‘หัวใจเต้นเป็นเสียงเพลง’ ม.ล. พิทยากรณ์ รัชนี

 ม.ล.พิทยากรณ์ รัชนี (ทายาท ม.ร.ว.รัชนิกรอรทัย รัชนี) จากอดีตนักร้องนำวงออร์ฟิอุสในอัลบั้ม “กรีนไลท์ โปรเจ็กต์” และ Sleepless Society 1 และการทำงานเบื้องหลัง อาทิ ทำดนตรีให้ศิลปิน อาทิ “Calories Blah Blah” และ “Kenneth แป๋ว” ของ แพรวคณิตกุล เนตรบุตร เมื่อรู้สึกอิ่มตัวกับการทำงานเบื้องหน้า เขาจึงก้าวเข้าสู่การทำงานเบื้องหลังอย่างเต็มตัวด้วยการตั้งบริษัทค่ายเพลงและโปรดักชันเฮาส์เล็กๆ โดยใช้ชื่อว่า “เกสส์ มิวสิค” โดยได้แรงบันดาลใจมาจากสิ่งที่ตัวเองรัก นั่นคือ งานดนตรี ที่เขาชอบเล่นดนตรี อาทิ กีตาร์มาตั้งแต่เด็กๆ แถมยังจริงจังมากขึ้นด้วยการเรียนด้านดนตรี ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ

“ผมชอบดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ พอโตก็ร่วมกลุ่มกับเพื่อนๆ ทำวงดนตรีไปประกวดตามสยาม เช่น งานประกวดเอ็กซ์ตรีม ดรีม คอนเสิร์ต แล้วก็ได้รางวัลชนะเลิศเมื่อ 9 ปีที่แล้ว พอดีมีคณะกรรมการท่านหนึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ให้แกรมมี่ จึงชักชวนผมมาเข้าทำงานเพลงกับแกรมมี่” ม.ล.พิทยากรณ์ เปิดฉากเล่าถึงการเริ่มงานด้านดนตรี

หากถามถึงศิลปินที่สร้างชื่อให้กับเขามากที่สุด คือ การเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับ พีชพีระ อดีตสมาชิกวงพีซเมกเกอร์ ปัจจุบัน ม.ล.พิทยากรณ์ กำลังคร่ำเคร่งกับ 2 โปรเจกต์ใหญ่ คือ การรวบรวมเพลงของศิลปิน แทน เอาท์ไซเดอร์ ที่แต่งเพลงไว้ทั้งหมด นำมาเรียบเรียงเสียงประสานใหม่ และนำศิลปินดังๆ มาขับร้อง อาทิ ป๊อด โมเดิร์นด็อก วงแสตมป์ ปู เเบล็คเฮด น่าจะได้ฟังกันราวเดือนหน้า อีกอัลบั้ม คือ “ซีเคร็ด บล็อก” กล่องแห่งความรัก รวมทั้งการทำคอนเสิร์ตและแต่งเพลงประกอบให้กับเดอะ ซีด ในงานคอนเสิร์ตทุกๆ เดือนด้วย

“เทคโนโลยีช่วยการทำงานด้านเพลงได้มาก อย่างสมัยก่อนเวลาอัดเสียงจะเป็นห้องอัดระบบอะนาล็อก ต้องใช้เทปจริง ไม่มีโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาช่วยสนับสนุน ห้องอัดสมัยก่อนแพงราคาประมาณ 20 ล้านบาท จะทำงานก็ต้องประกอบด้วยอุปกรณ์หลายชิ้นทำงานร่วมกัน แต่ปัจจุบันห้องอัดเสียงใช้ระบบคอมพิวเตอร์ มีตัวแปลงสัญญาณ ทำให้การทำงานง่ายขึ้น เงินเพียง 2 ล้านบาท สร้างห้องอัดเสียงดีๆ ได้” สิ่งที่ง่ายที่สุดของการมีเทคโนโลยีมาช่วยทำงานเพลง คือ ช่วยแก้ไขคุณภาพเสียงได้ง่าย อาทิ การตัดต่อเสียง สามารถแก้เป็นคำๆ หรือเป็นประโยคๆ ได้ ไม่ต้องอัดเสียงใหม่ทั้งหมด แต่ก็แฝงไปด้วยข้อเสียคือ คนสมัยนี้จึงทำเพลงอินดี้ออกมามาก เอ็มพี3 ก็เยอะขึ้น มีการละเมิดลิขสิทธิ์เยอะมากขึ้น

“ตอนนี้ทำอัลบั้มเพลงอย่างเดียวคนไม่ซื้อแล้ว ตอนนี้รายได้หลักคือ คนจะมาดาวน์โหลดเพลงจากอินเทอร์เน็ตไปฟัง หรือดาวน์โหลดเพลงไปเป็นเสียงรอสายในโทรศัพท์มือถือ เพราะยังก๊อบปี้ไม่ได้ แต่ริงโทนก๊อบปี้ได้แล้ว ผมก็ต้องพยายามคิดโปรเจกต์มาขายในโทรศัพท์มือถือ”