posttoday

แก้ผิวหย่อนคล้อย แบบไม่พึ่งศัลยกรรม

31 กรกฎาคม 2555

ปัญหาผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าเปลี่ยน เกิดจากความหย่อนคล้อยของผิวในชั้นลึก จะสังเกตเห็นว่า กรอบหน้า คางกับคอเริ่มไม่มี หางตาตก แก้มคล้อยลง

โดย พญ.ลักขณา ถาวโรจน์

ปัญหาผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าเปลี่ยน เกิดจากความหย่อนคล้อยของผิวในชั้นลึก จะสังเกตเห็นว่า กรอบหน้า คางกับคอเริ่มไม่มี หางตาตก แก้มคล้อยลง

การหย่อนคล้อยในลักษณะนี้เกิดจากโครงสร้างในชั้นผิวหนังลึก เส้นใยพังผืดที่อยู่ในชั้นผิวหนังลึกที่คอยโอบอุ้มไขมันและคอลลาเจนเริ่มยืดหยุ่นลดน้อยลง ลองนึกถึงเมื่อตอนที่เรายังเด็กต่อให้นอนทับอะไร รอยมากแค่ไหน ไม่นานรอยก็หายหมด แต่เมื่ออายุมากขึ้นนอนทับอะไรหน่อย รอยนั้นก็คงอยู่เป็นชั่วโมงกว่าจะยอมจางหายไป ด้วยเหตุนี้ท่านอนคว่ำหน้านี่ต้องเลิกกันไปเลย นอนหงายดีที่สุดค่ะจะได้ไม่ซ้ำเติมผิวให้ริ้วรอยมีมากขึ้น การแสดงสีหน้ามาก ๆ หยีตา ขมวดคิ้วก็ต้องเลิกเหมือนกันค่ะ ทำบ่อย ๆ รอยมันก็อยู่ประจำได้เหมือนกัน ปัญหาที่มักได้ยินอยู่เสมอ ๆ ทำไมแต่ละคนจึงแก่เร็ว แก่ช้า ไม่เท่ากัน บางคนหย่อนคล้อยมาก บางคนอายุ 50 แล้วยังไม่หย่อนเท่าไร อะไรคือสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังความไม่เท่าเทียมกันเช่นนี้

ส่วนปัจจัยที่ทำให้ผิวหย่อนคล้อยก่อนวัยมีทั้ง กรรมพันธุ์โครงสร้างของใบหน้า การดูแลตั้งแต่ยังอยู่ในวัยสาว คนที่ดูแลผิวดีมาตลอด ริ้วรอยและความหย่อนคล้อยก็ย่อมมาเยือนช้าลง แสงแดด ผิวที่ถูกแสงแดดทำลายมาก แน่นอนว่าริ้วรอยและความยืดหยุ่นภายในก็สูญเสียไปเร็วขึ้น ความเครียด คนเครียดมักแก่เร็วอันนี้เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ การพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และรับประทานผักผลไม้เป็นประจำ 3 สิ่งนี้เป็นเคล็ดลับสำคัญคนที่ต้องการเป็นหนุ่มเป็นสาวไปนานๆ เพราะมีผลกับสมดุลฮอร์โมนภายในที่เป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตเราเลยก็ว่าได้ค่ะ

ปัญหาที่สังเกตเห็นได้ชัดเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อถึงวัย 40 ขึ้นไป ก็คือปัญหาร่องแก้มลึกเนื่องจากผิวบริเวณ UZone ซึ่งได้แก่ แก้มทั้งสองข้างไปจนถึงบริเวณคางจะหย่อนยานและสูญเสียความยืดหยุ่นได้ง่าย เพราะผิวบริเวณนี้ไม่มีกระดูกรองรับโดยตรงเหมือนผิวช่วง TZone โดยเฉพาะในผู้ที่มีเนื้อกระพุ้งแก้มเยอะ จะยิ่งทำให้เกิดรอยพับชัดเจนบริเวณร่องแก้มและเกิดปัญหาแก้มหย่อนคล้อยได้มากเป็นพิเศษ

วงการแพทย์สมัยก่อนก็ต้องยกให้การศัลยกรรม เพราะมีทางเลือกน้อย แต่หลายปีมานี้ก็ได้ค้นพบหลากหลายวิธี ที่ช่วยชะลอการผ่าตัดดึงหน้าออกไปได้อีกนานหลายปี ด้วยการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยเพิ่มความกระชับยืดหยุ่นให้กับผิวและกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งเปรียบเสมือนโครงสร้างคอยพยุงผิวไม่ให้หย่อนคล้อย

Power Lift ส่งพลังงานมวลคลื่นความร้อนแบบจำเพาะลงไปที่เซลล์ผิวในชั้นคอลลาเจนลึกประมาณ 35 มิลลิเมตร โดยไม่ทำลายผิวชั้นนอกหรือเซลล์ผิวข้างเคียงแต่อย่างใด เพราะมวลความร้อนจะทำงานแบบเจาะจงลงไปที่บริเวณแคบๆ ที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ และมีระบบสัมผัสเย็น (Cooling Contact) ห่อหุ้มชั้นผิวไว้อย่างดี ขณะทำอาจรู้สึกอุ่นเพียงเล็กน้อย หลังทำผิวจึงไม่ลอกแดงหรือมีสะเก็ดแผลเหมือนการทำเลเซอร์กระชับผิวทั่วไป แต่ในบางรายผิวอาจแดงระเรื่อจางๆ ซึ่งจะค่อยๆ หายไปจนเป็นปกติใน 12 ชั่วโมง อย่างไรก็ดี ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำและเลี่ยงแสงแดดจ้าในช่วง 3 วันแรก เพราะผิวในช่วงนี้อาจ Sensitive กว่าปกติเล็กน้อย

วิธีนี้เป็นการกระตุ้นปริมาณคอลลาเจนพร้อมจัดเรียงเส้นใยอีลาสตินให้เข้าที่ ทำให้ผิวหดกระชับตัวในทันทีและจะค่อยๆ สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นใหม่ใน 710 วัน หลังทำครั้งแรกจะสังเกตได้ว่ารูขุมขนดูเล็กลง ผิวหน้ามีความยืดหยุ่นมากขึ้น และเมื่อทำอย่างต่อเนื่องจะสังเกตได้ว่า รอยร่องแก้มลึกดูตื้นและสั้นลง ส่วนปัญหาผิวหย่อนคล้อยดูกระชับได้รูปขึ้น

ปกติแล้วแนะนำให้ทำเดือนละ 2 ครั้งต่อเนื่องกัน 5 ครั้งขึ้นไป เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน ควบคู่กับการฟื้นฟูในระดับเซลล์ชั้นลึก เพื่อดีทอกซ์ล้างพิษให้ผิวสดใส เป็นการดูแลจากภายในสู่ภายนอกอย่างแท้จริง ขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคลเป็นหลัก นอกจากนั้นก็ควรดูแลสุขภาพผิวหน้าด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลลัพธ์จากการทำทรีตเมนต์จะคงอยู่ได้ยาวนานยิ่งขึ้นอีกด้วย

ข่าวดี!! เพียงแสดงบัตรเครดิตของทุกธนาคาร รับสิทธิทดลองโปรแกรม Power Lift ยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องศัลยกรรม* พร้อมวัดองศาของผิวหน้าที่ยกขึ้นและเส้นร่องแก้มที่ลดลงหลังทดลองใน 30 นาที พิเศษสุด!! สำหรับ 20 ท่านแรก รับเพิ่มทันที 1 แถม 1* ติดต่อสถาบันผิวหน้าจากประเทศออสเตรเลีย The Skin Doctors โทร. 026961122

ข่าวล่าสุด

ผลบอล โยเคเรสซัดโทษ! อาร์เซน่อล1-0 เอฟเวอร์ตัน,ลิเวอร์พูล 2-1