5 คนของราชสกุลจุฑาเทพ “คุณชายยุค 2500” ในลุคหล่อล่ำประหนึ่งหลุดออกมาจากฟิตเนสยุค 2556 และคำถามของ “คุณชายปีย์” ที่ต้องตอบ มีดังนี้

คุณชายปีย์ ทายาทราชสกุล “ฉัตรชัย”

Q : ชีวิตนอกวัง ของทายาทราชสกุล “ฉัตรชัย”” ไม่ธรรมดาเหมือนในวัง หรือไม่?

A : จำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยพูดกับพ่อ (หม่อมเจ้าทิพยฉัตร ฉัตรชัยสิ้นชีพิตักษัยแล้ว) ว่าพ่อเป็นเจ้านอกวัง พ่อหัวเราะชอบใจใหญ่ด้วย “ปู่” คือพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ท่านทรงขายวังไปตั้งแต่หลังการอภิวัฒน์ 2475 แต่ก็ไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะเมื่อเสด็จในกรมฯ สิ้นพระชนม์แล้ว พระนางเธอลักษมีลาวัณก็ทรงมีพระเมตตารับพ่อไปเลี้ยงดู พ่อจึงเป็นเจ้าที่อยู่วังของท่านผู้อื่น มิใช่วังของพ่อตัวเอง แต่ชีวิตส่วนใหญ่ของพ่อจะอยู่ที่โรงเรียนประจำคือโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ซึ่งแม้จะมีหม่อมเจ้าองค์อื่นๆ ทรงเรียนอยู่ด้วย แต่ก็มีเพื่อนที่เป็นสามัญชนอยู่มากกว่า ดังนั้น พ่อจึงเติบโตมาอย่างผู้ชายธรรมดา

ผมเติบโตมาอย่างเป็นปกติสามัญที่สุด เช่นเดียวกับครอบครัวคนชั้นกลางในสังคมไทย เพียงแต่มีโลกอีกใบที่น่าสนใจวางอยู่ข้างๆ คือโลกของ “เจ้านาย” ผมได้รับการอบรมเลี้ยงดูให้รู้จักการเข้าเฝ้าเจ้านายและการใช้ราชาศัพท์ตั้งแต่ยังเด็ก จากท่านหญิงอรอำไพ โกมารกุล ณ นคร (ม.จ.หญิงอรอำไพ เกษมสันต์) และแม่ (หม่อมจารุศรี ฉัตรชัย ณ อยุธยา) เพื่อจะได้ไม่ “รุ่มร่าม” เวลาที่เฝ้าเจ้านายซึ่งในสมัยที่ผมยังเป็นเด็กนั้น เจ้านายหลายพระองค์ยังทรงมีพระชนม์อยู่ ที่มีโอกาสเฝ้าบ่อยก็คือ “ท่านป้าองค์ห้า” พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจันทรกานต์มณี (พระธิดาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต) ที่ตำหนักซอยชิดลม จำได้ว่าเฝ้าในห้องโถงที่มีสองระดับ ท่านป้าประทับอยู่บนชั้นยกระดับสูงประมาณสักครึ่งฟุตได้ เรานั่งอยู่ในชั้นที่ลดลงมา เมื่อเฝ้าก็พับเพียบและกราบลงกับพื้น ท่านก็จะรับสั่งถามโน่นนี่ ให้เลือกขนมหรือของเล่นจากในพานที่ท่านทรงเตรียมไว้ประทานเด็กๆ ที่มาเฝ้าท่าน

ใครที่มองว่าชีวิตคุณชายต้องถูกเลี้ยงดูในแบบคุณหนูในรั้วในวังในกรอบระเบียบ น่าจะเป็นการมองผ่านสายตาแบบโรแมนติกเสียมากกว่า เพราะคุณชายคุณหญิงที่ผมรู้จักต่างก็โลดโผนมีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยสีสัน ซึ่งสีสันจะจัดจ้านบ้าง พาสเทลบ้าง หวานบ้าง ก็เป็นที่ปักเจกบุคคลเสียมากกว่า

Q : เป็นคุณชายมี “มุมเกรียน” บ้างไหม?

