posttoday

ฤดูกาลของผู้เยือน

05 มกราคม 2556

ถ้าไม่พูดถึงนกอพยพในช่วงหนาวนี้ก็คงไม่ได้ เพราะเป็นช่วงเวลาเดียวในหนึ่งปีเท่านั้นที่เราจะได้เห็นพวกมันหนีหนาวมาเยือนเรา

ถ้าไม่พูดถึงนกอพยพในช่วงหนาวนี้ก็คงไม่ได้ เพราะเป็นช่วงเวลาเดียวในหนึ่งปีเท่านั้นที่เราจะได้เห็นพวกมันหนีหนาวมาเยือนเรา 

โดย...จำลอง บุญสอง

ถ้าไม่พูดถึงนกอพยพในช่วงหนาวนี้ก็คงไม่ได้ เพราะเป็นช่วงเวลาเดียวในหนึ่งปีเท่านั้นที่เราจะได้เห็นพวกมันหนีหนาวมาเยือนเรา สัปดาห์ก่อนพรรคพวกที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนไปเที่ยวดูเหยี่ยวดำอพยพมาอยู่ที่นครนายกกันมาก แม้จะไม่ใช่นักดูนกและไม่ใช่นักถ่ายภาพนกเหมือนหลายๆ คน ด้วยเพราะมีความอดทนต่ำกว่าเกณฑ์ แต่ก็อยากจะไปดูให้เห็นกับตาว่าหน้าตาเหยี่ยวดำเป็นอย่างไร

โทรไปที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ททท. เพื่อขอข้อมูล ฝ่ายประชาสัมพันธ์ก็ประสานงานไปยังการท่องเที่ยวสำนักงานนครนายก สำนักงานก็ประสานไปยัง“หมู”บดินทร์ จันทศรีคำ ซึ่งไปสร้างบังไพรเอาไว้ดูเหยี่ยวดำ หมูเป็นผู้ประกอบการการท่องเที่ยวผจญภัยของจังหวัดเจ้าของสาริกา แอดเวนเจอร์ เขาเป็นน้องชายของ“แคน สาริกา”บรรณาธิการเนชั่นสุดสัปดาห์ แคนกับผมสนิทกันเหมือนพี่น้อง หมูก็เลยกลายเป็นน้องไกด์ให้ผมในคราวนี้

หมูบอกให้ผมไปนอนค้างแรมที่รีสอร์ตของญาติเขา ผมก็ไปนอนด้วยความเต็มใจ อากาศริมเขาใหญ่ใกล้เขื่อนขุนด่านปราการชลแม้จะดีสักปานใด แต่ก็อุดมไปด้วยทัวร์ฉิ่งฉาบ คืนนั้นผมนอนฟังเพลงของพวกขี้เหล้าเมายาแบบหลับๆ ตื่นๆ แบบเดียวกับที่เจอที่แม่เรวา นครสวรรค์

โอ้...พระเจ้าช่วยกล้วยทอด บรรยากาศมันช่างต่างจากการไปเที่ยวอุทยานในอเมริกา (ที่ไม่มีแม้แต่เสียงคุย) เสียจริงๆ

ตื่นกันตั้งแต่ตีสี่เพื่อเข้าไปซุกอยู่ในบังไพรชั้นที่ 2 ที่หมูและเพื่อนๆ ทำเอาไว้ถ่ายภาพนก ที่เราต้องเข้าไปก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นก็เพื่อให้นกไม่ตื่นกลัวและหนีจากรัศมีเลนส์ เราอยู่กับยุงนานพอควร แต่พอฟ้าสางกลับพบว่าเหยี่ยวดำไม่ได้อยู่บริเวณนั้นสักเลยตัวเดียว แต่อยู่ตามทิว“ต้นทำกระดาษ”ยูคาลิปตัส ที่อยู่ไกลออกไป ไกลเกินกว่าเลนส์300มิลลิเมตร ของผมจะเอื้อมไปถึง แต่ถึงจะอยู่ไกลไปอย่างไรก็หนีเลนส์ส่องนกที่สามารถมองเห็นการบินเหนือยอดไม้ของเหยี่ยวยามพวกมันถูกรบกวนด้วยมอเตอร์ไซค์เบื้องล่างไปไม่ได้

เราได้แต่ถ่ายนกไม่รู้อีโหน่อีเหน่ที่มาเกาะบนต้นไม้ใกล้ๆ บังไพรของเรา แต่ถึงจะใกล้อย่างไรก็เกินกำลังเลนส์300เสมอ การไป“ถ่ายภาพนก”ของพวกเราจึงกลายเป็นการไป“ดูนก”เสียฉิบ

ที่นครนายกและพื้นที่ใกล้เคียง อ.องครักษ์ เป็นแหล่งทำนาขนาดใหญ่เช่นเดียวกับเพชรบุรีและอีกหลายๆ ที่ในภาคกลาง หลังเกี่ยวข้าวแล้วบรรดานกอพยพทั้งยี่ห้ออินทรีและเหยี่ยวจึงบินมาหากินกันมาก การมีป่าละเมาะเป็นหย่อมๆ (แม้จะเป็นต้นกระดาษก็ตาม) จึงเป็นสถานที่ที่พวกนกสามารถมาเที่ยวพักและทำมาหากินได้แบบเดียวกับฝรั่งอพยพมาอยู่แถวภูเก็ตและกระบี่

เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นเหยี่ยวยังไม่ได้บินขึ้นฟ้าแบบนกอื่นๆ เสียเลยทีเดียว เพราะอากาศยังร้อนไม่พอสำหรับรองรับการบินของนกประเภทนี้ ดังนั้นหลังจากพระอาทิตย์ขึ้นจึงเป็นเวลาที่พวกมันบินจากยอดไม้ลงมาอยู่ตามเนินต่างๆ ในป่าละเมาะ ทั้งนี้เพื่อตากปีกและรออากาศอำนวย ช่วงนี้แหละที่ผมพอจะถ่ายรูปมันได้จากระยะไกล และนี่คือรูปภาพที่พอจะนำเอามาให้ดูได้ดูแล้วผมนึกถึงแร้งกินซากวัวที่อยู่ตามทุ่งตอนผมเป็นเด็กๆ เดี๋ยวนี้แร้งไทยสูญพันธุ์ไปแล้วที่หลงมาก็เป็นแร้งอินเดีย

ขอบคุณการท่องเที่ยวสำนักงานนครนายก และคุณหมูแห่งสาริกา แอดเวนเจอร์ สนใจเรื่องเหยี่ยวดำหรือท่องเที่ยวแบบผจญภัยหรืออื่นๆ โทรไปที่ ททท. สำนักงานนครนายก เบอร์037-312-282, 037-312-284หรือwww.tat8.comหรือที่คุณหมูแห่งสาริกา แอดเวนเจอร์ เบอร์08-5044-6963

ตามกำหนดการผมต้องหาเรื่องทำที่ จ.เลย แต่ทว่ากำหนดการได้ถูกยกเลิกไป ดังนั้นจึงต้องหันมาหาเรื่องนกอพยพทำแทน หลังจากไปดูนกที่นครนายกแล้วก็ขับรถไปดูนกที่บึงบอระเพ็ด นครสวรรค์ ที่นั่นเวลานี้นกอพยพพากันมาเหมือนเคย แม้ว่าที่นี่จะถูกอุทกภัยกลืนกินจนนกอพยพหนีหายไปมาก แต่ปีนี้ก็กลับมาแล้วพร้อมๆ กับบัวสายสีชมพูเจ้าของพื้นที่

ผมได้เขตห้ามล่าบึงบอระเพ็ดเป็น“สปอนเซอร์”ที่นอน แต่การที่เราไปถ่ายภาพ“นกยูง”ที่“ลานนกยูง”แก่งมะกรูดนานเกินไป ทำให้เราต้องนอนที่โรงแรมแห่งหนึ่งนอกเมือนครสวรรค์ ไม่ได้ไปรบกวนที่พักที่เขตห้ามล่า

เราไปถึง“เขตห้ามล่า”ล่าช้าไปหน่อย เพราะเสียเวลากับการหาอาหารติดรถ คนที่พาเราไปก็คือคุณพนม คราวจันทึก เจ้าเก่าของนักถ่ายภาพนกมืออาชีพ

คุณพนมเป็นลูกมือของนักถ่ายภาพมือโปรทั้งหลายที่มาถ่ายภาพนกในบึงบอระเพ็ด เขามีชีวิตคู่กับบึงแห่งนี้มาตั้งแต่ปี2529เคยเป็นเจ้าหน้าที่ของเขตห้ามล่าและมีอาชีพขับเรือพานักท่องเที่ยวไปดูนกและดอกบัวไปพร้อมๆ กัน หลังจากเกษียณจากราชการคุณพนมก็ทำหน้าที่ขับเรือพานักท่องเที่ยวชมบึงบอระเพ็ดเหมือนเดิมแม้จะไม่มีความเป็นเจ้าหน้าที่ก็ตาม

ปีนี้บัวแดงสวยกว่าปีที่แล้ว ด้วยเพราะปีที่แล้วบึงถูกอุทกภัยโถมเข้าใส่อย่างหนักจนสายบัวขึ้นไปไม่ถึงน้ำที่สูงมากกว่าปกติหลายเท่า วันที่ผมไปดอกของมันกำลังสวย คุณพนม บอกว่า อีกไม่นานมันจะวายลง แต่จะมี“บัวหลวง”ที่อยู่ใกล้ๆ ชูช่อขึ้นมาแทน

ดอกสาหร่ายข้าวเหนียวสีเหลืองขึ้นอยู่เป็นหย่อมๆ นกเป็ดหลากพันธุ์บินขึ้นฟ้ากันแต่เช้าตรู่เช่นเดียวกับนกกระยางและกาน้ำ อีโก้งขนเขียวบวกม่วงพาปากสีแดงย่องไปบนจอกหนูเหมือนนักย่องเบาชั้นยอด มันเป็นขาประจำของทุกๆ บึงและเป็นขวัญใจของนักถ่ายนก เพราะสีสดใสและถ่ายได้ไม่ยาก (ถ้ามีเลนส์ดี)

คณะที่ผมร่วมไปด้วยอาจจะไม่เข้าใจเรื่อง“ช่วงเวลา”ของการถ่ายภาพได้ดีมากนัก แต่สำหรับช่างภาพแล้วช่วงเวลาที่ดีในการถ่ายภาพเป็นเรื่องจำเป็นมาก ภาพที่ดีต้องถ่ายกันตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นหรือขึ้นแล้วมีแสงทำมุมกับโลกไม่มากนัก เราต้องไปถึงสถานที่ถ่ายภาพตั้งแต่เช้ามืดเพื่อให้ได้รูปฝูงนกที่บินตัดกับแสงสีแดง เหลือง ส้ม ที่ขึ้นฉาบฟ้า ช่วงแสงระหว่าง“กลางวันกับกลางคืน”หรือระหว่าง“กลางคืนกับกลางวัน”มีค่าสำหรับพวกเราช่างภาพยิ่งนัก

ก็คงมีแต่พวกเรากันเองเท่านั้นที่จะเข้าใจ!

อีแจว อีโก้ง เป็นนกที่พอจะถ่ายได้ดีเช่นเดียวกับนกกระยางที่มีอยู่เหลือเฟือ เพราะไม่ค่อยตื่นกลัวกับการมาของพวกเรามากนัก เจ้านกเป็ดทั้งหลายถ่ายได้แต่ก็ไกลเกินไป เจ้าแซงแซวถ่ายได้ขณะที่มันพักเล่นอยู่บนดอกบัวสาย น่าทึ่งที่ตัวมันเบาจนบัวสายอ่อนรองรับมันได้

เห็นง่ายๆ ใกล้ที่สุดก็คือ เจ้านกนางแอ่นบ้าน ที่บินคลอเคลียเรือที่วิ่งในบึง แรงกระเพื่อมของน้ำที่ถูกเรือไล่ที่ ส่งผลทำให้แมลงที่เกาะกินยอดไม้น้ำบินขึ้นมา แมลงที่บินขึ้นมานั่นแหละคืออาหารชั้นยอดของนกนางแอ่นบ้าน

เห็นเจ้านกนางแอ่นบินกินแมลงในบึงแล้วก็อดคิดถึงนกยาง นกเอี้ยงที่เลี้ยงควายเฒ่า พวกมันอาศัยการเคลื่อนที่ของวัวและควายที่ไปทำให้แมลงบินขึ้นเป็นเครื่องมือในการหาอาหาร ควายเหล็กก็ช่วยมันได้มาก เพราะนอกจากจะได้กินแมลงแล้ว มันยังได้กินไส้เดือนนาที่ถูก“ผาน”พลิกขึ้นมาให้กินอีกด้วย

นกยางประเภทนี้ไม่ได้หากินเฉพาะกับสัตว์กินหญ้าหรือกับควายเหล็กเท่านั้น แต่มันยังหากินในบริเวณกองขยะที่อุดมไปด้วยแมลงอีกด้วย ต้นปีที่ผ่านมาผมขับรถผ่านกองขยะของ จ.ฉะเชิงเทรา ก็ได้เห็นนกยางนับร้อยตัวทำมาหากินในย่านนั้นด้วย ผมถ่ายภาพชีวิตของมันได้ในช่วงที่มันยืนพักพุงไซร้ขนขาวของมันบนเนินขยะ

