คุณแม่ดารากับ ‘กฎ กติกา มารยาท และลูกเขยในฝัน’
เมื่อไม่นานมานี้เราได้ยินได้ฟังข่าวน่ายินดีของดาราสาวสุดสวยเซ็กซี่ “ตั๊กบงกช คงมาลัย”
โดย...ขอเป็นพระเอกในหัวใจเธอ / ภาพ (แม่มะลินุช : นิตยสารลิปส์) (แม่แพนเค้ก ไม่เครดิต)
เมื่อไม่นานมานี้เราได้ยินได้ฟังข่าวน่ายินดีของดาราสาวสุดสวยเซ็กซี่ “ตั๊ก-บงกช คงมาลัย” ที่มีผู้ใหญ่ใจดีรุ่นคุณอามาเปิดประตูหัวใจ และ “บุญชัย เบญจรงคกุล” คนในข่าวนั้นก็ฝ่าด่านอรหันต์อย่างคุณแม่สุดเฉียบ แถมยังสนับสนุนและยินดี (ไม่มีปัญหา) ไปกับลูกสาว เลยชักอยากทราบว่า คุณแม่ๆ ของดารานางแบบ ในวงการนั้นมี “กฎ กติกา มารยาท กับลูกๆ ในเรื่องต่างๆ อย่างไร รวมไปถึง “สเปกของลูกเขยในฝัน” ที่จะฝ่าด่านคุณแม่ด้วย
คุณแม่ของนางแบบ ‘พรทิพย์ โคทส์’
(คุณแม่ของ มะลิ มาลินี แอดเดอเลด โคทส์ และนุช นีรนาท วิกตอเรีย โคทส์)
นางแบบสาวและนักแสดง 2 พี่น้อง “มะลิ มาลินี แอดเดอเลด โคทส์” และ “นุช นีรนาท วิกตอเรีย โคทส์” อายุห่างกัน 1 ปีกว่าๆ เข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 12-13 ปี มีคุณแม่ “พรทิพย์ โคทส์” คอยดูแล ห่วงใย รับส่งใกล้ชิดในฐานะมารดา และบริหารจัดการ ไปพร้อมในฐานะผู้จัดการส่วนตัว แน่นอนว่า...เป็นที่ปรึกษาของทั้งสองคน ในทุกๆ เรื่อง ทั้งการเรียน การใช้ชีวิต ตลอดจนหนุ่มๆ
จากเล็กจนโต
“ช่วงที่ท้องมะลิลูกคนแรก คุณพ่อเขาไปทำงานไฟแนนซ์ประจำที่ ปาปัวนิวกินี มีบริษัทแม่อยู่ที่ลอนดอน เลยมักจะโดนย้ายไปหลายๆ ที่ แต่แม่ก็เลือกมาคลอดที่เมืองไทย เพื่อให้มีสัญชาติไทย เพราะพ่อเขาเป็นอังกฤษออสเตรเลีย พอคลอดแล้วอุ้มกลับไป แล้วไม่นานก็มีนุชอีกคน กลับมาคลอดที่นี่อีก
แม่เลี้ยงพวกเขาแบบไม่ได้เปิดตำรานะคะ เรียนรู้ด้วยตัวเอง เราเห็นความเป็นฝรั่ง อาจมีหลายอย่างที่เราไม่ชอบ เช่น การเรียกพี่ ป้า น้า อาด้วยชื่อเฉยๆ หมด เราเลยสอนให้ลูกเรียกป้า น้า อานำหน้าทุกคนเสมอ แล้วอย่างธรรมเนียมที่ว่าพอโตแล้วจะต้องแยกบ้านไปอยู่ แบบนั้นแม่ก็ไม่ชอบ รับไม่ได้”
แบบฉบับของลูกแม่
