เด็กช่าง สร้างชาติ
“เริ่มต้นจากการมีเป้าหมายในชีวิต ก็เท่ากับประสบความสำเร็จไปแล้วกว่าครึ่ง ที่เหลือคือความมุ่งมั่นที่จะเดินไปให้ถึงเป้าหมาย”
โดย...พี่กันดั้ม ภาพไม่มีเครดิต
“เริ่มต้นจากการมีเป้าหมายในชีวิต ก็เท่ากับประสบความสำเร็จไปแล้วกว่าครึ่ง ที่เหลือคือความมุ่งมั่นที่จะเดินไปให้ถึงเป้าหมาย” ถือเป็นคำกล่าวที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ในทุกยุคทุกสมัย ไม่เว้นแม้แต่ยุคดิจิตอลที่สังคมเต็มไปด้วยการแข่งขัน ดังนั้นจุดได้เปรียบของเด็กยุคใหม่ซึ่งเป็นอนาคตอันเข้มแข็งของชาติ ก็คือ “รู้ก่อน ก้าวก่อน ถึงก่อน” แต่สำหรับเด็กช่างที่คนในสังคมมองพวกเขาในแง่ลบล่ะจะเป็นอย่างไร วันนี้เราไปรู้จักเด็กๆ ในโครงการเด็กช่าง สร้างชาติ ซึ่งกำลังเปิดรับทาง www.scgfoundation.org กันดูดีกว่า
อดีตเด็กช่างอดิศักดิ์ ดวงแก้ว หรือพี่ยิ้ม ซึ่งปัจจุบันเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไออีที โซลูชั่น บริษัทผู้จำหน่ายและนำเข้าชิ้นส่วนหุ่นยนต์เพื่อการศึกษา ประสบความสำเร็จจากการตัดสินใจเรียนต่อช่างสาขาไฟฟ้ากำลัง ในระดับ ปวช. ปวส. ก่อนจะศึกษาต่อปริญญาตรีและปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ในสาขาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่สำคัญคือหนุ่มผู้นี้ คือ ผู้ควบคุมทีมการแข่งขัน และผู้ร่วมแข่งขันหุ่นยนต์ชิงแชมป์ประเทศไทย จากมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตปราจีนบุรี ที่สามารถคว้าแชมป์ประเทศไทยมาแล้วถึง 3 สมัย
อดิศักดิ์ เล่าย้อนถึงแรงบันดาลใจในการเรียนสายช่างว่า ความสำเร็จในวันนี้เกิดขึ้นจากความฝันในวัยเด็กที่ชอบดูรายโทรทัศน์เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นนวัตกรรม และชอบประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ ด้วยตัวเอง เช่น บ้านบนต้นไม้ ว่าวชนิดต่างๆ ทำให้เมื่อเรียนจบชั้น ม.3 จึงตัดสินใจศึกษาต่อในสายช่าง
ช่วงแรกค่อนข้างถูกต่อต้านจากครอบครัว เนื่องจากเด็กช่างกลถูกมองในแง่ลบ “ภาพลักษณ์” คนเรียนสายอาชีพต้องเรียนไม่เก่ง ก้าวร้าว เกเร ยาเสพติด นักเลง แข่งรถ แต่จากความตั้งใจ และความประพฤติที่ดีก็เป็นเครื่องพิสูจน์ให้ครอบครัวได้เห็นและยอมรับในที่สุด
ส่วนน้องประกายดาว แก่นจันทร์ สาวน้อยวัย 15 ปี จาก จ.อุบลราชธานี ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาระดับชั้น ม.3 จากโรงเรียนบ้านโนนขาม ได้ให้แง่คิดอย่างน่าสนใจว่าด้วยความรักบ้านเกิด และครอบครัวจึงไม่อยากต้องเดินทางไปศึกษาไกลๆ และโดยส่วนตัวคิดว่า การเรียนสายช่างเน้นในเรื่องการฝึกปฏิบัติ และสามารถออกมาหางานทำได้เลย ที่สำคัญคือมีงานรองรับอยู่มากมายไม่ต้องเป็นภาระกับครอบครัวมากนัก และในตัวจังหวัดเองก็มีสถาบันการศึกษาด้านอาชีวะที่ดีมีคุณภาพหลายแห่ง
“หนูคิดว่าเราสามารถประสบความสำเร็จจากการทำงานสร้างครอบครัวของเราเองได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาเรียนและทำงานในเมืองหลวง เพราะจังหวัดของเราก็มีสถาบันการศึกษาและแหล่งงานอีกมากที่สามารถจะรองรับ ซึ่งหากเราจบออกมาและฝึกงานจนชำนาญแล้ว ก็สามารถสร้างกิจการของตัวเองได้ไม่ยากค่ะ” ประกายดาว เล่าด้วยความภูมิใจ
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในโครงการเด็กช่างสร้างชาติ
แม้เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากน้องๆ ที่สมัครขอทุน “เด็กช่าง สร้างชาติ” แต่เราเชื่อว่า น้องๆ คนอื่นๆ ก็มีความมุ่งมั่นไม่ต่างกัน นั้นคือ การตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินด้วยตัวเองโดยมีเป้าหมาย คือความสำเร็จของตัวเองและครอบครัวเป็นที่ตั้ง ซึ่งเชื่อแน่ว่าความสำเร็จที่เหลืออีกครึ่งทาง ก็จะมาถึงอีกไม่นานเกินรออย่างแน่นอน


