ร่มฉัตร ขำศิริ เชฟสาวสุดเท่แห่งอาณาจักรเกรย์ฮาวด์
เห็นชื่อหวานๆ ให้อารมณ์หญิงไทยสุดๆ แบบนี้ อย่าเพิ่งมโนภาพไปว่าเชฟเพลงร่มฉัตร ขำศิริ จะเป็นสาวหวาน ผมยาวสลวย เรียบร้อย
โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา / ภาพ ภัทรชัย ปรีชาพานิช
เห็นชื่อหวานๆ ให้อารมณ์หญิงไทยสุดๆ แบบนี้ อย่าเพิ่งมโนภาพไปว่าเชฟเพลงร่มฉัตร ขำศิริ จะเป็นสาวหวาน ผมยาวสลวย เรียบร้อย เพราะทั้งหมดที่กล่าวมาไม่มีอยู่ในตัวเธอเลย แต่เสน่ห์ในตัวเชฟเพลงที่ตราตรึงใจนอกจากรสชาติอาหาร คือ บุคลิกสาวมั่นยุคใหม่ที่เป็นตัวของตัวเอง แถมไฮเปอร์และแอ็กทีฟสุดๆ
เชฟเพลงเปิดฉากสนทนาถึงเส้นทางการเป็นเชฟว่า เริ่มต้นเมื่อเธอถามตัวเองตอนเรียนจบปริญญาตรีจากคณะสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าชีวิตจะไปต่อทางไหนดี เธอจึงเริ่มค้นหาสิ่งที่ชอบและสนใจ นั่นคือ การทำอาหาร และเมื่อพบคำตอบจึงไม่รอช้าที่จะเดินตามความฝันของตัวเอง ด้วยการลัดฟ้าไปเรียนต่อด้านการทำอาหารโดยตรงที่สหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 1 ปี และหาประสบการณ์การทำอาหารที่นั่น
“ตอนที่ตัดสินใจจะไปเรียนด้านอาหารจริงจัง ก็มีคนเตือนว่าอย่าเอาสิ่งที่ชอบมาเป็นอาชีพ เพราะสุดท้ายพอเป็นอาชีพแล้ว เราอาจจะเบื่อหรือไม่ชอบมันอีก ทางที่ดีจึงควรเก็บสิ่งที่ชอบไว้เป็นงานอดิเรกมากกว่า แต่เพลงไม่คิดอย่างนั้น เพลงคิดว่า 90% ของชีวิตคนเราคือการทำงาน ดังนั้นเราน่าจะเอาสิ่งที่ชอบมาอยู่ใน 90% นี้” เชฟเพลง เล่าถึงจุดเริ่มต้นของอาชีพที่เธอบอกว่าเหนื่อยจริง ลำบากจริงอย่างออกรส
แม้จะใช้เวลาเพียง 3 ปี ในการไต่เต้าจนขึ้นสู่ตำแหน่งซูส์เชฟของอนาเธอร์ฮาวบายเกรย์ฮาวด์คาเฟ่ เชฟเพลง บอกว่ากว่าจะมาถึงก็ผ่านอุปสรรคมาไม่น้อย ยกตัวอย่างตอนแรกที่ไปเรียนก็เจอปัญหาเรื่องภาษา เนื่องจากในวงการอาหารมีศัพท์เทคนิคจำนวนมากที่ต้องเรียนรู้ ไม่รวมอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ในครัวที่ต้องเจอบ่อยๆ ตลอดจนการเหยียดผิวว่าเป็น “หัวดำ” (คนเอเชีย) แต่สุดท้ายแล้วเชฟเพลงก็พิสูจน์ให้ชาวต่างชาติเห็นว่า ถึงจะ “หัวดำ” แต่ก็มีศักยภาพและความสามารถไม่แพ้ใคร และเธอก็สามารถเข้าทำงานในร้านอาหารชื่อ Public ที่นิวยอร์กได้สำเร็จ
“ร้านที่ไปทำเป็นร้านแนวออสเตรเลียนและนิวซีแลนด์ เน้นอาหารที่ทำจากเนื้อจิงโจ้ เนื้อแกะ ที่บังเอิญคือ เป็นร้านที่ขยายธุรกิจมาจากบริษัทดีไซน์ชื่อดัง ซึ่งจะว่าไปก็เหมือนกับเกรย์ฮาวด์ที่ขยายมาจากร้านเสื้อผ้า ซึ่งตอนที่ทำอยู่ที่นั่นก็สนุก และไม่คิดจะกลับมาเมืองไทยแล้ว แต่ติดปัญหาเรื่องเอกสาร ต้องต่อวีซ่า เราเองก็เป็นพวกไม่ชอบเดินเอกสาร ประกอบกับไปอยู่นานคิดถึงที่บ้าน เลยตัดสินใจบินกลับมาทำงานเมืองไทย”
กลับมาทำงานอยู่เมืองไทยได้ไม่ถึงปี เชฟเพลงก็มีโอกาสเข้ามาร่วมงานกับเกรย์ฮาวด์ ในฐานะซูส์เชฟหญิงคนแรกประจำอนาเธอร์ฮาวบายเกรย์ฮาวด์คาเฟ่ สาขาพารากอน รับผิดชอบดูแลส่วนครัวทั้งหมด แถมยังได้รับความไว้วางใจจากเชฟต่อ เชฟใหญ่ของเกรย์ฮาวด์ ให้โชว์ความคิดสร้างสรรค์ครีเอตเมนูพิเศษประจำเดือนอีกด้วย