“สิ่งแวดล้อมในรุ่นแม่ตอนได้รับการสอนมาทุกอย่างก็แกมๆ บังคับกันหมด เย็นเลิกเรียนก็ต้องกลับบ้าน ถ้าเกิน 5 โมง จะโดนดุแล้ว ยิ่งเป็นเด็กผู้หญิงจะต้องเป๊ะตลอด พอเรามีลูกของเราเอง จะไปทำงั้น...ไม่ได้ ลูกคงเกลียดเราแน่ (หัวเราะ) ฉะนั้นเราจะให้เขาได้คิดเอง เลือกเองด้วยค่ะ
ตอนเริ่มต้นงานพี่น้องเข้าวงการพร้อมกัน แต่นุชจะโดนเรียกมากกว่า มะลิเองตอนแรกๆ เขาก็ยังลังเล ไม่แน่ใจว่าจะชอบไหม จนกระทั่งนุชนำไปก่อน แต่แม่ไม่เคยคิดเลยว่าลูกจะชอบสายทางนี้ ถือว่าเป็นความโชคดี ตอนที่คุณอ้อยและคุณเอ จากฟีเวอร์ ชวนไปเดินแบบ เราเองก็ใหม่มาก แต่พี่ๆ แนะนำจนได้มาเป็นทุกวันนี้
ทุกวันนี้แม่ไม่ควบคุม เพราะเราควบคุมไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าจะไปไหนจะตามใจเธอ แม่จะขอให้บอก สิ่งที่ทำได้มีแต่คำตักเตือน
วงการนี้ทำให้เขาเติบโตมา มีโอกาส มีต้นทุน เริ่มเมื่ออายุน้อยๆ ช่วงเวลาจากนี้ไปอีกระยะหนึ่ง เขาก็เก็บต้นทุนของเขาได้เยอะ มีงานหนัง ละครก็ตอบไป เราก็ผลักดันเขา คอยไกด์เขา ในสายตาแม่ลูกทำอะไรก็ดีไปหมดแหละ แต่แฟนคลับและคนอื่นๆ ก็ให้ความเห็นมาว่า อยากเห็นผลงานเพิ่มอีก มันเป็นการคอนเฟิร์มว่าไปต่ออย่างไรน่ะค่ะ”
หัวใจแม่
“ใจแม่คาดหวังอยากให้ลูกเป็นคนที่แกร่งและฉลาด กล้าที่จะทำอะไร และเผชิญกับมันได้ แต่ต้องไม่ก้าวร้าว แม่สอนเขาเยอะนะ เรื่องใช้เงินและการวางตัว แม่เองเป็นคนดูแลคิว ค่าตัว สัญญา ทุกงานที่เกิดขึ้น แม่เก็บเงินให้เขา เข้าบัญชีให้ เขาจะใช้จ่ายอะไรก็ทราบหมด
คำสอนยอดฮิตก็คือ “เงินไม่ต้องรีบใช้ เก็บไว้เยอะๆ อีกหน่อยจะได้สบาย” ตอนนี้บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ อยู่กับแม่ ก็ประหยัด น้ำมันรถก็ไม่ต้องจ่ายเยอะ จะซื้อของอะไรหัดพอดีๆ ให้รู้จักดุล พูดประจำ บางทีก็กลัวเขารำคาญ
อีกเรื่องที่สำคัญมากคือ การวางตัว คนเขารู้จักเราทั้งนั้น ถึงเราเป็นฝรั่ง จะบอกไม่แคร์ใคร...ไม่ได้ เราต้องรู้ว่าสายตาทุกคนมองอยู่ ถ้าเราทำดี...ทำเลย ถ้าอะไรจะไม่เหมาะสม...ตัวเราใจเราต้องรู้ ต้องแคร์
ลูกเขยในฝัน
“ถ้าเป็นไปได้ 1.ต้องเป็นคนดี 2.หน้าตาให้พอใช้ได้ ในอื่นๆ ก็คงต้องมีฐานะการงานมั่นคง แม่แน่ใจว่า ใครจะมาจีบลูกเรา ไม่มีฐานะคงไม่กล้าจีบนะ (หัวเราะ) บังเอิญลูกเราก็มาอยู่ตรงนี้ เขาเป็นใครไปแล้ว ใครมาเป็นเพื่อนคงง่าย แต่ถ้าแฟนแม่ว่าไม่ง่าย
