เฟินกลายเป็นต้นไม้ได้อย่างไร
โดย..ม.ล.จารุพันธ์ ทองแถม
โดย..ม.ล.จารุพันธ์ ทองแถม
ต้นไม้คนไทยคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นต้นยางพารา ต้นสัก ต้นไทร หรือต้นทะเบบูยา ล้วนแต่เจริญเติบโตจนกลายเป็นไม้ยืนต้นขนาดยักษ์ได้ ก็เพราะมันสามารถเติบโตเพิ่มความกว้างของลำต้น เพื่อให้แข็งแรงรับน้ำหนักของกิ่งก้านสาขาและใบที่เรือนยอดของมัน ไม่ว่าจะเป็นสนและไม้ยืนต้น ดอกที่เป็นพืชใบเลี้ยงคู่ทั้งหลายต่างขยายขนาดลำต้นของพวกมัน โดยสร้างเนื้อไม้จากหมู่เซลล์ที่เป็นเนื้อเยื่อเจริญที่อยู่ระหว่างท่อน้ำและท่ออาหาร ซึ่งอยู่ใต้เปลือก การเติบโตในด้านความกว้างนี้ เห็นได้เป็นวงในเนื้อไม้ เมื่อเราเลื่อยตัดลำต้นตามแนวขวาง วงที่เห็นคือวงบี เกิดจากการเจริญของไซเลมทุติยภูมิ ซึ่งมีอัตราการเติบโตต่างกันไปในแต่ละฤดู ได้รับน้ำต่างกัน การเติบโตของต้นไม้นี้เรามักเห็นเป็นของธรรมดา จนเรามักคิดว่ามันเป็นวิธีเดียวที่จะกลายเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ได้ แต่น่าแปลกที่เฟินมิได้เป็นพืชใบเลี้ยงคู่ หรือไม่ได้เป็นทั้งไม้ดอกแต่อย่างใด ถ้าเป็นเช่นนั้น เฟิน เช่น กูดต้นหรือกูดพร้าว กลายเป็นต้นไม้ใหญ่ได้อย่างไร? ในเมื่อเฟินไม่มีความสามารถที่จะสร้างเนื้อไม้ ซึ่งขยายความกว้างลำต้นและพัฒนาเป็นต้นไม้
กูดต้นสามารถพัฒนาวิธีการหลักสองวิธีในการเติบโตเป็นไม้ยืนต้น อย่างแรก มันสร้างความแข็งแกร่งของลำต้นของมันอยู่ภายใน โดยการพัฒนาเนื้อเยื่อที่เป็นแกนแข็ง เรียกว่า สเคอเรนคัยมา (Sclerenchyma) ซึ่งเป็นภาษากรีก คือ Scleros แปลว่า แข็ง (Hard) เนื้อเยื่อดังกล่าววิ่งตามแนวยาวไปตามลำต้น มันเกิดล้อมเนื้อเยื่อลำเลียง (ท่อน้ำและท่ออาหาร) และเกิดเป็นวงรอบขอบของลำต้น ดังนั้น เจ้าสเคอเรนคัยมาจึงเสริมความแกร่งให้ลำต้น คล้ายโครงเหล็กเส้นที่ใช้เป็นแกนเสาคอนกรีตนั่นเอง (ในเชิงพฤกษศาสตร์ สเคอเรนคัยมาไม่เรียกว่าเนื้อไม้ เพราะมันไม่มีเซลล์ท่อลำเลียง และไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยแคมเบียมท่อลำเลียง (Vascular Cambium) อีกด้วย เพราะว่าสเคอเรนคัยมานี้มีความแข็งแรงและทนต่อการเน่าเปื่อยผุพังใดๆ ลำต้นของกูดต้นจึงถูกเลือกใช้ในงานก่อสร้างเสาบ้าน ชาวป่าในปาปัวนิวกินี ซึ่งมีกูดต้นมากมายมหาศาล ในอเมริกาเขตร้อน เรามักพบชาวอินเดียนพื้นเมือง นิยมตัดกูดต้นมาทำเสาบ้านหลังคามุงใบปาล์ม หรือนำไปทำเสาค้ำเพิงกันแดดและฝน
ในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ เรามักพบตอต้นเฟินหรือกูดต้นถูกทิ้งเอาไว้หลังจากถางป่าทำไร่เลื่อนลอย ชาวบ้านมักไม่ตัดกูดต้นเพราะสเคอเรนคัยมาแกร่งจนทำให้มีดพร้าและเลื่อยหรือขวานหมดคม ที่จริงถูกของชาวไร่เพราะมันอันตรายไม่น้อยหากจะตัดกูดต้นด้วยเลื่อยยนต์ (Chainsow) ซึ่งผิดกฎหมายในบ้านเมืองไทย เลื่อยยนต์คมและมีพลังสูงก็จริง แต่สเกตของสเคอเรนคัยมา ที่เข้าไปอยู่ระหว่างโซ่และใบเลื่อยจะทำให้โซ่ขาดและกระเด็นหวือไปอย่างแรง ถ้าชาวไร่สามารถตัดกูดต้นลงได้และทิ้งมันไว้ในทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ก็จะพบปัญหาอื่น นั่นคือ ลำต้นกูดต้นยังไม่ผุพังภายใน 10-15 ปี ระหว่างนั้นฝูงสัตว์อาจเหยียบและสะดุดลำต้นจนบาดเจ็บ ดังนั้น ชาวไร่จึงมักทิ้งต้นไว้ให้อยู่กับที่ ซึ่งดูสวยงามดีอีกด้วย
วิธีที่สอง ที่เฟินจะกลายเป็นไม้ยืนต้นได้ก็โดยการเสริมลำต้นขึ้นไปด้วยเยื่อหุ้มด้านนอก ซึ่งเป็นรากที่พันประสานกันเหนียวแน่นด้วยเส้นลวด ชั้นของรากนี้ปกติจะกว้างกว่าเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นจริง ทั้งแข็งแกร่งและทนทาน รากนี้จะปกป้องลำต้นคล้ายเสื้อเกราะ และสำคัญยิ่งกว่านั้นคือมันช่วยเพิ่มความกว้างลำต้น ดังนั้น ลำต้นจึงสามารถรองรับน้ำหนักของพุ่มเรือนยอดเบื้องบนได้ เยื่อหุ้มที่เป็นรากรอบลำต้นนี้ ปกติจะมีความกว้างที่สุดบริเวณโคนลำ ซึ่งมันใช้เวลานานที่สุดในการพัฒนา
รากที่ทำหน้าที่หุ้มต้นเฟินนี้ถูกใช้ในงานหลายอย่าง เช่น เลื่อยออกเป็นแผ่นขนาดต่างๆ เรียกว่าเฟินไฟเบอร์หรือแผ่นรากเฟิน ใช้เป็นเครื่องปลูกไม้อิงอาศัย เช่น กล้วยไม้ ซึ่งต้องการความทนทาน ไม่ผุพังเน่าเปื่อยง่าย กล้วยไม้ทุกชนิดชอบแผ่นเฟินไฟเบอร์นี้ ดังนี้จึงมีราคาค่อนข้างสูง ปัจจุบันหาซื้อได้ไม่ง่ายนัก ยกเว้นในแหล่งของกูดต้น เช่น ในฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ในทางกฎหมายแล้ว ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในการผลิตส่งออกหรือนำเข้ากูดต้นหรือผลิตภัณฑ์กูดต้นทุกชนิด ภายใต้สนธิสัญญาไซเตส (Cites) เฟินไฟเบอร์ยังถูกใช้เป็นวัตถุดิบในงานแกะสลักภาชนะปลูกไม้ประดับหรือแกะสลักรูปเทพเจ้าของชาวเขาเผ่าต่างๆ รวมทั้งรูปแกะสลักสัตว์ เช่น นก หัววัวป่า ช้าง ม้า และอื่นๆ
พืชโบราณซึ่งปัจจุบันมีลูกหลานซึ่งใกล้ชิดกับเฟิน เช่น คาลาไมท์ (Calamites) สูญพันธุ์ไปหลายร้อยล้านปีแล้ว ลำต้นของมันสูงขึ้นไปได้ถึง 30 ม. และกว้าง 60 ซม. มันมีลำต้นซึ่งผิวนอกเป็นเนื้อไม้ซึ่งสร้างขึ้นโดยแคมเบียมท่อลำเลียง ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงกลายเป็นต้นไม้ในรูปแบบเดียวกับต้นสนและต้นไม้ดอกต่างๆ
ทั้งเฟินและไลโคไฟต์ แสดงให้เห็นว่ามันมีมากกว่าหนึ่งวิธีในอันที่จะให้ได้ผลเดียวกัน ไม่ใช่ว่าทุกพืชจะกลายเป็นต้นไม้ได้ เพียงแต่มีเนื้อไม้มาเสริมความกว้างลำต้นเพียงอย่างเดียว การพัฒนาเนื้อเยื่อให้แข็งแรงขึ้น การสร้างรากมาห่อหุ้มลำต้น การสร้างกาบใบมาหุ้ม และการขยายเปลือกด้านนอก ก็เป็นส่วนช่วยให้ลำต้นที่ชูสูงแข็งแรงขึ้นได้เช่นกัน


