น้ำหนักเท่าเดิมแต่สัดส่วนเพิ่มขึ้นแก้ไขอย่างไร

พญ.นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ

หลายๆ คนอาจเจอปัญหาแบบนี้ น้ำหนักก็ไม่ขึ้น แต่ทำไมสัดส่วนเปลี่ยนไป ใส่ชุดรัดรูปโชว์แขนหรือขาไม่ได้เลย มันดูย้วยๆ ผิวก็ไม่เรียบ ...นี่ล่ะค่ะ เกิดจากคอลลาเจน และอีลาสตินในผิวเสื่อมสภาพลง ทำให้เซลล์ไขมันถูกดันออกมาเรียงตัวไม่สม่ำเสมอ อาการแบบนี้ล่ะค่ะที่เรียกว่า เซลลูไลต์

ไขมันทั่วไปจะอยู่ในชั้นที่ติดกับกล้ามเนื้อลงไป จะมีมากขึ้นเมื่อน้ำหนักเพิ่ม โดยไขมันสามารถเผาผลาญเป็นพลังงานได้เมื่อออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมต่างๆ ส่วนเซลลูไลต์เป็นเซลล์ไขมันที่อยู่ในชั้นผิวหนังแท้ และแทรกขึ้นในผิวด้านบนจับเป็นก้อนไม่เรียบเนียน มีลักษณะขรุขระคล้ายผิวเปลือกส้ม จึงมักเรียกว่า “ผิวเปลือกส้ม” มักพบได้บริเวณสะโพก ต้นขา ต้นแขน ก้น หน้าท้อง ที่น่ากลัวก็คือ เซลลูไลต์ไม่สามารถเผาผลาญเป็นพลังงานได้ และที่สำคัญไม่ว่าอ้วนหรือผอมก็มีสิทธิมีเซลลูไลต์ได้ทั้งนั้น จึงเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์ของทุกคนค่ะ

สาเหตุของการเกิดเซลลูไลต์ เริ่มตั้งแต่ระบบเผาผลาญอาหารในร่างกายผิดปกติ ขาดการออกกำลังกาย หรืออาจเกิดจากความไม่สมดุลของระบบฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน โดยที่ฮอร์โมนเอสโตรเจน จะเป็นตัวที่กระตุ้นการสะสมไขมันในร่างกาย

ขณะที่ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน เป็นตัวที่ทำลายระบบไหลเวียนเลือด และน้ำเหลืองให้เสียไป ทำให้เกิดการสะสมของสารพิษ และส่งผลต่อคอลลาเจน และอีลาสตินในผิว ทำให้โครงสร้างหย่อนคล้อยเสียความยืดหยุ่น ผิวจึงเป็นก้อนไม่เรียบเนียน อีกทั้งยังมีความเกี่ยวพันกับการที่ผิวชั้นหนังแท้เสียสภาพ สูญเสียน้ำ ทำให้เซลล์ไขมันถูกดันออกมาเรียงตัวไม่สม่ำเสมอ

ยิ่งผิวชั้นหนังกำพร้าแห้งและบางก็จะยิ่งทำให้เห็นเซลลูไลต์ได้ชัดขึ้น นอกจากนี้ยังเกิดจากเส้นเลือดฝอยใต้ผิวไม่แข็งแรง มีลักษณะจับแข็งขาดความยืดหยุ่น เพราะเส้นใยคอลลาเจน และอิลาสตินน้อยลง หรือเสื่อมสภาพ ทำให้เกิดการสะสมหรือการคั่งของของเหลวที่เป็นของเสียระหว่างเซลล์

วิธีจัดการกับเซลลูไลต์ ด้วยตัวเอง ง่ายๆ ใครๆ ก็ทำได้ คือกินผักผลไม้สดให้มาก นวดผิวทุกครั้งเวลาอาบน้ำจะช่วยให้เลือดไหลเวียนสะดวก งดอาหารขยะทุกชนิด ไม่กินน้ำอัดลม แอลกอฮอล์ทุกประเภท ออกกำลังกายเป็นประจำ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 3045 นาที และดื่มน้ำให้มากช่วยดีทอกซ์ร่างกายให้ระบบต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าทำไม่ได้ หรืออยากได้ผลเร็ว ทางการแพทย์ก็มีเครื่องมือช่วย

เครื่องมือในการช่วยสลายเซลลูไลต์ก็มีตั้งแต่ การนวดในระดับลึก การสลายไขมันด้วยอัลตราซาวด์ การสลายด้วยคลื่นความถี่วิทยุ ด้วยเมโสเธอราพี การฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือที่เรียกว่าคาร์บอกซี เครื่องมือเหล่านี้ต่างให้การสลายไขมันด้วยหลักการเดียวกันนั่นคือการกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนของเลือด และน้ำเหลืองในจุดที่มีปัญหาดีขึ้น เพิ่มการเผาผลาญไขมัน และสลายไขมันใต้ผิวหนัง

ความสามารถในการสลายไขมัน ตลอดจนจำนวนครั้งขึ้นอยู่กับเทคโนโลยี และประสิทธิภาพของเครื่องมือที่เลือกใช้เร็วๆ นี้ ได้มีเทคโนโลยีใหม่ ที่ผสมผสานเทคโนโลยีหลายอย่างๆ เข้าไว้ด้วยกันทั้งพลังงานคลื่นวิทยุ (RF) พลังงานแสง Infrared (IR) ร่วมกับการทำงานของเครื่องนวดสุญญากาศ ทำให้ได้ประสิทธิภาพในการสลายเซลลูไลต์ และไขมันดียิ่งขึ้น ใช้เวลาเพียง 20 นาที ก็เห็นสัดส่วนที่ลดลงอย่างชัดเจน สามารถยกกระชับผิวที่เผละไม่เรียบเนียน เพราะพลังงาน RF หรือพลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง ส่งพลังงานลงไปทำงานในชั้นคอลลาเจนลึก ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินเกิดการหดตัว และยึดเกาะไขมันในชั้นลึกได้ดีขึ้น

เมื่อทำงานร่วมกับเครื่องดูดสุญญากาศก็ยิ่งทำให้เข้าถึงไขมันเจ้าปัญหาได้มากขึ้น ส่วนพลังงานจากแสงอินฟราเรด จะช่วยยกกระชับคอลลาเจน และอีลาสตินในผิวชั้นบนๆ ทำให้เกิดการเผาผลาญไขมัน และเซลลูไลต์ ทำให้เซลล์ไขมันแตกตัวออกกลายเป็นโมเลกุลเล็กๆ ซึ่งง่ายต่อการย่อยสลาย ถูกดูดซึมและขับถ่ายออกจากร่างกาย

สุดท้ายจะเลือกสลายไขมันด้วยวิธีไหนก็ตาม ควรศึกษาถึงจุดเด่น และประสิทธิภาพในการสลายไขมันของแต่ละวิธีว่าแบบไหนสอดคล้องเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และปัญหาของเรามากที่สุด เพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ได้มากที่สุดค่ะ