ลูกเราก็ต้องไว้ใจเขา เราคิดว่าลูกเรามีสติปัญญา และเอาตัวรอดได้ระดับหนึ่งนะ เขามีเซนส์ที่จะมองคน ถ้าได้ยินว่าผู้ชายคนโน้นคนนี้จีบ เราไม่กังวลนะ แต่ถ้าบอกว่าไปเที่ยวกับเขา เริ่มกังวลว่าเขาเป็นใคร ตอนนี้ไม่มีข่าวอะไรให้กังวลนะ แต่ถ้าเกิดวันหนึ่งเป็นข่าวเมื่อไร แม่คงกังวลว่า ถ้านักข่าวถามแล้วลูกตอบอย่างมีอารมณ์หรือเปล่า อาจมีคำถามบางอย่างเขาไม่อยากฟัง แต่ถ้าจะตั้งสติในการตอบคงช่วยได้ เพราะเขาก็ยังเด็ก หลายครั้งจะแนะนำว่า ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องให้สัมภาษณ์มากนัก (หัวเราะ)
อย่างที่ถามเรื่องหนุ่มๆ แม่ว่าการเข้ากับครอบครัวเราได้ มันก็เป็นมาตรฐานของการเลือกคู่จริง แต่บอกตรงๆ นะ ยุคนี้แล้ว อะไรๆ เปลี่ยนไปหมด สุดท้ายใครจะมาแต่งงานกับลูกเรา ลูกเราต้องมีความสุขที่สุด จะต้องไม่ทุกข์ สำคัญกว่าความต้องการของพ่อแม่เสียอีก”
คุณแม่ของนางเอก ‘นวลนง จามิกรณ์’
(คุณแม่ของแพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์)
จากเวทีนางแบบระดับโลกมาจนถึงก้าวเข้าสู่วงการปีที่ 8 “แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์” มีผู้หญิงคนที่อยู่ข้างกายนางเอกคนสวยคนนี้ ทั้งยังเป็นแรงสนับสนุนสำคัญและกำลังใจเสมอมาคือ แม่ “นวลนง จามิกรณ์” ไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือเรื่องส่วนตัว ดูเหมือนฟรีสไตล์ ไม่เข้มงวดแบบแผน แต่อันที่จริงระบบจัดการนั้นชั้นเลิศไม่แพ้แม่ดาราสาวคนอื่นๆ ทีเดียว
จากเล็กจนโต
“แพนเค้กเลี้ยงยาก เพราะเป็นลูกคนแรก แม่ตื่นเต้นเพราะตอนนั้นอยากมีครอบครัว มีลูก กังวล 108 ประการ ทุกอย่างต้องดีที่สุด เสื้อผ้าพิถีพิถัน และเห่อสุดๆ พอมีลูกคนที่ 3 จึงพบคำตอบได้ว่าการเลี้ยงลูกไม่ต้องทำอะไรให้ยุ่งยากขนาดนั้น”
แบบฉบับของลูกแม่
“แบบอย่างของคุณแม่ที่ถูกคุณยายเลี้ยง มาถึงลูกๆ มีหลายสิ่งที่ไม่ชอบ แต่แล้วก็มาส่งต่อถึงลูก เช่น ลูกรู้วิธีถูบ้านหรือเปล่า จะต้องถูเรียงกระดานให้เป็นแนวเดียวกัน แม้กระทั่งการวางจานบนโต๊ะอาหาร หรือการกระทบกันของช้อนส้อมกับจาน ถ้ามีเสียงนิดเดียว คุณยายจะเตือนทันที สิ่งพวกนี้แม่เองก็เคยเบื่อมากตอนเราถูกสอน แต่พอถึงเวลาเราก็สอนลูกเรา และมันคือมารยาทที่ดี
สิ่งที่พร่ำสอนเขาเสมอเลยก็คือ “อย่าหลงลืมตัวเอง” ชีวิตเราไม่ใช่แบบซินเดอเรลลา เราต้องทำงาน ต้องดูแลตัวเอง อย่าลืมตัวนะว่าเราเป็นใคร เราไม่ได้คิดจะก้าวเข้ามาในตอนแรก ถ้าเข้ามาแล้วจะทำอย่างไรให้เราอยู่ได้ แล้วต้องปรับแนวทางอย่างไร พูดคุยกันตลอดเวลาเมื่อเราได้โอกาสตรงนี้ ถ้าเดินต่อเราควรไปแบบไหน แต่ต้องไม่ใช่แบบที่ทุกคนเป็น เราคงไม่สามารถเดินตามแบบทุกคนได้ เพราะชีวิตเราไม่เหมือนกัน ขอให้เป็นตัวเรา
แพนเค้กปกติจะเป็นคนเงียบๆ เรียบๆ ไม่หวือหวากับชีวิต จะยอมทำอะไรก็ต่อเมื่อแม่เห็นว่าดี แต่ไม่ใช่ว่าเห็นด้วยกับเราตลอด แต่ก็ทำนะคะ คือ เขาไม่ใช่คนที่จะทำให้เราเสียใจฉับพลัน
ตอนนี้นอกจากงานบันเทิงก็พยายามให้เขามีอะไรเป็นตัวเขาเองขึ้นมา อย่างมีเทดดี เฮาส์ เป็นตุ๊กตาที่เรารักมาตั้งแต่รุ่นแม่ แล้วเราทำธุรกิจ เจอเจ้าของแบรนด์ที่ให้โอกาสเรา น่ารักมากๆ เป็นโชคอย่างหนึ่งของเรา และล่าสุดเสื้อผ้าแบรนด์ของเขาเองขายในอินสตาแกรมให้เขาลองดู แต่เขาต้องขยัน เพราะมันต้องเปลี่ยน ต้องคิดตลอดเวลาไม่หยุด ทำเองครบวงจรค่ะ”
หัวใจแม่
เมื่อก่อนแม่ทำงานประจำ ช่วงที่น้องเรียนมหาวิทยาลัย ก็เลยออกมาดูแลน้องเต็มเวลา โดยปกติที่บ้านคุยกันได้ทุกเรื่อง การดำเนินชีวิตไม่มีอะไรเป็นความลับกัน ไม่ว่าเราจะกินอยู่หลับนอน ทุกอย่างเราชอบอยู่ไม่ห่างกัน มองเห็นกันหมด คนหนึ่งนั่งดูทีวี คนนี้ทำกับข้าว คนนี้ไปห้องน้ำ ทุกอย่างของเราเป็นธรรมชาติ ไม่ได้หมายความว่าเราอยากรู้เรื่องกันและกันนะ แต่เราชินที่อยู่ด้วยกัน ใกล้กันมาโดยตลอด
แม่มักจะมีเรื่องเล่าที่ไม่ใช่เรื่องจริงจัง เวลาอยู่ในรถจะมีนิทานหรือเรื่องเล่าตลอดเวลา ไม่ว่าจะเรื่องความรัก เรื่องทำงาน ฯลฯ เราก็แลกเปลี่ยนกัน ขำขันกัน มานั่งพูดกันเรื่องเขาบ้าง เราบ้าง ทำให้รู้ว่าเราอยู่ร่วมสมัยกับเขา
การเป็นแม่ของแพนเค้กที่ทุกคนคิดว่าคือ นางเอก แม่จะคิดว่าอะไรก็ตามที่ผ่านมาในชีวิตเราแต่ละวันก็ให้มันผ่านไป เราแก้ปัญหาในแต่ละวัน ไม่วิตกล่วงหน้าจะไม่รู้สึกว่ามันแปลกจากชีวิตปกติ เพราะลูกก็ยังเป็นลูกคนเดิมของเรา จะแตกต่างกันก็ตรงความรับผิดชอบ หน้าที่ในสังคม ก้าวออกไปในสถานที่ท่ามกลางประชาชนต้องไม่เฟก เป็นตัวของเราที่ดี
แม่บอกเขาเตือนสติตัวเองตลอดเวลา ทุกคนเขาสนับสนุนเรา ก็ต้องไม่ลืมตัว ตัวแม่เองเป็นแม่ดารา ก็ต้องไม่ลืมเช่นกันว่าเป็นใคร เตือนตัวเองเสมอด้วยเช่นกัน จริงๆ แม่ๆ หลายๆ คนเวลาไปเจอกันตอนทำงาน หลายๆ คนก็มีมุมมองตามแบบฉบับของเขา วิธีการเลี้ยงแตกต่างกัน แต่ทั้งหมดมีเหมือนกันคือ รักลูกมาก ว่าไม่ได้ ว่าทำไมแม่ต้องทำอย่างนั้น หรือพูดอย่างนั้น
ส่วนหนึ่งการเป็นผู้จัดการไปด้วยต้องขอบคุณการทำงานที่ผ่านมา ที่เก็บเกี่ยวมาจากแหล่งต่างๆ จบรัฐศาสตร์ แต่มาทำงานแบงก์ ทำบัญชีก็ทำมาแล้ว หรือการเป็นพีอาร์และเลขาฯ ฉะนั้นพื้นฐานการจัดการ ลำดับการทำงาน การติดต่อผู้ใหญ่ นำมาสอนและบริหารลูกด้วย เราเลยไม่รู้สึกว่าเราแปลก เพียงแต่เปลี่ยนจากงานอื่นๆ มาเป็นลูกเราเท่านั้นเอง”
ลูกเขยในฝัน
“ที่ผ่านมาแม่ยินดีกับลูกเสมอในทุกครั้ง ไม่ว่าเรื่องราวจะจบท้ายอย่างไรก็ตาม และทุกครั้งเรามีความสุขก็พอแล้ว มีคนถามว่าเราสนใจของอดีตของคนที่เข้ามาในชีวิตอย่างไร เขาบอกว่ามันเป็นอดีตของเขา แต่เป็นปัจจุบันของเรา ฉะนั้นเราอยู่กับปัจจุบันถูกที่สุด เราก็มีความสุขกับปัจจุบันของเรา
ตอนเจอคุณพ่อ แม่เคยบอกกับเพื่อนๆ ว่า ถ้าแม่แต่งงานกับผู้ชายคนนี้ แม่จะโชคดีที่สุดเลย ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่รู้จักกับคุณพ่อเลย ไปยืนดูเขาเล่นเทนนิส แต่เขาเป็นสเปกเรามาก วันหนึ่งโอกาสก็นำพาให้เรารู้จักกัน กระทั่งเป็นตัวจริงในชีวิตเรา แต่ความจริงกับความฝันก็คนละเรื่องกัน
ทุกอย่างแม่เชื่อว่า มีการเขียนมาในพรหมลิขิตแล้วละว่า ตรงนี้ คนนี้จะมาในวันนี้ วันไหน มีเส้นทางอยู่ แต่จะเป็นอะไรบ้าง ใช่หรือไม่ใช่ นั่นคือเป็นเส้นทางชีวิตของเขา”
อย่างว่านั่นแหละครับ สูตรใครก็สูตรใคร กฎ กติกา มารยาท แต่ละบ้านก็ต่างกัน ลูกสาวใครใครก็รักก็หวง หนุ่มๆ เข้ามาก็ต้องช่วยสกรีนไปตามประสา เป็นธรรมดานั่นแหละครับ...จริงมะล่ะ


