posttoday

กว่าจะเป็นอรอุมา...สตาร์แห่งเอเชีย

23 กันยายน 2555

หากความสุขในชีวิต คือ การได้อยู่กับสิ่งที่รัก

โดย...นูโน่

หากความสุขในชีวิต คือ การได้อยู่กับสิ่งที่รัก

ได้ทำในสิ่งที่ชอบ

ความสำเร็จในชีวิต คือ การงานดี การเงินคล่อง

เกียรติยศของชีวิต คือ ชื่อเสียง

รางวัลของชีวิต คือ มิตรภาพและกำลังใจ

ตอนนี้ “อร” อรอุมา สิทธิรักษ์ มือตบหัวเสาทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย และเจ้าของ 3 รางวัลผู้เล่นทำแต้มสูงสุด ตัวตบยอดเยี่ยม และผู้เล่นทรงคุณค่า จากศึกเอเชียน คัพ ล่าสุด มีครบทุกอย่างแล้วก็ว่าได้

ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังพิสูจน์ให้เห็นว่า ปัญหาความเสียเปรียบเรื่องสรีระที่มักจะถูกใช้เป็นข้ออ้างในวงการกีฬาไทยที่ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่อุปสรรคใหญ่ หากมีความตั้งใจจริง

กว่าจะเป็นอรอุมา...สตาร์แห่งเอเชีย

 

เจ้าของความสูงเพียงแค่ 175 ซม. สามารถทะลวงกำแพงบล็อกของคู่แข่งมหาอำนาจแห่งเอเชียอย่างจีน ญี่ปุ่น คาซัคสถาน หรือแม้กระทั่งยุโรป ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ด้วยพลังตบอันหนักหน่วง ซึ่งพิสูจน์ได้จากผลงานและสถิติในการแข่งขันระดับเอเชียและเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ที่ผ่านมา รวมทั้งการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งในนามทีมและบุคคล

แต่หากพูดถึง “ความฝัน” เธอยังไม่ถึงจุดหมายปลายทางที่วางไว้

จากลมกรดสู่ยอดนักตบ

หากย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นที่เข้าสู่วงการวอลเลย์บอลก็ผ่านมา 16 ปีแล้ว แต่นั่นไม่ใช่การเริ่มต้นของเส้นทางนักกีฬา เพราะก่อนหน้านั้นเธอคือนักกรีฑาของโรงเรียน ในประเภทวิ่ง 100 และ200 เมตร

“ตอนเปลี่ยนจากวิ่งมาเล่นวอลเลย์บอลนั้นตอนแรกก็แค่อยากไปเที่ยวจังหวัดอื่นๆ บ้าง โดยคิดแค่ว่าหากได้เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอล ก็น่าจะได้ร่วมทีมไปแข่งขันในหลายจังหวัด” อรอุมา ย้อนถึงอดีตให้ฟัง

ใครจะคิดว่าแค่ความคิดอยากเปิดหูเปิดตาของเด็กคนหนึ่งในอำเภอเล็กๆ ของ จ.สุราษฎร์ธานี จะมาไกลถึงระดับประเทศ และพัฒนาไปถึงระดับทวีปและระดับโลกในที่สุด เพราะแม้แต่เจ้าตัวเองก็ยอมรับว่า ไม่เคยคาดคิดว่าจะมาไกลถึงวันนี้ แม้กระทั่งตอนได้รับการติดต่อให้เข้ามาเรียนต่อที่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ด้วยโควตานักกีฬา

นักตบลูกยางตัวหลักของไทย เล่าว่า ตอนนั้นคิดแค่เพียงว่าได้มาเรียนฟรี ที่พักฟรีในกรุงเทพฯ ซึ่งนอกจากจะเป็นโอกาสที่ดีแล้ว ยังได้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ด้วย แต่ก็ไม่ได้คาดหวังถึงความสำเร็จขนาดนี้ จนกระทั่งอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 5 สมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยได้เปิดคัดยุวชนทีมชาติ เลยเข้าร่วมการคัดเลือกและได้ติดทีมชาติเป็นครั้งแรก

เป็นบันไดขั้นแรกในการติดธงไตรรงค์ที่หน้าอกซ้าย ก่อนจะก้าวขึ้นมารับใช้ชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในศึกเอเชียนเกมส์ 2006 ที่โดฮา ประเทศกาตาร์ ซึ่งสาวไทยคว้าอันดับ 4 รองจากจีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน ที่คว้าอันดับ 1-3 ตามลำดับ

ความรักและอดทน...บันดาลผล

ความรักในที่นี่ไม่ได้หมายถึงเรื่องหัวใจของหนุ่มสาว แต่เป็น “รัก” ในกีฬาวอลเลย์บอล

กว่าจะเป็นอรอุมา...สตาร์แห่งเอเชีย

 

ชีวิตนักกีฬาของเธออาจจะเริ่มจากแค่อยากเที่ยว แต่เมื่อเวลาผ่านไป การฝึกซ้อมตามหน้าที่ การทุ่มเทในการแข่งขันเพื่อชัยชนะของทีมและโรงเรียน ก็กลายเป็นใจรัก

พิสูจน์ได้จากการลงแข่งรายการโปรชาลเลนจ์ เพื่อหาทีมขึ้นไปเล่นไทยแลนด์ลีกให้กับทีมสมุทรปราการ หลังจากเดินทางกลับมาจากการแข่งขันเอเชียน คัพ ที่คาซัคสถาน ได้เพียงวันเดียว ท่ามกลางความประหลาดใจของแฟนๆ

เหตุใดดีกรีมือตบระดับแนวหน้าของเอเชียถึงลงมาเล่นในลีกระดับดิวิชัน 2

“ว่างค่ะ เพราะปีนี้ทีมภูเก็ต ซึ่งเป็นต้นสังกัดไม่ส่งทีมเข้าร่วมแข่งขัน ประกอบกับมีพี่ๆ ติดต่อมาให้ช่วยเล่น จึงตอบตกลงมาเล่นให้” อรอุมาเผยเหตุผล

ถ้าไม่มี “ใจรัก” ก็คงทำไม่ได้ เพราะแทนที่จะปฏิเสธ หรือเป็นตัวพลิกเกมในช่วงสำคัญ ด้วยเหตุผลความเหนื่อยล้าจากกรำศึกหนักกับทีมชาติ และมีคิวออกรายการยาวเหยียดนับตั้งแต่เดินทางมาถึงแล้ว เธอกลับเลือกที่ลงแข่ง และเป็นตัวหลักเต็มแมตช์

“เป็นคนมีน้ำใจ และมีความทุ่มเทกับทีมมาก นอกจากจะไม่คิดว่าตัวเองเป็นสตาร์แล้ว ยังคอยให้กำลังใจทุกคนในทีมอย่างดี อย่างเช่นเมื่อน้องๆ ตีเสีย ก็จะบอกไม่เป็นไรและคอยให้กำลังใจ ถือเป็นแบบอย่างที่ดีของเยาวชน” เสถียร สระทองหน หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมสมุทรปราการ กล่าวถึง อรอุมา

แต่ความรักอย่างเดียวไม่พอ สำคัญต้องมีความอดทน ขยัน และมีระเบียบวินัยด้วย เพราะนักกีฬาจะประสบความสำเร็จไม่ได้เลยหากขาดการฝึกฝน ฝึกซ้อมและพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด

มือตบเจ้าของฉายา “ปืนใหญ่” ของสื่อต่างประเทศเล่าถึงชีวิตนักตบลูกยางตั้งแต่สมัยก่อนเข้าทีมชาติว่าต้องฝึกซ้อมหนักมาก และต้องใช้ความอดทนสูง เพราะไม่มีเวลาได้เที่ยวเล่นเหมือนเพื่อนๆ ทั่วไป เนื่องจากเวลานอกเหนือจากการฝึกซ้อมเช้าเย็นแล้ว ก็ต้องพักผ่อนเอาแรง และหลังติดทีมชาติแล้วยิ่งหนักมากขึ้น ต้องมีระเบียบวินัยมากขึ้น เพราะมีโปรแกรมแข่งต่อเนื่องและความเข้มข้นในการแข่งขันสูงกว่ามาก

“เด็กสมัยนี้ไม่ค่อยอดทนมาก เจอซ้อมหนักนิด โหดหน่อย ก็ถอยแล้ว” อรอุมา เผย

อย่างที่ทราบกันว่า “โค้ชอ๊อด” เกียรติพงษ์รัชตเกรียงไกร หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยค่อนข้างซ้อมโหด ด้วยการให้ซ้อมกับนักกีฬาชาย เนื่องจากศักยภาพของทีมชาติสาวไทยชุดนี้เหนือกว่านักกีฬาหญิงด้วยกันมาก ประกอบกับคู่ต่อสู้ที่จะต้องเจอก็ล้วนรูปร่างสูงใหญ่เทียบเท่าผู้ชาย และต้องซ้อมจนกว่าจะทำได้ จึงต้องอาศัยความอดทน และทุ่มเทมากพอสมควร

กว่าจะเป็นอรอุมา...สตาร์แห่งเอเชีย

 

แต่นั่นก็เพื่อเป้าหมายสู่ความสำเร็จและทำให้มีวันนี้ ซึ่งโค้ชอ๊อดยืนยันว่าจอมตบจากแดนใต้ทำได้ดีมาก

“เธอซ้อมหนักและเป็นเช่นนั้นมาตลอด นับตั้งแต่ติดทีมชาติมา เธอเต็มไปด้วยพละกำลังและเล่นด้วยความทุ่มเทตลอดเวลา รวมทั้งเวลาซ้อมด้วย” เกียรติพงษ์ กล่าวเมื่อ 2 ปีก่อน และถึงตอนนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม

นอกจากนี้ การมีโอกาสได้ไปเล่นลีกอาชีพในต่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรป ก็มีส่วนช่วยในการพัฒนาฝีมือของ อรอุมา ขึ้นมาก เพราะได้สร้างความคุ้นเคยกับคู่แข่งรูปร่างสูงใหญ่และเกมการเล่นในระดับท็อป จากเดิมที่มีจุดเด่นเรื่องความหนักและแรงของลูกตบ ก็พัฒนาเทคนิคการตบหนีบล็อกได้มากขึ้น

อีกปัจจัยความสำเร็จที่ขาดไม่ได้เลย คือ ความสามัคคี เพราะกีฬาวอลเลย์บอลเป็นกีฬาประเภททีม ต้องอาศัยความร่วมมือและการมีส่วนร่วมในเกมของทุกคน เพราะหากขาดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทีมคงไม่ประสบความสำเร็จขนาดนี้ และก็คงไม่มีเธอในวันนี้

ถ้าคนในทีมไม่มีความอดทน ไม่มีวินัย ก็คงไปไม่ถึงไหน เพราะฉะนั้นต้องให้เครดิตทุกคน โดยเฉพาะ นุศราต้อมคำ มือเซตยอดเยี่ยมจากเอเชียน คัพเช่นกัน ซึ่งหากไม่มีบอลเซตที่ดี เธอก็คงตบดีไม่ได้

ท้อได้...แต่อย่าถอย

ธรรมดาของนักกีฬาทุกคนย่อมเคยผ่านช่วงเวลาแห่งความผิดหวัง ท้อแท้ อรอุมา ก็ไม่ต่างกัน

“หนักที่สุดก็คงเป็นเรื่องเรียน หลังจากต้องเสียเวลาถึง 2 ปี เมื่อเรียนมหาวิทยาลัยกรุงเทพไปได้ 2 ปีครึ่ง แล้วมีปัญหาเรื่องเวลาเรียน เพราะมีแข่งบ่อย ทำให้ต้องย้ายมาเริ่มต้นใหม่ที่มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต” บัณฑิตจากคณะบริหารคอมพิวเตอร์ของอาร์แบค กล่าว

อย่างไรก็ตาม กำลังใจจากแม่ก็ช่วยให้เธอฝ่าฟันอุปสรรคและสู้ต่อด้วยความมุ่งมั่น จนสามารถสร้างรายได้ที่สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้สบาย สร้างชื่อเสียง รวมทั้งสร้างความภาคภูมิใจในทุกวันนี้

“เราภูมิใจที่ได้ติดธงชาติด้วยฝีมือ ไม่ใช่ด้วยเส้นสาย ภูมิใจที่ได้สร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติ และที่สำคัญได้สร้างชื่อเสียงให้ครอบครัว”

หนึ่งในทีมรวมดาราวอลเลย์บอลหญิงโลกปี 2010 กล่าวว่า ตั้งแต่รับใช้ทีมชาติมาก ไม่มีครั้งไหนที่ประทับใจเป็นพิเศษ แต่ประทับใจทุกครั้งที่เล่นได้ และช่วยให้ทีมคว้าชัยได้สำเร็จ

กว่าจะเป็นอรอุมา...สตาร์แห่งเอเชีย

 

ครั้งหนึ่งในโอลิมปิก...

รอความฝันเป็นจริง

แม้จะร่วมสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์เอเชีย (2009) และเอเชียน คัพ (2012) เป็นครั้งแรกและทำผลงานดีที่สุดด้วยการคว้าอันดับ 4 ในเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2012 พร้อมกับการคว้ารางวัลส่วนตัวอีกมากมาย จนเรียกว่าเป็นนักตบลูกยางสาวไทยที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติ ศาสตร์เลยก็ว่าได้ แต่ อรอุมา บอกว่า เธอยังฝันไกลกว่านี้

“เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว ก็อยากจะไปโอลิมปิกให้ได้ ไม่ว่าจะได้เหรียญหรือไม่ก็ตาม ก็อยากเข้าร่วมการแข่งขันสักครั้งหนึ่งในชีวิต และทำให้ดีที่สุดก็พอ”อรอุมา กล่าวโดยหวังว่า การเซ็นสัญญาไปเล่นให้ทีมอิกติซาดชิ บากู ในอาเซอร์ไบจาน ด้วยสัญญา 4.5 ล้านบาท ครั้งนี้ จะช่วยพัฒนาฝีมือ และเพิ่มศักยภาพของทีมชาติไทยขึ้นอีก

เพราะการไปครั้งนี้ได้ไปเล่นด้วยกันถึง 7 คน พร้อมด้วย นุศรา ต้อมคำ (3.7 ล้านบาท),วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์, ปลื้มจิตร์ ถินขาว และมลิกา กันทอง (คนละ 2.4 ล้านบาท) อำพรหญ้าผา (2.1 ล้านบาท) และวรรณา บัวแก้ว(1.8 ล้านบาท)

อีก 4 ปีข้างหน้าเธอจะอายุครบ 30 ปี ซึ่งอาจจะมากเกินค่าเฉลี่ยของนักกีฬาหลายๆ ทีม แต่หากยังรักษาสภาพร่างกาย บวกกับความมุ่งมั่นทุ่มเท และความสามัคคีภายในทีมชุดนี้แล้วก็คงไม่ไกลเกินจริง

สุดท้าย อรอุมา ได้ฝากถึงน้องๆ ที่อยากเดินตามรอยและประสบความสำเร็จเหมือนกันว่า ต้องเล่นด้วยใจ แล้วกีฬาจะให้อะไรหลายๆ อย่าง

“ใครที่รักกีฬา ไม่เฉพาะวอลเลย์บอล อยากให้รักจริง และเต็มที่ มุ่งมั่นกับมัน สมัยนี้คนเล่นกีฬาไม่ใช่ไม่มีความรู้และไม่มีงานทำ แต่กีฬาให้ทุกอย่าง ทั้งเงินทอง ชื่อเสียง เกียรติยศ แต่สำคัญต้องมีความอดทน และมีวินัยด้วย”

ด้วยทัศนคติ ความมุ่งมั่น ทุ่มเทและพลังเกินร้อยของ อรอุมา สิทธิรักษ์ เชื่อว่าความฝันสุดท้ายของเธอจะเป็นจริง และคงไม่สายเกินไปที่มอบความสุขให้กับคนไทยอีก

 

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา