posttoday

พันธุ์ไม้ถิ่นแอฟริกาใต้ในเมืองไทย (1)

07 ธันวาคม 2555

ม.ล.จารุพันธ์ ทองแถม

ม.ล.จารุพันธ์ ทองแถม

หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คนไทยซึ่งเคยไปท่องแดนแอฟริกาใต้จะนำเอาพันธุ์พืชจากที่นั่นกลับมาทดลองปลูกในประเทศไทย พันธุ์ไม้หลากชนิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งไม้ดอกถูกนำเข้ามาปลูกกันนานหลายสิบปีแล้ว จนบางครั้งเราแทบไม่ทราบที่มาที่ไปของพืชเหล่านั้น เหตุผลประการหนึ่งที่มีไม้แอฟริกาใต้อยู่ในเมืองไทยจำนวนมาก ก็เพราะแอฟริกาใต้นั้นเป็นเสมือนบ้านของอาณาจักรไม้ดอกอันสมบูรณ์และหลากหลายเป็นที่สุดของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณเคพตะวันตก (Western Cape) นั้นมีชื่อเสียงเป็นสุดยอดแล้ว ถิ่นไม้ดอกที่มีความหลากหลาย คนแอฟริกาเรียกที่นั่นว่าฟินโบส (Fynbos) นับเป็นเขตที่มีเนื้อที่น้อยนิดเพียง 0.04% ของผิวโลก แต่กลับเป็นอาณาจักรไม้ดอกที่มั่งคั่งสมบูรณ์ที่สุดของดาวเคราะห์ดวงนี้

เหตุผลอีกประการที่มีพันธุ์ไม้ถิ่นแอฟริกาใต้มากมายในเมืองไทย ก็เพราะความสามารถในการปรับตัวของพันธุ์พืชแอฟริกาใต้เหล่านั้น ให้เข้ากับสภาพอากาศแบบร้อนชื้นสลับแล้งของไทยได้ แม้บางโซนจะไม่เหมาะสมเท่าใดนัก ตัวอย่างเช่นภาคใต้ ซึ่งมีปริมาณฝนสูงและแม้จะมีช่วงแห้งแล้งบ้าง แต่ไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ ยังขาดสภาพความหนาวเย็นในช่วงกลางคืน ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของภูมิอากาศแบบแอฟริกาใต้ ผู้เขียนจะกล่าวถึงไม้แอฟริกาใต้ที่โดดเด่นและเข้ามาอยู่เมืองไทยนานพอจนเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป ส่วนพันธุ์ไม้ใหม่ๆ ซึ่งมีผู้สั่งเมล็ดหรือต้นพันธุ์เข้ามาปลูกกันในระยะหลังจะยังไม่กล่าวถึงในขณะนี้

ไม้ยืนต้น (Tree)

การปลูกไม้ยืนต้นถิ่นแอฟริกาในเมืองไทย ห้เป็นผลสำเร็จ ควรศึกษาดูความต้องการของต้นไม้แต่ละอย่าง ดูความสูงของมัน ดูความกว้างทรงพุ่ม เพื่อหาที่ปลูกให้เหมาะสม รวมทั้งดูความสามารถในการเติบโตของราก เพราะเพื่อให้ต้นไม้ของเราเติบโตได้ขนาดที่สมบูรณ์ ต้นไม้ต้องการเนื้อที่ปลูก และทิศทางแสงแดดที่ถูกต้องอีกด้วย

ขนาดของหลุมปลูกไม่ควรต่ำกว่า 50 ซม. แยกหน้าดินและดินล่างออกจากกัน ผสมปุ๋ยหมักเข้ากับหน้าดินและนำลงรองที่ก้นหลุม จากนั้นใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 151515 (NPK) ลงไป หรือจะใช้ปุ๋ยซูเปอร์ฟอสเฟตจำนวน 1 กก. ลงไปที่ก้นหลุม คลุกเคล้าให้ดี ก่อนปลูกต้นไม้ลงไปและกลบด้วยดินจากชั้นล่าง รดน้ำให้ชุ่มหลังปลูก ปักหลักทแยงมุมป้องกันลมพัดต้นโยก การทำคันพูนดินเป็นวงกลมรอบหลุมปลูกเป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อเก็บน้ำที่รดให้ไหลลงสู่หลุมปลูก หากอยู่ในช่วงแห้งแล้วควรคลุมโคนต้นด้วยหญ้าแห้งหรือฟางข้าว (หากมี)

พันธุ์ไม้ถิ่นแอฟริกาใต้ในเมืองไทย (1)

 

สกุลและชนิดต้นไม้จากแอฟริกาใต้

สกุลกระถิน (Acacia) วงศ์ Fabaceae วงศ์ย่อย Mimosoideae acacia spp.

กระถินจากแอฟริกาที่ปลูกได้ในเมืองไทยมีหลายชนิด ส่วนใหญ่มีเรือนยอดกลม มักเป็นไม้ไม่ผลัดใบ ดอกเป็นช่อกลม สีเหลืองกลิ่นหอม มักมีหนามแหลมตามกิ่งก้าน ลักษณะเด่นของไม้ในสกุลนี้คือมีใบประกอบแบบขนนกสองชั้น ออกดอกในฤดูร้อน ดอกดกดูสวยงาม ทั้งใบและฝักเป็นอาหารสัตว์หลายชนิด ให้ทั้งน้ำต้อยและเรณูแก่ผึ้ง จนเรียกกันว่าต้นผึ้ง (Bee tree) และเนื้อไม้เผาถ่านหรือทำฟืนได้ดี เป็นพืชวงศ์ถั่วจึงปลูกบำรุงดินและทนแห้งแล้งได้ดีมาก ชนิดที่น่าปลูกได้แก่ Acacia darroo, A. xanthophloea, A.sieberiana var. woodii และ A.xanthophloea เป็นต้น

สกุลดอมบียา (Dombeya)

เราปลูกดอมบียากันมานานนับสิบกว่าปีแล้ว โดยปลูกที่ดอยอินทนนท์บริเวณดอยผาตั้ง ในเขตทุ่งหญ้าเลี้ยงแกะของโครงการหลวง นอกจากนี้ ยังปลูกในบริเวณบ้านพักของเจ้าหน้าที่ในดอยผาตั้งระดับ 1,400 ม. จากระดับน้ำทะเล

Dombeya rotundifolia วงศ์ Sterculiaceae

เราเรียกชื่อดอมบียาชนิดนี้ว่า Wild pear นับเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบที่มีใบกลม ขอบใบมีรอยหยัก ต้นสูง 56 ม. แผ่เรือนยอด ช่อดอก สีขาวชมพู

สกุลปรงเคพ (Encephalartos altensteinii) วงศ์ Zamiaceae

มีปลูกเป็นไม้กระถางในประเทศไทยนานแล้ว ไม่ทราบผู้นำเข้าคนแรก

ต้นไส้กรอก (Sausage tree) : Kigelia Africana วงศ์ Bignoniaceae

ต้นไส้กรอกมีลักษณะโดดเด่นเพราะมีกิ่งก้านลำต้นสีเทาอมน้ำตาล กิ่งคดบิดงอคล้ายบอนไซ ทนแห้งแล้งได้ดี มีผู้นำเข้ามาปลูกตามบริเวณหน้าบ้านในกรุงเทพฯ เมื่อ 20 ปีมาแล้ว ดอกสีแดงเข้มขนาดใหญ่ ติดผลรูปทรงคล้ายไส้กรอกขนาดยักษ์ห้อยลง โดยผลติดกับก้านยาว ถิ่นเดิมมาจากตอนเหนือของทรานสวาลด์ แต่มีปลูกทั่วไปในแอฟริกาใต้ โดยให้เรือนยอดแบนแผ่กว้างให้ร่มเงาดี ใบประกอบมีใบย่อย 35 คู่ และมีใบที่ส่วนปลายเป็นใบเดี่ยว ใบยาวประมาณ 30 ซม. ผลต้นไส้กรอกนี้อาจมีน้ำหนักถึง 4 กก. ภายในมีเมล็ดมากมาย

ต้นแอฟริกันทิวลิป (African – flame tree) : spathodea companutata วงศ์ Bignoniaceae

แอฟริกันทิวลิปให้ดอกเป็นช่อใหญ่สีแดงอมส้มสะดุดตาในบริเวณปลายกิ่ง ยอดเป็นพุ่มสีเขียวสดทรงกลม นับเป็นไม้ต้นให้ดอกสะดุดตาที่สุดชนิดหนึ่งในแอฟริกาใต้ ต้นไม้ชนิดนี้เข้ามาเมืองไทยนานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยปลูกกันทั่วไปในทุกภาคของประเทศ

ปักษาสวรรค์ดอกขาว (Natal wild banana : Strelitzia Nicolai) วงศ์ Strelitziaceae

มีปลูกในประเทศไทยนานตั้งแต่สมัยต้นกรุงเทพฯ แล้ว พบคู่กับปักษาสวรรค์ดอกสีส้ม (S.reginae) นับเป็นพืชกึ่งเขตร้อนที่พบในชายฝั่งทะเลในเขตนาตาล (Natal) และในเคพตะวันออก ต้นอาจสูงถึง 6 ม. ขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อจากต้นแม่ ชอบอากาศหนาวเย็น ปลูกได้ดีบนยอดดอยระดับ 1,000 ม. แต่อาจปลูกได้ในที่ราบของภาคกลางและภาคใต้เช่นกัน

สกุลทองหลาง Erythrina lysistemon วงศ์ Fabaceae

ต้นทองหลางแอฟริกาที่เข้ามาสู่ประเทศไทยมีหลายชนิด แต่มักมีลักษณะต้นใบและดอกคล้ายๆ กัน เช่น E.caffra ซึ่งขยายพันธุ์ได้ง่ายโดยเมล็ดและกิ่งปักชำ พืชสกุลนี้ให้ช่อดอกสีแดงสดจัดจ้า แต่มีข้อเสียที่อ่อนแอต่อเพลี้ยแป้ง ควรตัดแต่งกิ่งบังคับทรงพุ่มให้เตี้ยแจ้ เพื่อจะฉีดยาคุมเพลี้ยแป้งให้ได้ บนกิ่งอาจปลูกบรอมีเลียดสกุลทิลแอนเซียได้สวยงาม ทองหลางอาจทิ้งใบในฤดูร้อน ใบที่ร่วงหล่นเป็นปุ๋ยอย่างดี การขยายพันธุ์ทำได้ง่าย โดยตัดกิ่งแก่ปักลงไปในดินก็จะออกรากได้เลย ดังนั้นจึงควรขยายกิ่งตัดปักในช่วงฤดูฝน

ข่าวล่าสุด

จบศึก AGM การบินไทย! ผู้ถือหุ้นไฟเขียวบอร์ด 15 คน คลังคุมเกมเกือบทั้งกระดาน