‘คุณหนูสุดเปรี้ยว’ ชลัยรัตน์ ส่งวัฒนา
คุณแม่ยังสาวร่างเล็กบอบบางผิวขาวสวย บีบี๋ชลัยรัตน์ ส่งวัฒนา วัย 25 ปี เจ้าของและผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์แบรนด์ “Bi’Chalai”
โดย... วราภรณ์ ภาพ : กิจจา อภิชนรจเรข
คุณแม่ยังสาวร่างเล็กบอบบางผิวขาวสวย บีบี๋-ชลัยรัตน์ ส่งวัฒนา วัย 25 ปี เจ้าของและผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์แบรนด์ “Bi’Chalai” อีกหนึ่งแบรนด์แฟชั่นน้องใหม่ที่น่าจับตามอง เพราะได้ผู้สนับสนุนดีอย่างคุณพ่อสามี สมชัย ส่งวัฒนา แห่งฟลายนาว เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างแบรนด์ แม้ไม่ได้เรียนด้านออกแบบมาโดยตรง แต่ชลัยรัตน์ใช้อินเนอร์ในการรักการแต่งตัวมาครีเอตช่วยวิเคราะห์ทำให้แบรนด์ “Bi’Chalai” ที่เปิดได้เพียง 3 เดือนเศษๆ บนสยามเซ็นเตอร์ มีแฟนๆ อย่าง อั้มพัชราภา ไชยเชื้อ นุ่นวรนุช ภิรมย์ภักดี ใส่เสื้อผ้าของเธอ
บีบี๋ นับเป็นคนรุ่นใหม่ที่ทำธุรกิจโดยอาศัยโซเชียลเน็ตเวิร์ก เพราะค่าที่เธอโด่งดังบนอินสตาแกรม มีคนฟอลโลว์เธอมากถึง 2 หมื่นคน เพราะชื่นชอบและเฝ้าติดตามดูไลฟ์สไตล์เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ ที่แต่งตัวแหวกแนวไม่ซ้ำใคร มีกลิ่นอายคุณหนูเปรี้ยวจี๊ด เป็นผู้นำเทรนด์ที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก เอกลักษณ์ที่ทำให้บีบี๋โดดเด่นบนโลกโซเชียลคือ ติดประดับผมที่ใหญ่ๆ อลังการ
ชลัยรัตน์เล่าถึงแรงบันดาลใจในการสร้างแบรนด์ว่า ตั้งแต่เธอแต่งงานเป็นลูกสะใภ้ของฟลายนาว เมื่อครั้งฟลายนาวสยายปีก เปิดเป็นแบรนด์การ์เดน เธอก็มีโอกาสได้ฝึกปรือฝีมือในการช่วยดูช่วยบริหารแบรนด์ตั้งแต่นับหนึ่ง จนถึงขั้นตอนช่วยสรุปดีไซน์ที่ดีไซเนอร์สร้างสรรค์ออกมา อีกทั้งช่วยออกไอเดียในการคอมเมนต์ในเสื้อผ้าแต่ละคอลเลกชัน จนเธอเริ่มมีประสบการณ์ด้านตลาดแฟชั่นไทยและรู้ว่าผู้บริโภคนิยมและต้องการเสพแฟชั่นแบบไหน
“เมื่อก่อนคนไทยนิยมแบรนด์นอก แต่ยุคนี้ไทยดีไซเนอร์ยอดขายดีมาก บี๋จึงอยากทำเสื้อผ้าที่บี๋ใส่ออกสู่ท้องตลาดบ้าง อีกทั้งบี๋ชอบเล่นอินสตาแกรมมาก แฟนๆ ที่ฟอลโลว์ก็เข้าไปชมว่า บี๋แต่งตัวน่ารัก พอมาทำแบรนด์ของตัวเอง บี๋จึงอยากทำเสื้อผ้าให้ออกมาเป็นตัวบี๋มากที่สุด พอนำโปรเจกต์มาเสนอป๋า ป๋าก็ให้โอกาสลองดู ปรากฏเปิดแล้วผลตอบรับดีมากๆ แม้ บี๋ ชลัย ยังไม่เคยทำพีอาร์แบรนด์เลย แต่บี๋ใส่เสื้อผ้าของตัวเองแล้วโพสต์ลงอินสตาแกรม คนก็มาซื้อตาม อีกทั้งยังมีเพื่อนๆ ในกลุ่มช่วยโปรโมตแบรนด์ จึงทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในเวลาอันรวดเร็ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอินสตาแกรมเป็นตัวช่วยผลักดันให้แบรนด์เป็นที่รู้จักเร็วมากเกินความคาดหมาย”
เรียกว่ากว่าจะเป็นแบรนด์ที่สมบูรณ์ ชลัยรัตน์ต้องลองถูกลองผิด ลองทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่เธอยอมรับว่าโซเชียลเน็ตเวิร์กมีอิทธิพลต่อกลุ่มผู้บริโภคและช่วยให้เธอทำการตลาดได้ดีมาก จากที่ตั้งเป้าเปิดไปสัก 6 เดือนแล้วค่อยๆ ขยายจุดหลายๆ จุด เป็นเปิดเพียงร้านเดียวและทำให้ดีไปเลย เพราะเธอประสบปัญหาคือ เสื้อผ้าไม่พอวางขาย เพราะลูกค้าต้องการสินค้าเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะเสื้อผ้าของแบรนด์ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภค กล่าวคือ แพตเทิร์นสวย เพราะได้ครูดีอย่างฟลายนาว ที่มีชื่อเสียงด้านแพตเทิร์นที่ดีอยู่แล้ว
“แบรนด์ บี๋ ชลัย เหมือนแยกไลน์ออกมาให้มีลุคเป็นคุณหนูที่แอบเซ็กซี่เล็กๆ ซึ่งแบรนด์นี้สะท้อนความเป็นตัวตนของบี๋มากๆ เพราะตัวเองเป็นคนช่างแต่งตัว จุดเด่นของแบรนด์คือ คุณหนูเซ็กซี่ ไม่ว่าจะเป็นเดรสเข้ารูป สั้น เปิดหลังไปเลย เห็นชุดชั้นใน เราจึงออกไลน์บิกินีด้วย ดูเซ็กซี่แต่รับรองไม่โป๊ค่ะ อีกทั้งด้วยแพตเทิร์นจะช่วยอำพรางรูปร่างได้ดีมากๆ คนอวบๆ หน่อยก็ยังดูหุ่นดีอยู่ ไลน์เสื้อผ้ามีเดรสสั้น เดรสยาว กางเกงขาสั้น ชุดชั้นในแบบวินเทจเอวสูง ซึ่งเสื้อผ้าจะสะท้อนการตกแต่งร้านคือ มีกลิ่นอายวินเทจ โมเดิร์น ดังนั้นเสื้อผ้าจึงไม่หวานเลี่ยน กลุ่มลูกค้าเราเริ่มตั้งแต่ 18 ถึง 25 แต่มีลูกค้าบางคนอายุ 55 ก็ยังใส่เสื้อผ้าของเราได้”
สิ่งที่เธอได้เรียนรู้จาก สมชัยแห่งฟลายนาว คือ คำแนะนำและการสรุปแบบในแต่ละคอลเลกชัน “แรกๆ ป๋าไม่เข้าใจเสื้อผ้าวัยรุ่นที่แบบดูเปลี่ยนไปแล้ว คือชุดสั้นขึ้น เซ็กซี่ขึ้น เสื้อผ้าดูไม่มีที่มาที่ไป ซึ่งแบบมาจากจินตนาการล้วนๆ บี๋ก็อธิบายป๋าไปว่า อยากใส่เสื้อผ้าแบบนี้ เปิดร้านสักพักป๋าก็เข้าใจ รู้ว่ามีลูกค้ากลุ่มนี้จริงๆ ป๋าเปิดรับแนวคิดเรา แต่ป๋าจะดูอยู่ห่างๆ ว่าดีไหม และป๋ายังช่วยเหลือด้านการผลิต ให้พื้นที่ ช่วยออกแนวคิดแต่งร้าน เพราะป๋าเอ็นดูเราเหมือนเป็นลูกสาวอีกคนหนึ่ง”
แม้ไม่ได้ทำหน้าที่จรดปลายดินสอร่างแบบเอง แต่ชลัยรัตน์จะมีดีไซเนอร์คู่ใจคอยซึมซับความเป็นตัวเธอทั้งรูปแบบการใช้ชีวิต แล้วนำมาออกแบบเป็นคอลเลกชัน อีกหน้าที่หนึ่งของชลัยรัตน์คือช่วยเลือกผ้า เวลาไปต่างประเทศเห็นผ้าสวยๆ ก็นำมาเป็นแรงบันดาลใจให้ดีไซเนอร์ประจำร้านดูว่าเธออยากได้แบบนี้ เมื่อแบบเสร็จเธอกับสมชัยและพี่สาวของสามีจะเป็นคนช่วยกันเคาะแบบอีกที ชลัยรัตน์บอกว่า การทำแบรนด์เสื้อผ้าสนุกตรงได้ทำในสิ่งที่รักมาโดยตลอด เพราะรักการแต่งตัวมาตั้งแต่เด็กๆ
หากถามถึงจุดเด่นของแบรนด์ที่ไม่เหมือนเจ้าอื่นๆ ชลัยรัตน์บอกว่า เป็นเสื้อผ้าที่หยิบขึ้นมาใส่ได้ง่าย บางวันหญิงสาวเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน ขี้เกียจแต่งตัว ไม่มีหัวคิดที่จะมามิกซ์แอนด์แมตช์เสื้อผ้า และเครื่องประดับให้เข้ากัน แต่เสื้อผ้าของเธอคือใส่ชุดเดียวแล้วจบ เพราะเสื้อผ้ามีดีเทลมากอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องประดับ
“แม้เป็นเสื้อหรือกระโปรงก็สามารถหยิบมามิกซ์แอนด์แมตช์ได้ง่าย คอลเลกชันต่อไปจะดูแป๊ะมากขึ้น คือดูมีดีเทล ใส่ไปงานค็อกเทลหรือปาร์ตี้ได้เลย แต่แบบเสื้อผ้าตอนนี้ยังเป็นแบบใส่เดินเล่น เดินช็อปปิ้งอยู่ แต่เราจะเพิ่มไลน์ทำชุดที่ออกงานกลางคืนได้ด้วย และเรากำลังคิดทำเครื่องประดับเพิ่มอีกหนึ่งไลน์ด้วยค่ะ”
ชลัยรัตน์ ส่งวัฒนา (บีบี๋)
ตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ แบรนด์ Bi’Chalai
ศึกษาจบ ปริญญาตรี สาขา Hospitality and Tourism จาก Stamford International University และสาขาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
หลักการทำงาน มุ่งมั่นจริงจังและคลุกคลี ทำไม่ได้ก็ต้องพยายามจนถึงที่สุด
ต้นแบบในการแต่งตัว โอลเซน ทวิน ฝาแฝดนักแสดงและมีเสื้อผ้าแบรนด์ของตนเอง สิ่งที่ชอบแฝดคู่นี้คือ ทั้งคู่ใส่อะไรก็ดูสวย อีกคนก็คือ เจ้าของบล็อกเกอร์ “Tavitulle” เธอมีชื่อว่า ทาวิทูลี เกวินสัน แม้เป็นหญิงสาวที่อายุยังน้อย แต่ได้รับการยอมรับในแวดวงแฟชั่นระดับโลก
สไตล์แต่งตัว ออกแนวคุณหนูแอบหวานซ่อนเปรี้ยว ขาดไม่ได้คือ ต่างหู สร้อย และแฮร์พีช ซึ่งอิทธิพลการเป็นคนช่างแต่งตัวได้รับการถ่ายทอดดีเอ็นเอไปสู่ลูกสาววัย 5 ขวบ ที่ช่างแต่งตัวเหมือนคุณแม่และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง


