ตั๊ก นภัสกร กับบทบาทเชฟมาดเข้มตัวจริง
โดย...วรธาร / ภาพ ยูนิลีเวอร์
โดย...วรธาร / ภาพ ยูนิลีเวอร์
หนุ่มหล่อมาดเข้ม (ตรงหนวดเคราเท่ๆ) คนนี้เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาและรู้จักของคนไทยทั้งประเทศแทบจะไม่ต้องแนะนำตัวในบทบาทนักแสดงมืออาชีพคนหนึ่งของเมืองไทย เขาคือ “ตั๊กนภัสกร มิตรเอม” แอ่น...แอน...แอ๊น แต่รู้ไหมว่าในอีกบทบาทหนึ่งที่หลายคนคุ้นเคยก็คือ เขาคือ “เชฟ” ที่ชอบรังสรรค์เมนูอาหารอร่อยๆ ทั้งไทยและเทศให้คนอื่นได้ลิ้มลอง
ว่ากันว่า ดารานักแสดงที่เป็นเชฟด้วยในเมืองไทยเวลานี้มีอยู่ไม่กี่คนและตั๊กก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่สำหรับเขาต้องบอกว่าเป็นเชฟมาก่อนที่จะเข้าสู่วงการบันเทิง ดังนั้นอาชีพจริงในเวลานี้ของเขานอกจากจะเป็นนักแสดงแล้วก็ยังเป็นเชฟด้วย
แรงบันดาลใจในวัยเด็ก
ในสิ่งที่แต่ละคนเป็นย่อมมีที่มาเสมอ การเป็นเชฟของตั๊กเองก็เช่นกัน โดยในวัยเด็กเท่าที่จำความได้เขาบอกว่าชอบไปคลุกอยู่ในครัว โดยขออาสาเป็น “ลูกมือ” คอยหยิบจับโน่นนี่นั่นให้กับคุณแม่และคุณป้า ในขณะเดียวกันก็คอยเก็บเกี่ยวความรู้และเทคนิคต่างๆ ในการปรุงอาหารจากบุคคลทั้งสองที่ถือเป็นครูสอนด้านการทำอาหารคนแรกๆ
“กลิ่นหอมของอาหาร ไม่ว่าอาหารผัด อาหารทอด ต้ม หรือแกงต่างๆ จากฝีมือของคุณแม่และคุณป้าโชยมาแตะจมูกทีไร ผมต้องเดินไปที่ครัว ดูคุณแม่ บางครั้งก็คุณป้าที่กำลังปรุงอาหารเพื่อคนในบ้านอย่างขะมักเขม้น ผมไม่รีรอที่จะเอ่ยปากขออาสาเป็นลูกมือช่วยเหลือท่าน จากนั้นมาครัวจึงเสมือนเป็นมุมหนึ่งในบ้านที่ผมต้องเข้าไปอยู่เสมอและอาจกล่าวได้ว่าเป็นมุมโปรดของผมก็ว่าได้” เชฟนภัสกร เล่าความหลัง
“ไข่เจียว” คือ เมนูอาหารง่ายๆ และไม่ซับซ้อนกับกรรมวิธีการปรุง แต่ขอให้รู้ว่านี่คือความสำเร็จขั้นสุดยอดของ “ตั๊ก” ที่เขาจำได้เสมอจนถึงทุกวันนี้ เพราะเขาสามารถทำกินเองได้ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับเด็กสมัยนี้ที่อายุเท่ากันจะมีพ่อแม่สักกี่คนที่ยอมให้ลูกอยู่ใกล้เตาไฟร้อนๆ หรือทำอาหารกินเองแบบนี้ เพราะอันตราย
“เวลาทอดไข่เจียว จำได้ว่าหน้าผมอยู่ใกล้กับเตาไฟมาก รู้สึกร้อนหน้าร้อนตาเหมือนกัน แต่ก็ตื่นเต้นและรู้สึกสนุกกับประสบการณ์ทำอาหารครั้งแรกอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งครั้งนั้นก็ทำให้ผมอินเลิฟกับกับการทำอาหารไปเลย แต่นั้นมาทุกครั้งที่เข้าครัวแสดงตัวเป็นพ่อครัวน้อย ผมก็จะมีความสุขและสนุกกับการปรุงเมนูอาหารอย่างไม่รู้จักเบื่อ” เชฟตั๊ก เล่าประสบการณ์ในครัวเมื่อวัยเด็ก
สาน (ตั้ก) ให้เป็นเชฟอาชีพ
จากความชอบในการทำอาหารมาตั้งแต่เด็กเป็นทุนเดิม ตั๊กตัดสินใจเรียนปริญญาตรีสาขาบริหารอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนานาชาติ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล และหลักสูตรประกาศนียบัตรด้านการจัดการโรงแรมและการท่องเที่ยวจากโรงเรียนการจัดการโรงแรมและการท่องเที่ยวนานาชาติ หรือ ITIM (International Hotel & Tourism Industry Management School) ของไทย
ในช่วงของการฝึกงาน เขาได้เข้าฝึกในโรงแรมระดับ 5 ดาวของเมืองไทย (ซึ่งเขาขอไม่ระบุชื่อ) ทำให้ได้มีโอกาสเรียนรู้และพัฒนาตัวเองในการทำหน้าที่เชฟจากประสบการณ์จริงไปพร้อมๆ กับการเรียนรู้และพัฒนาฝีมือจากเชฟรุ่นพี่ที่คอยแนะนำสิ่งดีๆ ให้อยู่เสมอ
“ช่วงฝึกงานเป็นช่วงเวลาที่วิเศษและควรแก่การจดจำสำหรับผมมาก เพราะผมได้รับการช่วยเหลือจากเชฟรุ่นพี่ทั้งหลายเป็นอย่างดี หลายคนให้คำแนะนำ บางคนเมื่อสิ้นสุดของการฝึกงานก็จดสูตรหรือตำราอาหาร ทั้งยุโรป จีน ญี่ปุ่น ให้ไปฝึกปรือ จึงเป็นอะไรที่ประทับใจอย่างไม่รู้ลืมจนถึงวันนี้ ซึ่งถ้าเป็นไปได้ก็อยากเจอพี่ๆ เหล่านั้นอยู่เสมอครับ” เชฟตั๊กเผยช่วงเวลาของการฝึกงาน
จะทำร้านอาหารต้องมีเวลา
ต่อมาแม้เขาจะเข้าสู่วงการบันเทิงและเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทที่มีผลงานมากมาย แต่ความเป็นเชฟของเขาก็ไม่ได้หายไปไหน ทุกครั้งที่มีโอกาสก็จะสำแดงฝีมือการปรุงอาหารให้กับทุกคนได้ลิ้มรสชาติตลอด นอกจากนี้ยังมีโอกาสคิดค้นเมนู สูตรอาหาร การเลือกวัตถุดิบให้กับร้านอาหารของคนที่เขาเคารพรัก รวมถึงการร่วมหุ้นทำร้านอาหารกับคนในวงการบันเทิงที่รู้จักกันด้วย
“ช่วงที่เล่นละครเวที ผมมีโอกาสได้เข้ามาช่วยดูร้านอาหารของครูเล็ก (ภัทราวดี มีชูธน) ในระยะสั้นๆ แต่หลังจากเข้าสู่วงการบันเทิงแล้ว ก็มีโอกาสได้ร่วมหุ้นทำร้านอาหารกับพี่ๆ ที่เป็นดาราด้วยกันและผู้จัด รวมแล้วก็หลายคน ตอนนั้นสนุกมากครับ เป็นช่วงเวลาที่ผมอยู่กับอาหารจริงๆ ได้ทำอาหารอร่อยให้กับลูกค้าได้รับประทาน แต่น่าเสียดายที่ต่อมาผมไม่มีเวลา ไหนจะงานแสดงและอื่นๆ อีก ทำอยู่ประมาณ 67 เดือนได้ ก็ขอถอนตัวออกมา” เชฟตั๊กเล่าประสบการณ์ทำร้านอาหารของตัวเอง