ที่อินเดียและเนปาลนกยางก็มีให้เห็น แต่ก็ไม่มากเหมือนอีกา อีกาอินเดีย เนปาล เป็นเจ้าถิ่นที่นั่น อีแร้งซึ่งเคยชุกชุมเพราะคนอินเดียทิ้งศพให้มันกินตามความเชื่อค่อยๆ หายไป เพราะแหล่งพักพิงถูกรบกวน แต่เจ้าอีกาไม่ได้ถูกรบกวน มันจึงครอบครองดินแดนอินเดียได้มากกว่านกอื่น ยกเว้นนกพิราบที่อาศัยอยู่ตามซอกหลืบของตึกที่ออกไข่สืบสายพันธุ์ของมันได้ปีละหลายครั้ง บ้านเราโดยเฉพาะกรุงเทพฯ ตอนนี้ต้องยกให้“นกเขา”ทั้งนกเขาชวาและนกเขาใหญ่ที่สามารถสร้างรังตามซอกหลืบของคอนโดมิเนียมต่างๆ ที่ขึ้นมาเป็นดอกเห็ดได้ บางคนก็ชอบโปรยข้าวและหมี่ซองเลี้ยงมันตามประสาคนเอื้ออาทร นกเขาก็เลยเป็นนกเขาบะหมี่ซองมากกว่าเมล็ดธัญพืช“นก”ก็เลย“เสียนก”ไปเลย เมื่อพูดถึง“นก”“เสียนก”ไปแล้วก็อดคิดถึง“คน”เสียคน”ไม่ได้ ก็คนเมืองเดี๋ยวนี้ กินไก่ กินหมู กินผักจากฟาร์มของผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรเหมือนกัน ผลของการกินอาหารประดิษฐ์ส่งผลต่อยีนของมนุษย์อย่างไรผมดูไม่ทราบ มหาวิทยาลัยทั้งหลายไม่ลองวิจัยกันดูบ้าง หรือว่าการกินอาหารอุตสาหกรรมที่ต่างจากในอดีตจะมีผลทางชีวะเคมีในร่างกายอย่างไร ส่งผลต่อความเป็นมนุษย์โดยรวมอย่างไร

ถ้าพูดถึงนกอพยพกันแล้ว ถ้าไม่พูดถึงนกนางนวลที่บางปูก็เหมือนกับไม่ได้เขียนอะไรเลย นกบางปูเป็นส่วนหนึ่งของนกทะเลอพยพ นกนางนวลในยุโรป ออสเตรเลีย ก็เหมือนนกพิราบหรือนกเขา คือ มีมากเสียจนไม่ควรค่าแห่งความสนใจ

แต่สำหรับคนไทยแล้วนกนางนวลกลายเป็นของมีค่า เพราะเป็นนกอพยพ มันมีค่ามากก็ตอนที่เราสามารถนำเอามันมาเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกับที่บางปูสถานที่ที่เราสามารถใกล้ชิดกับมันได้ด้วยเหยื่อ“กากหมู”ที่ทำให้มันอิ่มอ้วนพอที่จะบินด้วยระยะทางไกลๆ เพื่อกลับไปร่าเริงอยู่ในถิ่นเดิมของมัน

คนที่มาเที่ยวบางปูนอกจากนักถ่ายภาพนกแล้วก็เป็นครอบครัวทั่วไป รวมทั้งหนุ่มสาวตามโรงงานในย่านนั้น ผมว่าเด็กๆ มาเที่ยวพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่จะได้ความสนุกสนานและเพิ่มความกระตือรือร้นของวัยได้มาก ภาพนกบินกันเป็นวงกลมเสมือนการเข้าแถวมารับอาหารด้วยท่าทางต่างๆ ภาพการเคลื่อนไหวของคลื่นในทะเลได้สร้างจินตนาการของเด็กได้ดี ปัญหาก็คือนกเหล่านั้นเป็นพาหะของโรคหรือเปล่า?

ช่างภาพหลายรายคว้ารางวัลจากการถ่ายภาพนกที่นี่ หลายองค์กรมาใช้สถานที่แห่งนี้ทำกิจกรรม ผมว่าถ้ากองทัพบกมีการบริหารจัดการดี เส้นทางไปท่องเที่ยวสะดวก (ทางไปบางปูรถติดมากถึงมากที่สุด เพราะเนื้อที่ของถนนไม่เพียงพอกับจำนวนคน (ในโรงงาน) ที่ใช้ถนนและจำนวนรถที่มีมากขึ้น) และสิ่งแวดล้อมไม่เสียแบบนี้ ผมว่าบางปูน่าเที่ยวไม่แพ้ที่ไหนๆ นะครับ

นกนางนวลมีมากและบินมาให้ถ่ายภาพได้ใกล้ๆ แต่ถึงจะใกล้อย่างไรก็ถ่ายให้ออกมาดูสวยได้ยาก เพราะมันไวจนหาโฟกัสลำบาก ภาพที่ดีผมว่าน่าจะอยู่ตอนเช้าและตอนเย็น ตอนเช้าอาจจะดูไม่มีชีวิตชีวาเท่าตอนเย็นที่มีคนแต่งตัวสวยๆ มาเที่ยว ผมพยายามแบกเลนส์ยาวมากๆ ไปถ่าย รูปก็ออกมาก็ออกจะไม่สวยเพราะโฟกัสลำบาก สู้เลนส์สั้นๆ ที่โฟกัสง่ายๆ ไม่ได้ ก็เลยได้ภาพนกมาให้ท่านได้เท่าที่เห็นนี่แหละครับ

อีกที่ที่ผมตระเวนถ่ายภาพนกอพยพก็คือที่สมุทรสาครครับ เริ่มจากการโทรไปถามคนที่อยู่ริมทะเลว่าน้ำขึ้นลงสูงสุดตอนไหน ที่ต้องถามแบบนั้นก็เพราะว่าผมจะหาช่วงเวลาน้ำขึ้นสูงสุดว่าอยู่ช่วงไหนของวัน (แต่ละวันขึ้นลงไม่ได้เป็นเวลาเดียวกัน ขึ้นอยู่กับค่ำหรือแรม พระจันทร์เข้าใกล้ซีกโลกบ้านเราเวลาไหน) น้ำทะเลที่ขึ้นสูงสุดจะทำให้นกน้ำไม่เพียงแต่จะหาที่พักในทะเลไม่ได้เท่านั้น ยังจะหมดพื้นที่เลนหากินอีกด้วย การหมดพื้นที่เลนหากินนั่นแหละคือช่วงเวลาที่นกจะอพยพมาพักอยู่ตามที่ชุ่มน้ำบนฝั่งหรือนาเกลือที่อยู่ใกล้ทางรถวิ่ง

ผมไปซื้อปลาวังที่ชาวนาไขน้ำออกจากวังแถวๆ ศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสมุทรสาครก่อนตั้งแต่เช้า ได้ปลาสด ปูสด แล้วจึงขับรถตระเวนไปตามถนนริมฝั่งทะเลที่เขาทำเอาไว้ หลังจากนั้นจึงวกมาที่นาเกลือแห่งหนึ่งที่ใกล้กับวัดพันท้ายนรสิงห์ นาเกลือแห่งนั้นเป็นที่พักผ่อนของนกอพยพยามน้ำขึ้น ช่างภาพหลายรายได้ภาพดีๆ จากที่นี่เช่นเดียวกับนักดูนกที่มาดูนกแปลกๆ

นกนางนวลนอนพักผ่อนอยู่กลางทุ่งนาเกลือพร้อมๆ กับนกชายเลนอื่นๆ นกนางนวลอยู่ด้านนอก นกชายเลนอยู่ด้านใน ทั้งหมดแทบจะหันหน้าไปในทิศทางเดียวกันเหมือนกับเด็กเข้าแถว พอเราเข้าไปใกล้ๆ มันก็บินห่างแบบรักษาระยะความปลอดภัยเอาไว้เหมือนนกทั่วไป ผมพยายามสอดส่ายสายตาหานกแปลกๆ แต่ความมากมายของมันทำให้ผมลานตาไปหมด จึงกดชัตเตอร์มั่วๆ ไป ก็ได้ภาพมาให้ท่านผู้อ่านดูอย่างที่เห็นนี่แหละครับ

วันนี้นกอพยพมาให้เราดูมากมาย ดูแล้วก็เพลิดเพลินถ้าวันไหนว่างๆ ก็ไปตามเส้นทางที่ผมย่องไปดูก็ได้ ถ้ารักธรรมชาติก็จะสนุกเพลิดเพลินแต่ถ้าไม่รักไปตรงไหนก็ไม่สนุกครับ!

 

ข่าวล่าสุด

ขนส่ง เตือน! รถติดถุงลมนิรภัยทาคาตะ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต เช็ก-เปลี่ยนฟรี