A : มุมเกรียน โลดโผน ฮา ขำ ที่สุด...ไม่แน่ใจเพราะไม่ใช่คนประเภทนั้น แต่สิ่งที่ทำแล้วต้องกลับมาถามตัวเองว่าทำไปได้อย่างไรก็คือ การเดินรอบตัวเมืองเชียงใหม่จากถนนห้วยแก้วข้ามฝั่งแม่น้ำปิงไปยังแถวค่ายกาวิละ เพราะเชียงใหม่เป็นเมืองที่มีวัดสวยงามซุกซ่อนอยู่ตามถนนหนทางต่างๆ มากมายเหมือนสำนวนที่ว่าไก่บินไม่ตกแบบนั้น ผมรู้จักตรอกซอกซอยทางลัดและวัดวาอารามของเชียงใหม่ได้ค่อนข้างดี จนมีคนกล่าวหาว่า ผมน่าจะเคยแอบมารับงานพิเศษเป็นคนขับรถกระบะแดงที่เชียงใหม่ กับอีกสิ่งที่ได้มาคือจมูกและหน้าที่ทั้งดำและลอกหลังกลับจากเชียงใหม่คราวนั้น

“คุณชายแจ๊ค” เลือดสีน้ำเงินเข้ม ภาพ : ภัทรชัย ปรีชาพานิช

ม.ร.ว.โสรัจจ์ วิสุทธิ บุตรชายคนเล็กของ ม.จ.รัตยากร และ ม.จ.หญิง สุลัภวัลเลง วิสุทธิ พระขนิษฐาต่างพระมารดาของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ม.ร.ว.โสรัจจ์ เกิดในวังศุโขทัย เลือดสีน้ำเงินเข้มข้นเติบโตมาท่ามกลางเจ้านายชั้นสูง และคำถามถูกถามมากที่สุด ณ ยามนี้ที่ละครกำลังฮิตกระจาย คำตอบจากชายแจ๊คตอบไว้อย่างชัดเจน ได้อรรถรสที่สุด ก็คือ

Q : ทำไมเจ้าต้องแต่งงานกับเจ้า? เป็นคำถามคอละครที่ข้องใจ!?!!

A : ผมอินมากๆ เมื่อดูละคร “คุณชายพุฒิภัทร” พระเอกเจมส์เล่นดีมากๆ ยิ่งในตอนที่คุณชายภัทรต้องตอบหม่อมย่าเรื่อง ทำไมไม่รักกับ ม.ล.มารตี ก็อยากให้ได้ในคนสกุลรุนชาติเดียวกัน ชายภัทรต้องหักจิตหักใจเพราะชอบหรือไม่ชอบผู้หญิงคนไหนก็ไม่สามารถพูดเรื่องเสน่หาออกมาได้ ผมเข้าใจเลยเพราะการเติบโตมาในวังจะต้องเชื่อฟังผู้ที่เป็นใหญ่ที่สุด เหมือนกับผมต้องเชื่อฟังสมเด็จป้าซึ่งเป็นควีน ท่านรับสั่งสิ่งใดเราจะขัดไม่ได้ ผมเติบโตมาในทั้ง 3 วัง วังวาริชเวสม์ วังศุโขทัย และวังหลวงในหมู่พระญาติที่เป็นผู้หญิงหลายๆ ท่านไม่ได้แต่งงานเพราะสมัยก่อนชั้นพระองค์เจ้า หม่อมเจ้า ก็ต้องอยู่แต่ในวังแล้วถ้าแต่งงานกับผู้ชายยศต่ำกว่า ม.ร.ว. หรือนาย ก็ต้องสละจากความเป็นเจ้าออกจากวังไปไม่มีฐานันดร ซึ่งสมัยนั้นสูงศักดิ์มาก แฟมิลี่ของเราคนนับหน้าถือตาเรียกว่าเป็น บลูบลัด (เลือดสีน้ำเงิน) ถือว่าคนเป็นเจ้าไม่อยากให้ได้เลือดคนธรรมดาเข้ามาเพื่อรักษาวงศ์เจ้าด้วยกัน และการเป็นท่านหญิงก็จะมีเบี้ยหวัดเงินปีกิน สมัยก่อนเป็นสังคมกลุ่มน้อยนะครับ อาจมีไม่กี่ร้อยคนและในกรุงเทพฯ ก็เป็นสังคมเล็กๆ หม่อมเจ้าหญิงไปแต่งงานกับคนธรรมดาก็ต้องสละยศเป็นนาง ก็จะมีคำถามสะเทือนใจว่าทำไมจึงเลือกไปแต่งงานกับคนนี้ และเมื่อแต่งงานไปกับคนธรรมดา เวลาไปงานในวังจากที่เคยนั่งแถวหน้าก็ต้องถอยเก้าอี้ไปนั่งแถวหลัง จะมานั่งเทียมหน้าเทียมตาหม่อมเจ้าหญิงด้วยกันเหมือนเดิมก็ไม่ได้

เรื่องแต่งงานคือเรื่องใหญ่ในชีวิต คอนเซิร์นถึงครอบครัวถึงวงศ์ของเราที่จู่ๆ จะไปแต่งกับใครโดยที่ท่านพ่อท่านแม่ไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ ท่านพ่อและท่านแม่ของผมเป็นหม่อมเจ้าทั้งคู่ ก็ถูกแนะนำโดยผู้ใหญ่และต้องเขียนจดหมายขอพระราชทานอนุญาตเพราะแม่อยู่ในวังถือเป็นคนของสมเด็จพระราชินี ฝ่ายผู้ชาย ผมเป็น ม.ร.ว.ที่ในยุคนั้นก็ต้องไปเรียนปริญญาตรีที่เมืองนอกเพื่อให้เทียมหน้าเทียมตาคุณชายวังอื่นๆ ก่อนกลับมาท่านพ่อก็จับคู่ให้กับลูกสาวท่านอธิบดีกรมตำรวจสมัยนั้น พล.อ.ประเสริฐ รุจิวงศ์ ซึ่งเป็นเพื่อนกับท่าน อีกคนคือลูกสาวเจ้าสัว ท่านพ่อก็จะหาสะใภ้เจ้าให้กับผม (หัวเราะ) การไม่ยอมเรื่องคู่ของผมก็คือนิ่งๆ ไป ท่านพ่อจะให้ผมแต่งงานกับคุณวรรณา ลูกสาวของคุณสุจินต์ เบญจรงคกุล ซี่งเป็นน้องสาวของคุณบุญชัย แต่พวกเราเป็นคนรุ่นใหม่ก็ไม่มีใครยอมการคลุมถุงชน ทำให้ท่านพ่อกริ้วมากไม่เขียนจดหมายหาไปผมที่เรียนอยู่อเมริกา ถึง 6 เดือน ละครเรื่องนี้เกิดยุคเดียวกับผมคือถ้าคุณชายพุฒิภัทรมีตัวจริง อายุคงพอๆ กับผมนะครับ ไม่แปลกที่คุณชายแต่งงานกับนางสาวสยาม ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ม.ร.ว.ในชีวิตจริงก็ไม่ได้เข้มงวดเหมือนในละครหรอกครับ” ม.ร.ว.โสรัจจ์ เล่าให้ฟังได้เห็นภาพชัดเจน

“คุณชายน้อง”คุณชายทหารเติบโตในวังอัศวิน ภาพ : วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

“คุณชายน้อง” ร.ท. ม.ร.ว.จุลรังษี ยุคล โอรสใน ม.จ.ฐิติพันธุ์ ยุคล กับหม่อมอุ่นเรือน ยุคล ณ อยุธยา คือคุณชายรุ่นใหม่ไฟแรง คุณชายน้องคงเป็นคุณชายที่มีชีวิตการทำงานอันเข้มข้น นั่นคือรับราชการทหาร ณ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ รวมทั้งทำธุรกิจสนามฟุตบอลควบคู่กันไปอีกด้วย

Q : คุณชายต้องทำงานทำการ หนักหนาไหม?

A : การทำธุรกิจคืองานที่ทำเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิต ส่วนงานราชการทหาร คืองานที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ เนื่องจากผมคลุกคลีใกล้ชิดกับทหารมาตั้งแต่เด็กๆ เวลาเห็นชุดทหารแล้วดูสมาร์ทดี เลยเป็นความใฝ่ฝันว่าโตมาจะต้องเป็นทหารให้ได้ ผมเติบโตมาในวังอัศวิน ถึงแม้จะใช้ชีวิตแบบติดดิน แต่ก็ต้องมีระเบียบวินัย พ่อผมเป็นคนค่อนข้างดุ อยู่ในบ้าน พ่อจะไม่ชอบให้เดินเสียงดัง ไม่ชอบให้นั่งชันขา เคี้ยวข้าวเสียงดังแจ๊บแจ๊บก็ไม่ได้ ไม่สมควร

การมีคำนำหน้า ม.ร.ว.มีอิทธิพลกับชีวิตไม่มากครับ แต่ก็ไม่น้อย ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมคิดว่าอยู่ที่เราทำตัว ต่อให้เราทำตัวสูงศักดิ์ แต่คนไม่รัก ก็เท่านั้น แต่ถ้าเราทำดี อย่างไรก็มีคนนับหน้าถือตา มันอยู่ที่เราทำตัวล้วนๆ เราต้องรู้ตัวเองว่าเราคือใคร และต้องรู้ว่าจะทำชีวิตในแต่ละวันให้ถูกต้อง เหมาะสม และดีงามได้อย่างไร ผมให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส ต่อยมวย เตะฟุตบอล กอล์ฟ ดำน้ำ รวมทั้งสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนบ้าง ซึ่งความที่ยังครองตัวเป็นโสด (ที่ไม่สนิท) ใครหลายคนอาจคิดว่า ผมต้องได้รับความกดดันจากครอบครัวอย่างแน่นอน แต่ไม่ได้กดดันเหมือนในละคร ก็อาจมีบ้าง ที่ผู้ใหญ่ไม่ชอบผู้หญิงที่เราคบ แต่ถ้าผมชอบและรักจริง แม่ผมก็โอเคนะ

ผมชอบผู้หญิงคมเข้ม แนวๆ ฝรั่ง หรือฝรั่งไปเลย หมวยๆ ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เสมอกันหรือไม่ ไม่จำเป็น ขอให้เป็นผู้หญิงทำมาหากิน ไม่จำเป็นต้องเป็นแม่ศรีเรือนทำอาหารปรนนิบัติพัดวี ขอให้เป็นผู้หญิงทำงานครับ จะได้ไม่มีเวลามาจับผิดสามี (หัวเราะ)”

“คุณชายน้อง”คุณชายทหารเติบโตในวังอัศวิน ภาพ : วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

“คุณชายน้อง”ร.ท. ม.ร.ว.จุลรังษี ยุคลโอรสในม.จ.ฐิติพันธุ์ ยุคล กับหม่อมอุ่นเรือน ยุคล ณ อยุธยาคือคุณชายรุ่นใหม่ไฟแรง คุณชายน้องคงเป็นคุณชายที่มีชีวิตการทำงานอันเข้มข้น นั่นคือรับราชการทหาร ณ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ รวมทั้งทำธุรกิจสนามฟุตบอลควบคู่กันไปอีกด้วย

Q:คุณชายต้องทำงานทำการ หนักหนาไหม?

A: การทำธุรกิจคืองานที่ทำเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิต ส่วนงานราชการทหาร คืองานที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ เนื่องจากผมคลุกคลีใกล้ชิดกับทหารมาตั้งแต่เด็กๆ เวลาเห็นชุดทหารแล้วดูสมาร์ทดี เลยเป็นความใฝ่ฝันว่าโตมาจะต้องเป็นทหารให้ได้ ผมเติบโตมาในวังอัศวิน ถึงแม้จะใช้ชีวิตแบบติดดิน แต่ก็ต้องมีระเบียบวินัย พ่อผมเป็นคนค่อนข้างดุ อยู่ในบ้าน พ่อจะไม่ชอบให้เดินเสียงดัง ไม่ชอบให้นั่งชันขา เคี้ยวข้าวเสียงดังแจ๊บแจ๊บก็ไม่ได้ ไม่สมควร

การมีคำนำหน้า ม.ร.ว.มีอิทธิพลกับชีวิตไม่มากครับ แต่ก็ไม่น้อย ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมคิดว่าอยู่ที่เราทำตัว ต่อให้เราทำตัวสูงศักดิ์ แต่คนไม่รัก ก็เท่านั้น แต่ถ้าเราทำดี อย่างไรก็มีคนนับหน้าถือตา มันอยู่ที่เราทำตัวล้วนๆ เราต้องรู้ตัวเองว่าเราคือใคร และต้องรู้ว่าจะทำชีวิตในแต่ละวันให้ถูกต้อง เหมาะสม และดีงามได้อย่างไร ผมให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส ต่อยมวย เตะฟุตบอล กอล์ฟ ดำน้ำ รวมทั้งสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนบ้าง ซึ่งความที่ยังครองตัวเป็นโสด (ที่ไม่สนิท) ใครหลายคนอาจคิดว่า ผมต้องได้รับความกดดันจากครอบครัวอย่างแน่นอน แต่ไม่ได้กดดันเหมือนในละคร ก็อาจมีบ้าง ที่ผู้ใหญ่ไม่ชอบผู้หญิงที่เราคบ แต่ถ้าผมชอบและรักจริง แม่ผมก็โอเคนะ

ผมชอบผู้หญิงคมเข้ม แนวๆ ฝรั่ง หรือฝรั่งไปเลย หมวยๆ ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เสมอกันหรือไม่ ไม่จำเป็น ขอให้เป็นผู้หญิงทำมาหากิน ไม่จำเป็นต้องเป็นแม่ศรีเรือนทำอาหารปรนนิบัติพัดวี ขอให้เป็นผู้หญิงทำงานครับ จะได้ไม่มีเวลามาจับผิดสามี (หัวเราะ)”