เขาเล่าต่อว่า การทำร้านอาหารให้ดีและประสบความสำเร็จ สิ่งหนึ่งที่เจ้าของร้านต้องมีให้อย่างเต็มที่ก็คือเวลาและการทุ่มเทสรรพกำลังลงไป ซึ่งหมายถึงการใส่ใจในทุกขั้นตอน เช่น การคัดเลือกวัตถุดิบต้องดีมีคุณภาพ รสชาติต้องอร่อย หน้าตาน่ารับประทาน ถ้าขาดสองอย่างก็ยากจะประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในช่วงของการเริ่มต้นยิ่งต้องทุ่มเทเวลาหลายเท่า
พิธีกร...ถึงพริกถึงขิง
ทุกวันนี้แม้เชฟดาราจะไม่ได้ทำร้านอาหารของตัวเองหรือไปร่วมหุ้นเปิดร้านกับใครอีก แต่หลายปีที่ผ่านมานี้เขาก็สนุกกับการทำอาหาร เพลิดเพลินไปกับการหาวัตถุดิบจากทั่วแคว้นแดนไทยมาใช้ในการปรุงอาหาร และมีความสุขกับการให้ความรู้เกี่ยวกับการประกอบอาหารในเมนูต่างๆ ให้ผู้ชมทางบ้านผ่านหน้าจอโทรทัศน์
“ประมาณ 45 ปีได้มั้งครับ ที่ผมเป็นพิธีกรรายการถึงพริกถึงขิงร่วมกับเชฟคนอื่นๆ ซึ่งต้องบอกว่ารายการนี้สนุกมาก เพราะเราได้มีโอกาสร่วมออกเดินทางไปค้นหาวัตถุดิบจากทั่วไทย ที่ไหนมีวัตถุดิบอะไรดีๆ แปลกๆ ไปหมด ไปแล้วก็ได้ความรู้เยอะแยะ เช่นวัตถุดิบพื้นบ้านบางอย่างเราไม่รู้ ก็ได้ความรู้จากชาวบ้านแนะนำ ได้มาก็เอาไปปรุงเป็นเมนูอาหารให้ผู้ชมดู ส่วนใหญ่เป็นเมนูอาหารไทยครับ”
เชฟตั๊ก ยอมรับว่า การปรุงอาหารให้อร่อยและมีหน้าตาน่ารับประทานนั้นก็ไม่ต่างกันกับการแสดง คือต้องอาศัยกรรมวิธีในการปรุงที่พิเศษ รวมถึงการเลือกใช้วัตถุดิบและเครื่องปรุงที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย บางอย่างต้องอาศัยเคล็ดลับเฉพาะเข้าช่วย ขณะที่การแสดงจะให้ออกมาดีเป็นที่ประทับใจคนดูได้ก็ต้องตีบทให้แตก โดยต้องอาศัยอารมณ์เข้ามาเป็นเครื่องปรุงเป็นสำคัญ
คติประจำใจในการทำอาหาร : “ถ้าเรามีใจรักในการทำอาหาร ไม่มีอะไรผิด คิดแล้วทำให้อร่อยที่สุดในโลก”
เมนูอาหารที่ชอบ : ทุกเมนูที่ทำ โดยเฉพาะอาหารไทย
เชฟที่เป็นไอดอล : เชฟคำแสน ชาวอีสานที่เคยร่วมงาน และ กอร์ดอน แรมซีย์
รายการทีวีที่ทำอยู่ : “ถึงพริกถึงขิง” ออกอากาศทางสถานีโทรสีกองทัพบก ช่อง 5 ทุกวันพุธ เวลา 16.30-17.00 น.
สิ่งที่อยากทำต่อไป : พิธีกรรายการอาหาร เช่น หาวัตถุดิบมาสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ ให้ความรู้กับผู้ชม


