ของแต่งสวยทำด้วยผักตบชวา
ผักตบชวา หรือที่มีชื่อเรียกว่า บัวลอย ผักปง ผักตบ ผักปอด ผักป่อง สวะ ผักยะวา และผักอีโยก
โดย...ทัดแก้ว ภาพ วรธาร ทัดแก้ว
ผักตบชวา หรือที่มีชื่อเรียกว่า บัวลอย ผักปง ผักตบ ผักปอด ผักป่อง สวะ ผักยะวา และผักอีโยก จัดเป็นวัชพืชที่ยากในการกำจัด เนื่องจากมีการเจริญเติบโตและขยายพันธุ์รวดเร็วมาก ว่ากันว่า 2 ต้น สามารถแตกใบและเจริญเติบโตเป็นต้นถึง 30 ต้น ใน 20 วัน หรือเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัวใน 10 วัน กำจัดไม่หวาดไม่ไหว ทำให้ต่อมามีการนำผักตบชวามาใช้ประโยชน์ต่างๆ เช่น เอาไปเลี้ยงสัตว์ ใช้ผลิตก๊าซชีวภาพ ผลิตปุ๋ย หรือเพาะชำต้นไม้ ขณะเดียวกันก็มีผู้เอาไปทำเป็นชิ้นงานด้านหัตถกรรมโดยทำเป็นเครื่องแต่งกาย เฟอร์นิเจอร์ เครื่องตกแต่งบ้าน เช่น กระเป๋า ตะกร้า หมวก สร้อยคอ เสื้อ โคมไฟ แจกัน แปรผักตบชวาจากวัชพืชที่ไม่มีคุณค่าให้มีราคาและมีคุณค่าน่าใช้อีกด้วย
นฤพน ไพศาลตันติวงศ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอ คณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เป็นผู้หนึ่งที่นำผักตบชวามาทำเป็นเครื่องแต่งกายและของตกแต่งบ้าน เช่น เสื้อ สร้อยคอ ต่างหู โถใส่ของอเนกประสงค์ แจกัน กล่องใส่ของ ได้โดนใจคนรักแฟชั่นและของตกแต่งบ้าน
กระบวนการนำผักตบชวามาใช้ในงานหัตกรรม
อาจารย์นฤพน บอกว่า ผักตบชวานั้นเป็นวัสดุจากธรรมชาติที่หาง่ายและมีอยู่ทั่วไปตามแหล่งน้ำต่างๆ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ในงานหัตถกรรมได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าจะถักหรือสานเป็นรูปทรง หรือรูปแบบของเครื่องใช้ เครื่องประดับ และของตกแต่งบ้าน สามารถทำได้หมด ซึ่งเมื่อทำออกมาแล้วก็ดูเก๋ไก๋สวยงามและเพิ่มมูลค่าอีกด้วย
หลายคนอาจสงสัยว่าผักตบชวาเอามาทำเป็นเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ หรือของแต่งบ้านสวยงามได้อย่างไร อาจารย์นฤพน บอกเล่ากรรมวิธีว่า เบื้องต้นคัดเลือกผักตบชวาที่มีผิวสะอาด ไม่มีแผลมากนัก ลำต้นมีขนาดใหญ่ อวบ ยาว ไม่อ่อนจนเกินไป ตัดรากและใบออกเอาเฉพาะส่วนก้าน แล้วนำไปตากแดดประมาณ 15 วัน พอแห้งแล้วก็ชุบด้วยน้ำยากันเชื้อราอีกประมาณ 15 นาที นำไปตากแดดอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ลอกเอาเปลือกโดยใช้มีดปลายแหลมรูดไส้ในออก
“ต่อไปเป็นขั้นตอนการผลิตเกลียวเส้นเชือกผักตบชวา หรือการตีเกลียวผักตบชวา ซึ่งการตีเกลียวนั้นสามารถทำได้ด้วยมือ โดยการขวั้นเป็นเกลียวเล็กๆ เพื่อนำมาใช้ถัก บางคนอาจใช้วิธีปั่นหน้าแข้ง หากเส้นไม่ยาวพอก็จะต่อด้วยกาวหนัง ซึ่งเป็นกาวที่หาง่ายและไม่ก่อให้เกิดความชื้นอันเป็นสาเหตุให้เกิดเชื้อรา แต่ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครเราใช้เครื่องตีเกลียวที่ได้คิดค้นขึ้นมา 2 เครื่อง เครื่องแรกสามารถตีเกลียวได้ยาว 1 เมตร ส่วนเครื่องที่สองกำลังพัฒนาให้เป็นเครื่องตีเกลียวที่มีความยาวไม่จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในงานวิจัยของมหาวิทยาลัย หากสำเร็จก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากในงานถักทอหรืออุตสาหกรรมสิ่งทอ” อาจารย์สาขาวิชาออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอ กล่าว
เสื้อใช้เทคนิคเมคราเมผสมโครเชต์
สำหรับผลงานที่เป็นเสื้อนั้น อาจารย์นฤพน บอกว่า ทำจากผักตบชวาทั้งหมด การถักจะใช้เทคนิคเมคราเม (Macrame) ซึ่งเป็นการถักมือโดยไม่ใช้อุปกรณ์ใดๆ และเทคนิคการถักแบบโครเชต์ โดยส่วนบนที่ออกสีครีมทั้งตัวนั้นจะใช้เทคนิคเมคราเม ส่วนล่างที่เป็นชายกระโปรงสีน้ำตาล ซึ่งเกิดจากการย้อมสีจะใช้เทคนิคโครเชต์ คือ ใช้เข็มถักโครเชต์เข้ามาช่วย
อาจารย์นฤพน กล่าวว่า ในการถักทอผลงานแต่ละอย่างโดยเฉพาะงานที่ยากจะต้องมีการออกแบบให้เรียบร้อย ทั้งลวดลาย ขนาด รูปทรง และเสื้อตัวนี้ก็ใช้หุ่นเข้ามาประกอบในการถัก โดยเมื่อได้แบบและลวดลายตามที่ต้องการก็เป็นขั้นตอนการถักลวดลาย เริ่มต้นจากรอบคอแล้วไล่มาที่แขน ลงมาที่ลำตัว และส่วนกระโปรง โดยบนตัวเสื้อทุกที่จะไม่มีรอยต่อปรากฏให้เห็น
เมื่อถักเสร็จเรียบร้อยแล้วให้นำเสื้อไปชุบน้ำยากันชื้อราอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้น้ำยากาวใสเคลือบแล้วพ่นด้วยเคลียร์กันเชื้อราอีกที ซึ่งเสื้อตัวนี้กันเชื้อราได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้โดยการรับรองของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ สวมใส่ออกงานได้จริง เนื่องจากด้านในของเสื้อจะติดซับในสีเนื้อเข้าไปด้วย ส่วนด้านหลังก็ติดซิปสามารถรูดเปิดออกได้ง่ายในการสวมใส่
“เสื้อตัวนี้เป็นผลงานวิจัยที่ส่งเข้าประกวดในโครงการสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ ประจำปี 2554 ได้รองชนะเลิศอันดับ 2 ระดับประเทศ ตอนนี้อยู่ในช่วงของการวิจัยต่อยอดพัฒนาปรับปรุงให้เสื้อมีความนุ่มเหมือนเสื้อที่ทำจากผ้า คาดว่าอีกไม่นานก็คงจะได้เห็นครับ” อาจารย์นฤพน กล่าว
อย่างไรก็ตาม บางคนอาจไม่แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์จากผักตบชวาจะมีอายุการใช้งานได้ไม่ยาวนาน ซึ่งอาจารย์นฤพนได้ให้ความเห็นว่า ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาเป็นสำคัญ ถ้าเก็บไว้ในที่ชื้นโอกาสที่จะเป็นเชื้อราไหมก็เป็นไปได้ แต่ถ้าเก็บรักษาอย่างดีก็อยู่ได้นานหลายปี เพราะปกติเคลือบด้วยสารกันเชื้อราอยู่แล้ว โดยเฉพาะเสื้อตัวนี้ไม่ควรซักบ่อย นานๆ ซักสักครั้งก็ได้
เครื่องประดับของแต่งบ้านอื่นๆ
ไม่เพียงเสื้อทำจากผักตบชวาเท่านั้น อาจารย์สาขาวิชาออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอยังทำเครื่องประดับอื่นๆ เช่น สร้อยคอ สร้อยข้อมือ ต่างหู รวมถึงของใช้อเนกประสงค์ ของแต่งบ้านอีกหลายอย่าง เช่น โถอเนกประสงค์ กล่องใส่ของอเนกประสงค์ แจกัน ตุ๊กตา ซึ่งทั้งหมดใช้ผักตบชวาเป็นส่วนประกอบหลัก นอกนั้นก็ใช้วัสดุจากธรรมชาติอื่นๆ เข้ามาผสมผสานเพื่อให้เกิดลูกเล่นและความสวยงาม
“สร้อยคอผมก็เอาผักตบชวามาพันรอบถ้วยโฟมที่เราเจาะเอาเฉพาะส่วนก้นมาใช้ บางอันก็ใช้กะลามะพร้าว จากนั้นก็ตกแต่งด้วยลูกหมาก ซึ่งสุกร่วงลงพื้นเราก็ไปเก็บเอาเมล็ดมาล้างทำความสะอาด แช่น้ำยากันเชื้อรา ลงรักปิดทอง แต่บางอันก็ใช้ลูกปัดไม้แทน มาติดรอบๆ แล้วถักทอล้อมด้วยผักตบชวาด้วยลวดลายต่างๆ โถอเนกประสงค์ ใช้ถ้วยโฟมใช้แล้ว โดยเอาผักตบชวามาพันติดหมดทั้งด้านนอกด้านใน เฉพาะด้านนอกตกแต่งด้วยเปลือกถั่วพิสตาชิโอแล้วใช้ผักตบชวาย้อมสีเพิ่มลวดลายเพื่อความสวยงาม”
อาจารย์สาขาวิชาออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอ ย้ำว่า การสร้างสรรค์ผลงานยังไม่หยุดแค่นี้ ตอนนี้สาขาออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอ คณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร กำลังต่อยอดงานวิจัยโดยใช้ผักตบชวามาผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านที่มีขนาดใหญ่ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ขึ้นในอนาคต


