ความขัดแย้งด้านสิ่งแวดล้อม 2556
โดย...ศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมการจัดการสิ่งแวดล้อมนิด้า www.thaisgwa.com
โดย...ศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมการจัดการสิ่งแวดล้อมนิด้า www.thaisgwa.com
เปิดรับศักราชใหม่ปี 2556 ยังคงเป็นปีที่ไม่มีความอ่อนแอในด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของรัฐ ตรงกันข้ามกับบทบาทขององค์กรระดับโลกกลับให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้นๆ อย่างต่อเนื่อง เพราะทรัพยากรในโลกใบนี้นับวันจะลดน้อยลงเรื่อยๆ และถูกเข้ามาแทนที่ด้วยปัญหามลพิษและความเสื่อมโทรม จนในที่สุดโลกจำเป็นต้องปรับตัวสั่งสอนมนุษย์ผ่านพิบัติภัยต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น รุนแรงขึ้น
ในรอบปี 2555 ที่ผ่านมา วิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อมที่ต่อเนื่องมาจากปี 2554 คือ บาดแผลของความผิดพลาดของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ล้มเหลวมากที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีรัฐบาลมา ส่งผลกระทบแบบกรรมตามทันตาให้กับประชาชนส่วนใหญ่ที่เลือกนักการเมืองที่ชอบสร้างภาพ เห็นประโยชน์แต่สิ่งฉาบฉวย แต่มิได้มองถึงปัญหาและผลกระทบในระยะยาวที่จะส่งผลสะท้อนกลับมาถึงตนเองและครอบครัว
วันนี้หลายคนจึงยังเพ้อหลงคารมของนักการเมืองเหล่านั้นอยู่ อย่างไม่ลืมหูลืมตา โดยมิได้ฉุกคิดพินิจพิเคราะห์พฤติการณ์ของนักการเมืองเหล่านั้นเลยว่า จริงใจต่อการแก้ไขปัญหาเพื่อปากท้องของประชาชนได้หรือไม่ อย่างไร
ถามว่า ปัญหาข้าวของสินค้าราคาแพงขึ้นทุกวันนี้ มีนักการเมืองที่มีเงินเดือนนับแสนบาทต่อเดือนสักกี่คน ที่มาทุกข์ร้อนแทนชาวบ้าน คำตอบของนักการเมืองเหล่านั้นคือ ปล่อยให้มันเป็นไปตามกลไกอุปสงค์อุปทานของราคาตลาดเถอะ อย่าไปยุ่งเลย สู้เอาเวลาทุกวินาทีขณะนี้ไปคิดหาหนทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ดีกว่า ชาวบ้านจะได้อิ่มท้องในอนาคต
สังคมไทยวันนี้ กำลังถูกบิดเบี้ยวด้วยอำนาจรัฐ บวกอำนาจทุน โดยเอาความเดือดร้อนของชาวบ้านมาเป็นเครื่องมือในการสร้างกลไกทางนโยบาย หยอดคำหวานให้กับประชาชนไปวันๆ แต่ถูกแอบแฝงซ่อนเร้นไปด้วยเจตนาทุจริต ตั้งแต่ระดับโครงสร้างการถืออำนาจรัฐ และการแก้ไขกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนการเมือง หรือกลุ่มทุนที่สนับสนุนพรรคการเมือง
เริ่มตั้งแต่การนำคนของฝ่ายตน กลุ่มทุนของตน เข้าไปนั่งเป็นกรรมการบอร์ด ไปเป็นฝ่ายบริหารในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทมหาชนของรัฐ โดยใช้กลไกของข้าราชการที่สามารถจูงจมูกได้ สั่งซ้ายหัน ขวาหันได้ ให้เอื้อประโยชน์และตอบสนองความต้องการของพวกพ้องและกลุ่มทุน
หากมีระเบียบหรือกฎหมายฉบับใดเป็นอุปสรรคขัดขวางก็จะใช้กลไกจำนวนเสียง สส. สว. ที่มีอยู่ในรัฐสภาแก้ไขระเบียบและกฎหมายเหล่านั้นให้เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มธุรกิจของตนเองและพวกพ้อง กลไกกระบวนการยุติธรรมในการแก้ไขปัญหาจึงไม่ใช่ทางออกของชาวบ้านอีกต่อไป ในเมื่อกระบวนการยุติธรรมก็มิอาจก้าวล่วงสิ่งที่กฎหมายกำหนด หรือสิ่งที่นักการเมืองแก้ไขปรับปรุงกฎหมายให้เอื้อต่อประโยชน์และพวกพ้อง
สังคมไทยจึงไม่อาจเห็นความกล้าหาญของอำนาจตุลาการที่จะใช้เป็นเสาหลักในการสร้างความสมดุลในระบบสังคมของชาติได้ เพราะศาลมิใช่ผู้บัญญัติกฎหมาย เป็นเพียงแค่ผู้นำบทบัญญัติของกฎหมายมาตัดสิน แต่ถึงกระนั้น “ดุลยพินิจ” ในหลายๆ ประเด็นหรือหลายกรณีพิพาทที่กฎหมายเปิดช่องไว้ให้ท่านเหล่านั้น ท่านเลือกที่จะใช้เพื่อประโยชน์ของสังคมอย่างไรมากกว่า
ปี 2556 จึงจะเป็นปีที่กลุ่มทุน ประสานกับกลุ่มการเมือง และข้าราชการระดับสูง ยังคงใช้ช่องว่างของกฎหมายและเล่ห์ฉลที่ซับซ้อนในการฉกฉวยโอกาส ฉกฉวยทรัพยากรของชุมชน ของชาติไปใช้เพื่อประโยชน์และผลกำไรของพวกพ้องเต็มทั้งแผ่นดินไปหมด
การปล่อยให้ชาวบ้านยากจนเข้าไปบุกรุกที่ป่าสงวน ป่าไม้ ทำมาหากินสร้างประโยชน์ พอได้ระยะเวลาหนึ่งระบบราชการก็จะเริ่มเข้าไปแจกป่า แจกที่ทำกินให้ โดยอ้างเพื่อประโยชน์ของคนยากคนจน และพื้นที่เป็นป่าเสื่อมโทรมไปแล้ว ทั้งๆ ที่ป่าเหล่านั้นถ้าปล่อยให้ฟื้นคืนมาก็จะกลายเป็นป่าได้เหมือนเดิม แต่เมื่อแจกป่าเป็น สปก. เป็น สทก.ไปแล้ว ก็เป็นโอกาสของกลุ่มทุนที่จะเข้าไปซื้อสิทธิครอบครองต่อมา เพื่อสร้างเป็นรีสอร์ต สนามกอล์ฟ แปลงพื้นที่เป็นโฉนด เป็น นส.3 ก. เสียสิ้น
วิกฤตการณ์การรุกป่าที่วังน้ำเขียวทับลาน จะกลายเป็นอดีตที่ไม่มีวันหวนคืน รีสอร์ตที่บุกรุกป่าจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยการเลี่ยงกฎหมายปล่อยให้มีการเช่าพื้นที่ประกอบกิจการต่อไปได้โดยกรมป่าไม้กรมอุทยานแห่งชาติ ภายใต้การหนุนหลังของนักการเมืองในทุกระดับ แม้กฤษฎีกาจะเคยวินิจฉัยแล้วว่าทำไม่ได้ก็ตาม ซึ่งแน่นอนว่าจะเกิดการฟ้องร้องกันตามมากับภาคประชาสังคมอย่างถึงพริกถึงขิง
เล่ห์ฉลของระบบราชการที่พยายามจะเตะถ่วงการบังคับใช้กฎหมาย เช่น การประกาศบังคับใช้ผังเมืองให้ล่าช้าออกไปในหลายๆ พื้นที่แม้ผังเมืองเดิมจะหมดอายุไปนานแล้วก็ตาม เช่น พื้นที่มาบตาพุด รวมทั้งพื้นที่ที่เป็นแหล่งแสวงหากำไรของเหล่าบรรดาเรียลเอสเตรตต่างๆ เช่น พื้นที่ที่อยู่รายล้อมอุทยานแห่งชาติหรือพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นต้น เพื่อให้กลุ่มทุนสามารถขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน หรือขออนุญาตการก่อสร้างคอนโด หรือรีสอร์ตให้ได้เสียก่อน
ความพยายามผลักดันโครงการเมกะโปรเจกต์ทั้งหลายให้สามารถออกมาเป็นผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อจะได้มีโอกาสได้ใช้เงินได้เร็วที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องมีมาตรการรองรับไว้ล่วงหน้า เช่น โครงการป้องกันน้ำท่วม 3.5 แสนล้าน ซึ่งยังไม่ผ่านรูปแบบขั้นตอนของกฎหมายที่กำหนดเสียก่อน เช่น การจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (E/HIA) การใช้อำนาจทางปกครองในการยกเว้นการปฏิบัติตามกฎหมายของอำนาจรัฐ จะนำมาซึ่งความขัดแย้งทั่วทั้งแผ่นดิน
การแย่งชิงทรัพยากรของชาติที่มีอยู่เดิมในพื้นดิน เช่น ทรัพยากรแร่เหล็ก ทองคำ สังกะสี และแร่ธาตุอื่นๆ โดยผ่านกระบวนการฉ้อฉลของการเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ของเหล่าราชการที่ทำงาน 8 โมงเช้า เลิกงาน 4 โมงเย็น หลังจากนั้นใครจะแอบขุด แอบลักลอบ แอบค้าอย่างไร ไม่อยากจะรับรู้ เพราะถือว่ามิได้อยู่ในวันเวลาราชการ การปล่อยปละละเลยเหล่านี้ทำให้ทรัพยากรของชาติหมดร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ สุดท้ายประเทศไทยก็จะเหลือแค่กากหางแร่ และสารพิษ สารไซยาไนต์ ที่ปนเปื้อนเป็นที่ระลึกให้ชุมชนอยู่ทั่วแผ่นดิน
ส่วนทรัพยากรด้านพลังงาน ก๊าซ น้ำมัน ไฟฟ้า จะยังคงมีราคาที่แพงมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ผลประกอบการของธุรกิจไฟฟ้า น้ำมัน ปิโตรเคมี จะมีผลกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เพราะสามารถใช้กลไกอำนาจรัฐผูกขาดกันเฉพาะกลุ่มได้ เพราะข้าราชการ นักการเมือง สามารถเข้ามาเป็นบอร์ดผู้บริหารในองค์กรรัฐวิสาหกิจ องค์กรทุนเหล่านั้นได้ การควบคุมกลไกการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคไม่สามารถปฏิบัติได้จริง เพราะม่านผลประโยชน์จากเบี้ยประชุม โบนัส ขององค์กรเหล่านั้นมันปิดปากข้าราชการเหล่านั้นไว้หมดแล้ว
ในขณะที่เสาหลักในองค์กรยุติธรรมก็ทำงานกันเรื่อยเฉื่อย ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ คดีแต่ละคดีกว่าจะเป็นที่สุดหรือถึงที่สุดได้ ก็ต้องใช้ระยะเวลาไปกว่า 5 ปี 10 ปี จนผู้เสียหายได้เสียชีวิตไปก่อนหน้าที่จะได้รับความเป็นธรรม กว่าจะนำตัวผู้ต้องหาส่งศาล หรือยื่นฟ้องต้องแสวงหาหลักฐานกันเสียจนใกล้หมดอายุความ ทั้งๆ ที่ตัวผู้กระทำผิดยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมได้ สื่อสารมวลชนก็มุ่งแต่แสวงหากำไรจากโฆษณาประชาสัมพันธ์จากหน่วยงานรัฐและบริษัทนายทุนเป็นหลักโดยละทิ้งอุดมการณ์ของความเป็นกลางไปสิ้น สังคมไทยในปี 2556 จะกลายเป็นสังคมแห่งการนองเลือดอีกครั้ง เมื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550
แต่ทั้งหมดนี้ไม่กระทบต่อความเป็นอยู่ของนักการเมืองเลย...ยกเว้นแต่ประชาชนตาดำๆ ที่ชอบหรือทำตัวเป็นทาสนักการเมือง...ที่นั่งรอเศษเงินจากนโยบายประชานิยมไปวันๆ