“คุณชายอดัม”คุณชายไอที โตมากับภาพยนตร์ภาพ : วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

เชื่อหรือไม่ว่า“คุณชายอดัม”ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคลโอรสใน ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล และหม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยา คือบุคคลที่เริ่มต้นทำอินเทอร์เน็ตทีวีเป็นเจ้าแรกๆ ของประเทศไทย ภายใต้ชื่อfukduk.tvบริการทีวีที่มีช่องรายการของตัวเองผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และตอนนี้ เขากำลังเริ่มต้นทำภาพยนตร์ในฐานะผู้สร้าง เรื่อง“สารวัตรหมาบ้า”

Q:คุณชายราชสกุล ยุคล ทำภาพยนตร์เกี่ยวกับอะไร?

Aผมได้รับโอกาสที่ดีจากเสี่ยเจียง ซึ่งท่านสนิทกับพ่อของผม พอผมเสนอภาพยนตร์เรื่องนี้ไป ท่านคงเห็นผมมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำ ท่านเลยให้โอกาสผมได้ทำภาพยนตร์เรื่องนี้

ผมไม่ได้เกิดและเติบโตมาในวัง แต่โตมากับคุณตาคุณยาย วิ่งเล่นในร้านไก่ย่างตรงซอยเสือใหญ่อุทิศ พอขึ้นชั้น ป.1 ก็ได้เข้าไปคลุกคลีกับกองถ่าย ซึ่งในขณะนั้น ท่านพ่อกำลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องเสียดาย ผมอยู่กับพ่อแม่ที่กองถ่ายตลอด เรียนเสร็จก็เอาการบ้านมาทำที่กองถ่าย โตมาหน่อย ก็มาช่วยพ่อถือไมค์บูม แต่ถ้าออกกองที่ต่างจังหวัด ก็ไม่ได้ไปด้วย ครอบครัวเราชอบดูหนังกันทุกคืน เป็นครอบครัวลุยๆ ที่ไม่ค่อยมีพิธีรีตองอะไร สำหรับผม การเป็นคุณชาย ไม่ได้หมายความว่าเรามีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ แต่เรากำลังแบกรับการเป็นราชสกุลที่ไม่สามารถทำตัวเหลวแหลก แม้จะเที่ยวกลางคืน แต่ก็เที่ยวแบบพอประมาณ ออกงานสังคมบ้าง เข้าวังบ้างในวันสำคัญ ซึ่งถือเป็นราชกิจที่ต้องปฏิบัติ การเกิดมาอยู่ตรงนี้ เขาไม่ได้เจ้ายศเจ้าอย่าง แค่เป็นเชื้อพระวงศ์ ที่ต้องแบกรับภาระหน้าที่ที่บรรพบุรุษได้ทำไว้ หน้าที่ของเขาคือ การทำให้ประเทศชาตินี้ดีขึ้น

ผมยังทำงานด้านอาสาสมัครที่รวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ชื่อ แบ็คไลน์ 2011 ทำเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรในช่วงที่ประสบภัยน้ำท่วม หน้าที่ของกลุ่มผมคือคอยตรวจสอบว่าที่ไหนมีของขาด ที่ไหนมีของเกิน แล้วเราจะบริหารจัดการให้ทรัพยากรในแต่ละจุดที่ประสบภัยได้รับของช่วยเหลืออย่างเท่าเทียมกันได้อย่างไร”

ถ้าให้เปรียบเทียบคุณชายอดัมกับคุณชายแห่งวังจุฑาเทพ คุณชายอดัมเผยว่า ความเนี้ยบคงเปรียบเทียบกันไม่ได้ แต่ถ้าให้ดูละครแล้วย้อนดูตน เขาคิดว่าเขาโผงผางคล้ายคุณชายพุฒิภัทร

“ต่างกันแค่ผมไม่ได้เป็นหมอ ไม่ได้หน้าตาดีเหมือนคุณชายหมอ และไมได้มีแฟนเป็นนางสาวศรีสยาม เท่านั้นเอง (หัวเราะ)”

และท้ายสุด หากให้คุณชายอดัมตั้งชื่อภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตของหม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล คุณชายอดัมจะตั้งชื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า“แมว”

“เวลาผมรู้สึกว่าชีวิตบัดซบ ผมจะชอบพูดว่าแมวเอ๊ย (หัวเราะ)”

ข่าวล่าสุด

เลิกวนลูป! ส่อง 3 เป้าหมายยอดนิยมที่คนไทยตั้งไว้ทุกต้นปี เป็นจริงได้อย่างไร?