“งานเชฟไม่ใช่เพียงทำอาหารให้อร่อย แต่ยังต้องใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไป จะจัดจานยังไง สมมติในจานมีสีเยอะแล้ว จะเอาสีอะไรมาตัดดี เรียกว่านอกจากจะเป็นอาหารปากแล้ว ต้องเป็นอาหารตาด้วย”
อย่างไรก็ตาม เชฟเพลง ยอมรับว่าถ้าไม่ใช่เพราะใจรักจริงๆ คงอยู่ในอาชีพนี้ไม่ได้นาน ซึ่งจนถึงวันนี้เชฟเพลงมีคำตอบว่าเธอรักอาชีพนี้ และสนุกกับงานนี้จริงๆ สำหรับเธอมองว่าเชฟที่ดีไม่ใช่ทำอาหารเก่ง คิดเมนูเก่งเท่านั้น แต่ยังต้องรู้จักเข้าใจผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า พนักงานส่วนบริการ หรือลูกน้องในครัว เพราะทุกคนต่างมีหน้าที่และความกดดันที่ต่างกัน ในฐานะที่เป็นหัวหน้าจึงต้องเข้าใจทุกฝ่ายให้ดี
“ถึงเพลงจะอายุแทบจะน้อยสุดในครัว แต่ไม่ใช่ปัญหา และเพลงจะบอกลูกน้องเลยว่า เวลามีปัญหา ทะเลาะกัน เถียงกัน ขอให้จบในวันนี้ อย่าเก็บมาคิดต่อ เพราะมีแต่จะทำให้งานเสีย เพราะใจมัวแต่พะวงกับปัญหา อีกอย่างทุกวันนี้เพลงยังมักลงมือทำอาหารเองในครัวบ่อยๆ หนึ่ง เพราะใจเรายังอยากทำ สอง คือ เราเหมือนได้เอาตัวเองลงไปอยู่ในมุมลูกน้อง ลงไปรู้ว่าอะไรยังขาด ยังเป็นปัญหา ทำยังไงอาหารจะทำได้เร็วขึ้น หรือตรงไหนสกปรก ไม่สะอาด”
สำหรับเป้าหมายในอนาคต เธอยังอยากทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องเปิดร้านเป็นของตัวเองนั้น เธอบอกยังเป็นความหวังไกลๆ รอสั่งสมประสบการณ์และสะสมทุนทรัพย์ให้ได้มากกว่านี้ก่อน เพราะลำพังตอนนี้เธอเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเกรย์ฮาวด์ก็ทำงานแทบทุกวันอยู่แล้ว
รู้หรือไม่?
เชฟเพลง เคยมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง มีเพลง “เธอไม่รู้” เป็นเพลงเปิดตัว แต่ที่ชอบที่สุดในอัลบั้มคือเพลง “บางเรื่องไม่จำเป็นต้องเข้าใจ” โดยอัลบั้มนี้อยู่ในสังกัดแกรมมี่ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
เธอเคยมีผลงานละครเรื่อง หมอสงวน ออกอากาศทางช่องไทยพีบีเอส
เธอเคยเป็นนางเอกภาพยนตร์เรื่อง “ฟ้าใสใจชื่นบาน”
เธอยังเป็นพิธีกรภาคสนามให้กับรายการเป็นอยู่คือ ออกอากาศทางไทยพีบีเอสในบางเทป
เธอชอบกินอาหารไทย แต่ชอบทำอาหารฝรั่ง
เธอเป็นคนรักการขี่จักรยาน เคยเชิดให้รถไฟฟ้า แล้วปั่นจักรยานฝ่าการจราจรจากสยามไปประชุมที่ทองหล่อ
ความฝันสูงสุดของเธอ ไม่ใช่ได้เป็นเจ้าของร้านอาหาร แต่อยากปลูกผักไว้กินเอง ประมาณว่าเก็บมาก็ลงกระทะได้เลย
เธอไม่ใช่ทอม แต่เป็นผู้หญิงที่ไม่หวาน ไม่ได้ติดสาว ชอบแต่งตัวสบายๆ สวมรองเท้าผ้าใบ
เมนูสปาเกตตี ชะชะช่า
ส่วนผสม
1.สปาเกตตีเส้นดำต้ม 150 กรัม
2.กุ้งสด 50 กรัม
3.หอยเชลล์นอก 25 กรัม
4.พริกขี้หนูบด 10 กรัม
5.กระเทียมสับ 10 กรัม
6.ใบกะเพรา 5 กรัม
7.ใบโหระพา 5 กรัม
8.ไข่กุ้ง 10 กรัม
9.มะเขือเทศเชอร์รี 25 กรัม
10.เหล้าจีน 20 กรัม
11.น้ำปลา 15 กรัม
12.พริกไทยอ่อน 20 กรัม
13.น้ำมันมะกอก 25 กรัม
วิธีทำ
1.ตั้งกระทะให้ร้อนโดยใช้ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันมะกอกลงไป
2.ผัดพริกกับกระเทียมให้หอม ใส่กุ้ง หอยเชลล์ และเหล้าจีนลงไปผัด ไม่ต้องสุกมาก
3.นำเส้นที่เตรียมไว้ลงไปผัด ใส่มะเขือเทศเชอร์รี พริกไทยอ่อน ใบโหระพา และใบกะเพรา
4.ปรุงรสชาติด้วยเกลือ พริกไทยดำ
5.ตักใส่จาน โรยด้วยไข่กุ้ง พร้อมเสิร์ฟ


