posttoday

นฎา สุระประสิทธิ์ ผู้หลงรักงานด้านการแพทย์

17 กันยายน 2555

โดย...วรธาร ทัดแก้ว ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

โดย...วรธาร ทัดแก้ว ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน


แม้ไม่ได้เป็นหมอ แต่ก็มีความรู้ทางด้านการแพทย์เยอะมาก สำหรับ “นัทนฎา สุระประสิทธิ์” ที่ปรึกษาด้านการรักษาและบำบัด และผู้จัดการทั่วไป ALIVE Wellness Solutions สถาบันปรับสมดุลสุขภาพและความงามด้านพลังงานบำบัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ไลฟ์เซ็นเตอร์ ลุมพินี

หากพลิกดูประวัติการศึกษาของเธอก็ไม่น่าแปลก เพราะจบปริญญาตรีวิทยาศาสตร์ชีวเคมี เกียรตินิยมเหรียญทอง จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทวิทยาศาสตร์การแพทย์ ด้าน Tissue Engineering และ Stem Cell มหาวิทยาลัยเดียวกัน พร้อมประสบการณ์คับแก้ว อาทิ การวิจัยด้านวัสดุสำหรับเนื้อเยื่อผิวหนังและเซลล์ต้นกำเนิด การอบรมการใช้เครื่องมือในการเปลี่ยนถ่ายสเต็มเซลล์ถ่ายกระดูกในคน การใช้เครื่องมือพลังงานบำบัด การใช้เทคนิค Apheresis เพื่อคัดแยกสเต็มเซลล์ออกจากเลือด

ความจริงคะแนนเอนทรานซ์สามารถที่จะเรียนแพทย์ได้สบาย ทว่าเธอไม่เรียน เพราะอยากค้นคว้าหาความรู้ใหม่ๆ ด้านการแพทย์ จึงเลือกเรียกวิทยาศาสตร์ชีวเคมี ซึ่งเป็นการศึกษาในเชิงโมเลกุลและยีนเป็นหลัก ขณะเดียวกันเมื่อเรียนปริญญาโทก็เลือกเรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในคณะแพทยศาสตร์ ชีวิตด้านการศึกษาของเธอจึงอยู่กับโรงพยาบาลเกือบตลอด ความรู้ด้านการแพทย์ของเธอจึงไม่ธรรมดา

“นัทชอบค้นคว้าความรู้ใหม่ๆ มากกว่า ไม่เน้นที่จะไปเป็นหมอด้านนั้นด้านนี้ แต่ต้องการศึกษาด้านการแพทย์ที่เป็นลักษณะของการค้นคว้าหาความรู้เชิงลึก โดยการแพทย์ในฟิวของนัทก็คือ ไม่เฉพาะเจาะจงเฉพาะด้าน แต่อยากหาความรู้ใหม่ๆ มากขึ้น ก็เลยเรียนวิทยาศาสตร์ชีวเคมีแล้วต่อโทที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เลือกวิทยาศาสตร์การแพทย์ ลงลึกทางสเต็มเซลล์และการสร้างเนื้อเยื่อเป็นหลัก” สาวนักบริหารย้อนสมัยเป็นนักศึกษาที่เลือกเรียนด้านการแพทย์

นฎา สุระประสิทธิ์ ผู้หลงรักงานด้านการแพทย์

 


ปีแรกพนักงานทั่วไป

อย่างไรก็ตาม หลังจบปริญญาโทเธอก็มาสมัครงานที่สถาบัน ALIVE Wellness Solutions ของคุณหมอพลวิช กล้าหาญ ซึ่งก็เป็นสถาบันด้านการแพทย์ แต่เป็นการแพทย์ทางเลือก ซึ่งคนละฟิวกับที่เธอเรียนมา ทำให้จึงเกิดเครื่องหมายคำถามว่า แล้วเธอจะทำงานเกี่ยวกับอะไรที่สถาบันแห่งนี้

“คุณหมอพลวิชถามนัทว่า จบปริญญาโทจะมาทำอะไร นัทก็เรียนว่า ไม่รู้จะทำอะไรเหมือนกัน คุณหมอก็ว่างั้นเอาเงินเดือนหมื่นเดียว นัทก็โอเค ไหนๆ ก็เป็นสถาบันที่เกี่ยวกับด้านการแพทย์ ซึ่งเป็นงานที่เราชอบอยู่แล้ว ก็ตกลงทำที่สถาบันมาถึงวันนี้และปีนี้เป็นปีที่ 2”

ในปีแรกเธอจึงไม่ได้เป็นผู้บริหารสถาบัน ดังนั้นหน้าที่ของเธอก็เหมือนพนักงานทั่วไปคนหนึ่ง ที่ทำทุกอย่างตั้งแต่แม่บ้าน ปรับเว็บไซต์ของสถาบัน แคชเชียร์ดูการเงิน ดูการบริหารคลินิก ในเรื่องการแพทย์องค์รวมสถาบันมีจุดเด่นตรงไหน เริ่มศึกษาโฮมีโอพาที (Homeopathy) การแพทย์ทางเลือกซึ่งเป็นจุดเด่นของสถาบันว่าเป็นยังไง มีกลไกในการรักษาอย่างไรอย่างจริงจัง ตลอดจนการเรียนรู้งานอื่นๆ

“นัทเรียนรู้งานทุกอย่าง ผ่านการเป็นลูกน้องเขามาก่อนในสถาบัน ซึ่งการที่ได้ทำงานที่หลากหลายจากการแสวงหาความรู้ด้วยตัวเองและคนอื่นๆ นี้ ทำให้นัทเข้าใจลักษณะงานต่างๆ เป็นอย่างดี รู้ว่างานตรงไหนยากตรงไหนง่าย ครั้นพอเรารับพนักงานเข้ามาก็จะรู้ว่างานนั้นๆ มีความยาก มีความง่าย ก็จะดูความสามารถของเขาว่าตรงด้วยหรือเปล่า นัทเชื่อว่าคนเราจะทำอะไรก็ต้องมีความชอบตรงนั้นก่อน จึงจะทำงานอย่างมีความสุขและเกิดประสิทธิภาพ เหมือนนัทชอบด้านการแพทย์ก็เรียนมาทางนี้ตลอด ทำงานก็เกี่ยวข้องกับการแพทย์แล้วก็รู้สึกมีความสุข”


ขึ้นปี 2 นั่งตำแหน่งบริหาร

ถึงวันนี้และปีนี้เป็นปีที่ 2 กับการทำงานที่ ALIVE Wellness Solutions ของเธอ แต่ว่าสถานะจากการทำงานในปีแรกได้เปลี่ยนไป ตอนนี้นัทได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารสถาบันโดยได้รับความไว้วางใจคุณหมอพลวิชให้นั่งตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ซึ่งนอกเหนือจากตำแหน่งนี้ยังเป็นผู้ที่ให้คำปรึกษาด้านการรักษาและบำบัดแก่คนไข้ที่เข้ามารักษาที่สถาบันอีกด้วย

“ก่อนนี้นัทต้องคุยกับคนไข้ทุกคนที่มาหาคุณหมออย่างละเอียดเหมือนเป็นนักจิตวิทยานิดๆ เพื่อกรองข้อมูลก่อนส่งให้คุณหมอ ถ้าคุณหมอคุยเองกับคนไข้คงไม่ได้รักษา เพราะการคุยแต่ละครั้งกับคนไข้ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 23 ชั่วโมง ซ้ำการคุย 23 ชั่วโมง ก็ยังไม่ตกผลึก โดยศาสตร์โฮมีโอพาทีนี้มันยากตรงที่ต้องเรียนรู้คนไข้คนหนึ่งเยอะและใช้เวลานานเพื่อที่จะหายาแค่ 1 ตัวในยากว่า 3 หมื่นตัว แต่ต้องตรงกับคนไข้แค่ตัวเดียว แต่ตอนนี้จะมีน้องมาช่วยคอนเซาท์ในระดับหนึ่ง เหมือนคุยประวัติเบื้องต้นของคนไข้ แต่ถ้าเป็นเคสที่ยากนัทถึงจะทำเอง”

เธอบอกว่า คุยกับคนไข้ไม่เจอยาวันนี้ก็กลับไปก่อน แล้วมาอีกเป็น 10 รอบก็มี กว่าจะหายาตัวหนึ่งที่เหมาะกับคนไข้ได้ แต่เมื่อหาเจอแล้วก็เป็นสิ่งอัศจรรย์ เพราะยาจะไปปรับสมดุลในร่างกายคนไข้ได้เป็นอย่างดี การพูดคุยนอกเหนือจากการหาสาเหตุของโรคหลักแล้ว ทำให้เราได้เรียนรู้ชีวิตและการดำเนินชีวิตของคนไข้ ตลอดจนความสบายใจที่คนไข้ระบายออกมา ซึ่งกว่าจะหาตัวยาเจอก็ได้ความสนิทสนมกับคนไข้ไปแล้ว

นฎา สุระประสิทธิ์ ผู้หลงรักงานด้านการแพทย์

 

อยากพูดคุยปรึกษาเรื่องสุขภาพกับเธอก็ต้องไปที่สถาบัน ALIVE Wellness Solution ซึ่งนอกจากเธอจะคอยให้ความรู้และคำแนะนำเรื่องสุขภาพแล้ว ที่นี่ยังมีบริการเครื่องตรวจแบบองค์รวมด้วยโปรแกรม U Energy เพื่อตรวจวัดค่าระดับพลังงานและความสมดุลของอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย รวมถึงวิตามิน แร่ธาตุ สารอาหาร สารพิษตกค้าง และระดับสภาวะจิตใจ โดยไม่ต้องเจาะเลือด มีการฝังเข็ม ครอบแก้ว การนวดกดจุด นวดอโรมา นวดขับสารพิษตกค้างในร่างกาย ฯลฯ

“จุดเด่นของ ALIVE คือ การใช้ศาสตร์โฮมีโอพาทีที่มองร่างกายและจิตใจผู้ป่วยเป็นภาพรวมเดียวกัน แตกต่างจากแพทย์แผนปัจจุบันที่รักษาโรคตามอาการ ดังนั้นก่อนจะบำบัดผู้ป่วยจะต้องมีการสัมภาษณ์ พูดคุยในเรื่องทั่วไป เช่น บุคลิกภาพ ประวัติทางการแพทย์ของครอบครัว อารมณ์ ความรู้สึก เป็นต้น จากนั้นถึงประมวลออกมาเป็นภาพอาการรวมและทำการบำบัดรักษาต่อไป” ผู้บริหารสาวย้ำ

มุมสบายของนัท

สนุกกับงาน DIY : ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเป็นคนที่แต่งตัวเปรี้ยว ซึ่งทางสายการแพทย์เมื่อก่อนเขาว่าแรง ดูขัดกับลุคทางการแพทย์ แต่นัทว่าไม่จริง เพราะเราใช้สมองทำงาน เวลาแต่งตัวนัทไม่ใช้แบรนด์เนม แต่จะใช้เครื่องประดับที่ทำเองประยุกต์ให้กับตัวเอง เช่น ต่างหู สร้อยข้อมือ สร้อยคอ เสื้อ นิตติงที่ถักเป็นผ้าพันคอที่ขึ้นทำเอง เวลาไปงานก็ใช้ของเรา ดูเป็นสไตล์และเข้ากับตัวเองดี เป็นของเราคนเดียวที่ไม่เหมือนใคร ว่างๆ นัทก็จะทำพวกนี้ ทำให้เราใจเย็น มีสมาธิดีมาก

ฝึกโยคะ : ฝึกหลังเลิกงานเกือบทุกวัน ที่ฟิตเนสเฟิร์สต์ ในไลฟ์เซ็นเตอร์นี่แหละ วันละชั่วโมง นัทว่าการเล่นโยคะเป็นการยืดกล้ามเนื้อก่อน ในลักษณะการวอร์ม ถ้าไปเล่นกีฬาก็จะช่วยให้เล่นได้ดีขึ้น เพราะกล้ามเนื้อมีการยืดผ่อนคล้ายไว้ก่อนมันจะรับแรงกระแทกได้เยอะขึ้น จะวิ่งจะเต้นก็ทำได้นานกว่าเดิมโดยที่กล้ามเนื้อไม่ฉีก ทั้งยังได้สมาธิ ช่วยให้นอนหลับดี ที่สำคัญเวลานัทแนะนำคนไข้ให้เล่นโยคะก็จะได้บอกคนไข้ได้ว่าเล่นโยคะดียังไง

เล่นไอแพด ไอโฟน : ยามว่างก็จะเล่น ฟังเพลงบ้าง ช่วยให้รีแลกซ์ แต่ที่สำคัญ คือ เป็นเครื่องมือหนึ่งในด้านการแพทย์ที่นัทใช้เพื่อหาความรู้ใหม่ๆ ทางการแพทย์อยู่เสมอ เราต้องพึ่งพาเทคโนโลยีพวกนี้ในการเข้าถึงข้อมูล เพื่อเอามาประยุกต์ปรับใช้กับองค์กร

อ่านหนังสือ : อ่านทุกประเภท ทั้งแฟชั่น นิยาย หนังสือด้านการแพทย์ โยเฉพาะแพทย์ทางเลือก สุขภาพ เล่มโปรดตอนนี้ก็หนังสือของ หมอเขียวใจเพชร กล้าจน ในเรื่องของการประยุกต์ใช้อาหารและท่าออกกำลังกายมาใช้กับคนไข้ เป็นต้น ซึ่งความรู้จากหนังสือของหมอเขียวช่วยได้มากในการพูดคุยกับคนไข้

ปลูกต้นไม้ : ชอบปลูกต้นไม้และชอบกล้วยไม้ โดยเฉพาะกล้วยไม้สกุลแวนด้า ชอบเป็นพิศษ ที่บ้านนัทจะเพาะกล้วยไม้ด้วย บอกได้เลยว่าเวลาที่อยู่ใกล้ๆ ต้นไม้ช่วยให้ชีวิตสดชื่นและมีความสุขกับธรรมชาติมาก

ข่าวล่าสุด

จบศึก AGM การบินไทย! ผู้ถือหุ้นไฟเขียวบอร์ด 15 คน คลังคุมเกมเกือบทั้งกระดาน