รับมือกับคุณพ่อผู้เงียบขรึม และคุณลูกจอมซน
โดย...คุณนายแจ๊ดแจ๋
โดย...คุณนายแจ๊ดแจ๋
ผู้ชายช่างสงบปากสงบคำ ไม่ยอมพูดยอมจาบอกเล่าถึงความรู้สึก บางครั้งก็ดูดี ดูเป็นชายหนุ่มที่มีมาดสุขุม แต่บางครั้งก็นำความน่าเบื่อมาสู่ชีวิตคู่ ตอนเป็นแฟนกันก็คงไม่เป็นไร แต่เมื่อใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้ว ก็ควรแชร์ความรู้สึกกัน ชอบหรือไม่ชอบอะไรก็บอก มีปัญหาเรื่องลูกที่ต้องแชร์ความคิดกัน ไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาขึ้นได้ จากปัญหาเล็กๆ อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ถึงขั้นทำให้ครอบครัวแตกแยก บางครั้งภรรยาเกิดอาการลมออกหู จะวี้ดใส่คุณสามีก็กลัวจะเป็นตัวอย่างให้ลูกสาววัย 5 ขวบ ที่กำลังช่างจดจำนำพฤติกรรมไม่ดีไปปฏิบัติตาม
สถานการณ์ เมื่อถึงวัยที่จะต้องพาลูกเข้าเรียนอนุบาล ภรรยาถามสามีว่าจะให้ลูกเข้าโรงเรียนอะไร สามีไม่ช่วยตัดสินใจยกหน้าที่ให้ภรรยา ฝ่ายภรรยาเลือกโรงเรียนสองภาษาให้ลูก แต่ลูกกลับเข้ากับเพื่อนร่วมชั้นเรียนไม่ได้ มีพฤติกรรมไม่อยากไปโรงเรียน ร้องไห้โยเยทุกเช้า บางครั้งสร้างสถานการณ์ว่าแกล้งป่วย กลายเป็นเด็กช่างโกหก คุณสามีก็โทษภรรยาว่า เลือกโรงเรียนให้ลูกผิดพลาด
ทางออก เรื่องอนาคตของลูกเป็นสิ่งที่สำคัญที่ต้องตัดสินใจร่วมกัน และการที่เด็กไม่อยากไปโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ต้องดูที่ตัวลูกด้วยว่า เขามีปัญหาในการเข้าสังคมหรือไม่ มีพฤติกรรมด้านอารมณ์ปกติไหม เพราะเด็กคนอื่นเข้ากับเพื่อนได้ แต่ลูกเราเข้ากับเพื่อนไม่ได้ หากลูกเรามีปัญหาจริง ก็ต้องปรับต้องฝึกการเข้าสังคม ส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์ในเรื่องอีคิว ต้องปรึกษาจิตแพทย์ ปรึกษาคุณครูประจำชั้น สอบถามว่าลูกเรามีพฤติกรรมอย่างไร การย้ายโรงเรียนไม่ใช่ประเด็น
วิธีรับมือกับสามีคือ ต้องค่อยๆ คุยกัน เวลาไปปรึกษานักจิตวิทยาเกี่ยวกับลูก ต้องพาสามีไปคุยด้วย เพื่อเขาจะได้เข้าใจว่า ลูกเป็นอะไร ต้องดูแลอย่างไร เพราะคุณหมอจะแนะนำการเลี้ยงดู ซึ่งต้องทำร่วมกัน ต้องปรับด้วยกัน คุณพ่อจะได้เข้าใจลูกและยอมรับ ช่วยกันพัฒนาอารมณ์ พัฒนาสังคมของลูกได้
สถานการณ์ ยุคนี้เป็นยุคสังคมเดี่ยวที่ประกอบไปด้วยพ่อแม่ลูก ส่วนใหญ่ก็ทำงานด้วยกันทั้งพ่อและแม่ คุณแม่ทำงานแล้วเย็นต้องรีบกลับบ้านเพื่อมาดูแลลูก ฝ่ายสามีก็ทำงานเหมือนกัน ต่างคนต่างเหนื่อย เวลาที่ให้กันก็น้อยลง ซึ่งหลายครั้งทำให้เกิดปัญหาครอบครัว ทะเลาะเบาะแว้งกันได้
ทางออก ทั้งสองฝ่ายก็ต้องแบ่งสมดุลระหว่างการทำงานกับการดูแลครอบครัว ต้องจัดสรรเวลาเพื่อให้ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าบ้าง เวลานี้หากมีปัญหาก็ให้พูดคุยกัน หรือตั้งกฎว่าตอนเย็นต้องกินข้าวร่วมกัน การพูดคุยกันจะส่งผลดี เราจะได้เข้าใจ รับรู้ถึงปัญหาซึ่งกันและกัน เหมือนได้ถ่ายทอดความรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ระบายความอัดอั้นตันใจ แชร์ความทุกข์ความสุขร่วมกัน ความสัมพันธ์ในครอบครัวน่าจะดีขึ้น
สถานการณ์ ปัญหาค่าครองชีพ ตอนนี้ข้าวของอะไรก็แพง คนร่ำรวยก็อยู่ไหว แต่คนระดับบีลงมาถึงซีก็อยู่ลำบาก ทำให้มีปัญหาปากท้องตามมา
ทางออก ต้องรู้จักประหยัด หารายได้เสริม รู้จักอดออมเก็บเงิน การที่เรามีครอบครัวมีลูก ต้องใช้เงินค่อนข้างมาก เช่น ค่าใช้จ่ายด้านการเรียน ข้าวของเสื้อผ้า บ้าน รถ ซึ่งล้วนเป็นค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ซึ่งไม่ใช่สิ่งฟุ่มเฟือยแต่เป็นสิ่งจำเป็นต้องใช้ หากครอบครัวเราหาไม่พอ ก็ต้องปรึกษากัน รู้จักอดออม รู้จักเก็บ เพื่อใช้ยามลำบาก ปัญหาครอบครัวถ้ามีสตางค์ซะอย่างก็แก้ปัญหาต่างๆ ไปได้เยอะ ถ้าไม่มีปัญหาการเงินครอบครัวก็อยู่กันสุขสบายขึ้น
Ask the Expert
Q : ทำอย่างไรเมื่อลูกน้อยเสพติดของหวานมากจนไม่ยอมกินข้าว?
A : พญ.นลินี เชื้อวณิชชากร กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการและพฤติกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพ อธิบายว่า การติดขนมสำหรับเด็กนั้น ถือเป็นอาการปกติสำหรับเด็กทั่วๆ ไป แต่ถ้าเด็กติดของหวานมากจนทำให้เกิดอาการเบื่ออาหารนั้น คนเป็นพ่อแม่ควรใช้แนวทางแก้ไขแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะตามข้อมูลสำหรับเด็กช่วงอายุ 1 ขวบขึ้นไป องค์การอนามัยโลกยอมให้กินข้าวมื้อหลักได้ 3 มื้อ และ Healthy Snack 2 มื้อ ซึ่งถ้าเด็กติดของหวานก็พยายามอย่าซื้อของหวานมาไว้ในบ้าน และก็ควรค่อยๆ ฝึกฝนให้เด็กกินขนมที่มีประโยชน์ เช่น กล้วยหอมชุบโยเกิร์ตที่แช่เย็นเป็นไอศกรีม แตงกวาจิ้มเนยถั่ว ฯลฯ ขนมแบบนี้ให้กินได้ 2 มื้อที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ ไม่ได้ห้ามเด็กไม่ให้กิน แต่ให้ค่อยๆ ประยุกต์ และค่อยๆ ลด ทำให้เป็นมื้อเป็นเวลามากขึ้น ถ้าถึงเวลามื้อข้าวแล้วเด็กไม่กินข้าวก็ต้องไม่ให้กิน อย่างมากที่อนุโลมได้ก็เพียงน้ำเปล่า แต่ถ้าเป็นเวลา Healthy Snack เช่น ถ้าเด็กกินข้าวเช้า 8 โมง เด็กก็จะมีเวลา Healthy Snack ประมาณ 10 โมง ก็ให้กินขนมได้โดยประยุกต์ เช่น ขนมปังก็แนะนำให้กินโฮลวีตแทนขนมปังขาว พ่อแม่ก็ต้องทำความเข้าใจว่าเด็กกินขนมหรือของหวานได้ แต่ต้องเป็นขนมที่มีประโยชน์ กินแล้วดีต่อร่างกายและทำให้สุขภาพดี ข้อสำคัญอีกข้อคือ พ่อแม่อย่าไปติดสินบนเด็ก เช่น กินข้าวหนึ่งคำแล้วจะได้กินขนม พ่อแม่ต้องฝึกใจแข็ง ต้องตกลงกับเด็กให้กินเป็นมื้อเป็นเวลา เป็นการฝึกนิสัยให้ลูกมีวินัย
(ใครมีปัญหาด้านความสัมพันธ์ ส่งคำถามมาได้ที่ [email protected])
He Said She Said
ชิน นักวาดการ์ตูน
“ผมรู้สึกไม่ชอบผู้หญิงเจ้าอารมณ์เลย เพราะผมจะปรับตัวและรับมือไม่ไหว ถ้าเธอลดความเจ้าอารมณ์ และเปลี่ยนมาเป็นขี้งอนนิดๆ ผมว่าก็น่ารักแล้วละครับ”
จา ช่างภาพ
“ดิฉันชอบผู้ชายลุยๆ ไม่เรื่องมาก ไปไหนไปกัน จะไม่ชอบผู้ชายเจ้าระเบียบเลย นั่นต้องเป๊ะ นี่ต้องเป๊ะ ดิฉันว่ามันน่าเบื่อ อาจจะใช้กับลูกน้องได้ แต่กับแฟนไม่ควรอย่างยิ่ง”
Quote
“ทุกๆ นาทีที่คุณเกิดอารมณ์โมโห นั่นเท่ากับคุณได้สูญเสียเวลาแห่งความสุขไปถึง 60 วินาทีทีเดียวเชียวนะ”
เรลฟ์ วอลโด เอมเมอร์สัน นักเขียน/กวี/นักปรัชญาชาวอเมริกัน


