พนมเทียน ถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตที่ยิ่งใหญ่
ในวงวรรณกรรมหากเอ่ยชื่อของ “พนมเทียน” ไม่ว่าจะเป็นนักอ่านรุ่นเล็กรุ่นเดอะย่อมรู้จัก เพราะนอกจากจะมีผลงานออกมาให้ได้เสพกันมานานหลายปี
โดย...นกขุนทอง ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์
ในวงวรรณกรรมหากเอ่ยชื่อของ “พนมเทียน” ไม่ว่าจะเป็นนักอ่านรุ่นเล็กรุ่นเดอะย่อมรู้จัก เพราะนอกจากจะมีผลงานออกมาให้ได้เสพกันมานานหลายปี ยังมีผลงานเลื่องชื่อเป็นอมตะ ซึ่งรวมถึง “เพชรพระอุมา”
ล่าสุดพนมเทียนได้รับรางวัลนักเขียนอมตะ ครั้งที่ 6 ประจำปี 2555 จากมูลนิธิอมตะ ที่มีหลักเกณฑ์ในการคัดสรร คือ เป็นนักเขียนสัญชาติไทย ยังมีชีวิตอยู่ในวันที่ทำการเสนอชื่อ มีผลงานตีพิมพ์ต่อเนื่องเป็นภาษาไทย เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 20 ปี และผลงานดังกล่าวต้องมีคุณค่าสร้างสรรค์สังคมและมวลมนุษยชาติ
จะมีใครเป็นเหมือนกันไหมเมื่อได้อ่านงานเขียนของพนมเทียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรัก บู๊ บุกป่าฝ่าดง รู้สึกหัวใจพองโตเสมอและจินตนาการก็เตลิดโลดแล่นตามท้องเรื่องไป พนมเทียนได้สร้างสรรค์งานที่หลากหลาย มีความบันเทิงเริงใจ แต่ได้สะท้อนปัญหาในแต่ละแนวอย่างชัดเจน ที่สำคัญคือ มีการสร้างตัวละครที่เป็นอุดมคติ เป็นแบบอย่างของคนในสังคม
“ผมเป็นนักอ่านมาก่อน เป็นคนจินตนาการ ใจรักที่จะเขียนหนังสือ ผลงานเรื่องแรกคือ ปฐพีเพลิง มัสยา และเริ่มมีชื่อเสียงคือ เล็บครุฑ เขียนเรื่องยาวมา 40 เรื่อง แต่เรื่องยาวจริงๆ หลายๆ เล่มจบ เช่น เพชรพระอุมา 48 เล่ม ที่เขียนได้ยาวเพราะเราถ่ายทอดการใช้ชีวิตจริงๆ อย่างในเพชรพระอุมา เพราะผมเป็นนักเดินป่ามาก่อน ความรู้ใส่ไปในนี้ทั้งหมด ส่วนเรื่องที่ประทับใจที่สามารถพิสูจน์เรื่องภาษาศาสตร์ที่เรียนมาคือ จุฬาตรีคูณ
ชีวิตความเป็นมาของผมจากการผันเปลี่ยนจากอาชีพอื่นๆ ที่เคยเรียนมามาเป็นนักประพันธ์ เพราะผมมีประสบการณ์ชีวิตค่อนข้างมาก ทั้งด้านโลดโผนโจนทะยาน ผมเกะกะเกเรมาก่อน ก่อนที่จะทำให้ผมเสียคนไป ผมเขียนออกมาในรูปของนวนิยาย มุขเรื่องของผมไม่ว่าจะเป็นแบบไหนมาจากประสบการณ์ในชีวิตทั้งสิ้น”
ทำไมงานเขียนของพนมเทียนอ่านกี่ยุคกี่สมัยก็ยังคลาสสิก ไม่ทำให้คนอ่านรู้สึกว่าเป็นวรรณกรรมตกยุค “เพราะเราเขียนให้สนุก เขียนให้น่าติดตาม เขียนเรื่องจริง เขียนสิ่งที่คนไม่รู้ให้เขารู้ และไม่ใช่ความรู้ที่เมกขึ้น และเราเป็นผู้ทำนายอนาคต เขียนเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น เช่น สารกัมมันตภาพรังสีผมเขียนในเรื่องเพชรพระอุมาเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตอนนั้นมีที่ไหน แต่เราทำนายอนาคตได้ เพราะเราเขียนดักวิทยาการไปข้างหน้า ซึ่งจะเขียนแบบนี้ได้ต้องมีพื้นฐานความรู้ ดังนั้นงานของพนมเทียนเอามาอ่านตอนนี้ก็ยังทันสมัย นักเขียนต้องมีจินตนาการที่จะสร้างเรื่อง บางเรื่องคนอื่นรู้สึกเป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้จริง แต่เรามีเหตุผลมายันจนโน้มน้าวว่ามันมีจริงได้”
พนมเทียนได้บอกถึงการเป็นนักเขียนที่ดีว่า “การจะเป็นนักเขียนที่ดีต้องรู้จักสิ่งที่จะเขียนและรอบรู้ มีจินตนาการ ถ้าจะเขียนเรื่องไม่รู้ต้องไปศึกษาให้รู้แจ้ง อย่านั่งเทียนเขียน เมื่อเขียนเป็นแล้วให้สิ่งที่ดีงามแก่ผู้อ่านด้วย อย่าเอาแต่สนุกอย่างเดียว ให้สำนึกว่ารู้คุณแผ่นดิน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ผมเขียนหนังสือออกมาได้ในลักษณะนี้ นอกจากประสบการณ์ในชีวิต นักประพันธ์ทุกคนต้องเป็นนักอ่าน ผมอ่านหนังสือมาแต่เล็กแต่น้อย จากการอ่านหนังสือทำให้เกิดความรู้สึกอยากเขียนหนังสือ และได้รับความรู้ต่างๆ มาจากหนังสือ การศึกษาของผมไม่ได้อยู่เฉพาะโรงเรียน แต่หมายถึงโลกนี้ทั้งหมดที่ผมเผชิญมา ที่ทำให้ผมเป็นนักเขียนยืนยงมาจากอายุ 1617 จนอายุ 82”
ปัจจุบันพนมเทียนยังคงเขียนหนังสือแต่เป็นแนวสารคดี วิชาการ ตำรา ไม่เกี่ยวกับอาวุธปืน ก็ภารตวิทยา เทววิทยา และในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่จะถึงนี้จะมีผลงานเล่มใหม่ออกมาคือ “พนมเทียน อินไซด์ เพชรพระอุมา ภาค 2” (เล่มจบ) และกำลังเขียนเรื่องราวชีวิตของตัวเองก่อนปี 2500
คำประกาศรางวัลนักเขียนอมตะ ปี 2555
พนมเทียน หรือ ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ เขียนนวนิยายเรื่องแรกเมื่ออายุ 16 ปี ปัจจุบันมีผลงานนับร้อยเรื่องในแนวต่างๆ ทั้งเรื่องบู๊ เรื่องรัก เรื่องอาชญากรรม เรื่องผจญภัย และจินตนิยาย
ผลงานของพนมเทียนครองใจผู้อ่านทุกรุ่น ทุกเพศ ทุกวัย มายาวนานกว่า 6 ทศวรรษ นักอ่านและนักเขียนรุ่นใหม่ในปัจจุบันยังคงตามอ่านนวนิยายของพนมเทียนอย่างต่อเนื่อง “เพชรพระอุมา” ผลงานชิ้นอมตะเป็น 1 ใน 100 เรื่อง ของงานเขียนในดวงใจของนักอ่านและนักเขียนที่สำรวจโดยสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
นวนิยายของพนมเทียนไม่ได้ให้แต่ความบันเทิงใจด้วยจินตนาการอันบรรเจิด และภาษาที่สร้างจินตภาพ เร้าผัสสะทางอารมณ์เท่านั้น แต่ได้สะท้อนปัญหาของสังคมตามยุคสมัยมาอย่างต่อเนื่อง ตัวละครของพนมเทียนเป็นภาพสะท้อนของมนุษย์ที่มีคุณธรรม มีความเป็นผู้นำ กล้าหาญ หนักแน่น เสียสละ ยุติธรรม ซื่อสัตย์ กตัญญู ซึ่งน่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนไทยในยุคปัจจุบัน


