posttoday

เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีให้มีคุณภาพ

24 ธันวาคม 2555

โดย... อณุศรา ทองอุไร

โดย... อณุศรา ทองอุไร

เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีให้มีคุณภาพ

ในการประกอบธุรกิจใดๆ ก็ตาม สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือนักบัญชี และที่สำคัญไปยิ่งกว่าก็คือผู้ตรวจสอบบัญชี หลายคนมองว่างานเป็นงานที่น่าเบื่อ วันๆ มีแต่ตัวเลข ชวนปวดหัว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลที่ชอบอะไรแตกต่างกันไป แต่ไม่ใช่เขาคนนี้ที่มีเป้าหมายชัดเจนมาแต่วัยรุ่นว่าอยากเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี ชวาลา เทียนประเสริฐกิจ เป็นผู้ตรวจสอบบัญชี อยู่ที่ บริษัท ดีลอยท์ ทัช โธมัทสุ (ประเทศไทย) นับแต่เรียนจบเขาทำงานที่นี่มา 22 ปี โดยไม่เคยย้ายงาน “ผมรักอาชีพนี้ ชอบตัวเลขมาแต่เด็ก เพราะเป็นครอบครัวคนจีน ชอบค้าขาย ชอบคิดเงิน สนุก ไม่เคยน่าเบื่อเลย แล้วบริษัทนี้ก็เป็นบริษัทข้ามชาติที่เป็นอันดับ 1 ใน 4 ของประเทศไทย” เขากล่าวอย่างภูมิใจ

ด้านการศึกษานั้น เขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาบัญชีจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ และปริญญาโท สาขาบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโท การจัดการมหาบัณฑิต วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล และเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตในประเทศไทยและสมาชิกสภาวิชาชีพและสมาคมนักบัญชี และยังเป็นอาจารย์พิเศษสอนนักศึกษาปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพอีกด้วย

หน้าที่ของผู้ตรวจสอบบัญชี

หลักๆ ก็คือมีหน้าที่ให้ความเชื่อมั่นในข้อมูลทางการเงินต่อสาธารณชน ทำหน้าที่ของตนให้ได้มาตรฐานสากล นอกจากจะตรวจสอบบริษัทที่ได้รับมอบหมายแล้ว ทางบริษัทผู้ตรวจสอบเองก็ต้องมีเจ้าหน้าที่คอยมาตรวจคุณภาพการทำงานของเราเช่นกัน “อย่างเรามีบริษัทแม่อยู่ที่สหรัฐอเมริกา ทุกปีบริษัทแม่ก็จะมีทีมงานมาตรวจคุณภาพการทำงานของบริษัทสาขาที่เมืองไทย ว่ามีการทำงานที่ได้คุณภาพตามที่บริษัทแม่วางไว้หรือไม่ รวมทั้งเราได้ไลเซนส์จาก ก.ล.ต. ถ้าทำผิดก็จะถูกตรวจสอบใบอนุญาต โดนยึดไลเซนส์ไปก็มี” ขอบข่ายงานที่ทำคือการตรวจสอบบัญชี ดูด้านภาษีและกฎหมาย เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ให้คำปรึกษาการวางระบบการทำงาน

นักบัญชีที่ดีต้องมีจรรยาบรรณ

ชวาลา กล่าวว่า อาชีพนักบัญชีหรือผู้ตรวจสอบบัญชี ก็ต้องสังกัดสภาวิชาชีพบัญชีเช่นเดียวกับแพทยสภาเช่นกัน ดังนั้น หากการทำงานไม่โปร่งใส ไม่น่าเชื่อถือ ก็จะถูกถอดถอนจากการเป็นสมาชิกได้ เพราะไม่ว่าอาชีพใดก็ต้องมีจรรยาบรรณเป็นไม้ค้ำประกันการทำงาน ที่ต้องชัดเจน โปร่งใส และมีความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ ต่อลูกค้า โดยผู้ตรวจสอบที่ดี นอกจากต้องมีความรู้ความสามารถแล้ว จะต้องมีความเป็นอิสระ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทที่ตนเข้าไปตรวจสอบบัญชี และการเข้าไปตรวจสอบบริษัทใดๆ เราไม่ควรที่จะไปเป็นคณะกรรมการหรือผู้ถือหุ้น ไม่มีญาติพี่น้องหรือคนในครอบครัวเป็นผู้ถือหุ้นใดๆ ทั้งสิ้น มีความโปร่งใส เห็นถึงความผิดปกติใดๆ ไม่เพิกเฉย ต้องมีความรับผิดชอบ มีธรรมาภิบาลในวิชาชีพของตนเอง จะไปทำบัญชีให้กับบริษัทที่เราจะไปตรวจสอบบัญชีก็ไม่ควร “แม้กระทั่งการเล่นหุ้นทั่วไปของบริษัทที่เราเข้าไปตรวจสอบบัญชีก็เป็นเรื่องไม่สมควร เพราะคุณจะขาดความเป็นกลางทันที” เขากล่าวแนะนำ

ปัญหาและอุปสรรค

แน่นอนว่าการทำงานกับตัวเลข หากไม่ละเอียดรอบคอบอาจจะเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ง่ายๆ ที่สำคัญปัจจุบันการทำงานมีความซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ผู้ทำงานจึงต้องมีความรู้ความสามารถและพัฒนาทักษะให้เท่าทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การฝึกอบรมเรื่องใหม่จึงจำเป็นที่ต้องคอยไปอัพเดตอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญต้องคอยตรวจสอบทีมงานของเราเองให้มีคุณภาพและโปร่งใสอยู่เสมอ

หลักการทำงาน

ตลอดการทำงานเกือบ 2-3 ปีของเขานั้น ยึดหลักความซื่อสัตย์ในวิชาชีพ รับผิดชอบงานให้เต็มที่กับสิ่งที่ได้รับมอบหมายทั้งกับองค์กรและกับลูกค้า พัฒนางานของตัวเองอยู่เสมอ เวลามีอบรมอะไรใหม่ๆ ควรเข้าไปมีส่วนร่วม ที่สำคัญควรดูแลทีมงานให้มีโอกาสเติบโต ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า “อย่างที่นี่หากทำงานไปได้สักระยะหนึ่ง ถ้ามีผลงานที่เข้าตาก็จะได้ส่งไปทำงานกับบริษัทแม่ที่สหรัฐอเมริกาหรือสาขาต่างประเทศที่น่าสนใจ เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจในการทำงาน” ซึ่งตัวเขาเองก็เคยไปประจำที่สหรัฐอเมริกามากว่า 2 ปี แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็น่าท้าทายมาก ซึ่งผู้ตรวจสอบบัญชีที่มีคุณภาพมีความโปร่งใส ก็ถือว่ายังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการในตลาดเท่าที่ควร

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือแต่ละปีมีเหตุการณ์ใหม่ๆ มาให้เรียนรู้เสมอ โดยเฉพาะพวกวิกฤตการณ์ใหญ่ๆ อย่างการลดค่าเงินบาท วิกฤตต้มยำกุ้ง เหตุการณ์ซับไพรม์ของสหรัฐอเมริกา วิกฤตการณ์ยูโรที่ประเทศกรีซล้วนมีกรณีศึกษาที่น่าสนใจให้ได้เรียนรู้อยู่เสมอ

เตรียมพร้อมรับ AEC

ใครๆ ก็พูดกันถึงการรวมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 นั้น บริษัทเขาก็เช่นกัน มีการเตรียมพร้อมในเรื่องนี้มาตั้งแต่ 5 ปีที่ผ่านมา โดยการรวมกับสาขาของดีลอยท์ในย่านเอเชีย ส่งตัวแทนมาจากทั้งหมด 8 ประเทศ คือ จากไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน เวียดนาม พม่า และเกาะกวม ตั้งเป็นบริษัทย่อยเพื่อมารับ AEC โดยเฉพาะ โดยมีประธานจากประเทศสิงคโปร์เป็น Ceo และมีตัวแทนจากประเทศไทยเป็นประธานบอร์ดเพื่อให้การทำงานตรงนี้มีความชัดเจน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ถือเป็นบริษัทตรวจสอบบัญชีแห่งแรกในประเทศไทยที่มีการตั้งสาขาย่อยเช่นนี้ ซึ่งจะมีการประชุมสรุปงานกันทุก 2-3 เดือน โดยเวียนกันไปในแต่ละประเทศ

“เรามีการเตรียมตัวเรื่องนี้มาตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว เพราะต้องพร้อมให้มากที่สุดเพื่อจะได้เอาข้อมูลไว้รองรับนักลงทุนที่จะมาใช้บริการ แม้ว่าพม่าต้องใช้เวลาในการลงทุนเรื่องสาธารณูปโภคอีกไม่น้อยกว่า 10 ปี ถึงจะพร้อมเปิดประเทศจริงๆ

ปัจจุบันนี้บริษัทมีผลประกอบการปีละ 1,000 ล้านบาทเศษ มีอัตราการเติบโตปีละ 10-15%”

ข่าวล่าสุด

"ธรรมนัส” เผย 25 ธ.ค.นี้ กล้าธรรมเปิดตัวสส.ทั้งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์