‘ดีไซเนอร์ไทยฝีมืออินเตอร์’ ณุช เนาวเขตต์

โดย...วราภรณ์ ภาพ : วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

ด้วยการทำงานอย่างทุ่มเท ช่วยสร้างชื่อเสียงให้ “ณุช เนาวเขตต์” เป็นที่รู้จักดีบนเวทีแฟชั่นระดับโลกอย่าง นิวยอร์กแฟชั่นวีก โดยผลงานแรกที่สร้างชื่อให้สาวไทยตาคมร่างเล็ก คือ งานเปิดตัวงานออกแบบคอลเลกชันสปริง/ซัมเมอร์ 2006 เมื่อ 6 ปีก่อน

ผลงานครั้งนั้นสร้างความตื่นเต้นให้แก่โลกตะวันตก ด้วยงานออกแบบที่มีกลิ่นอายวัฒนธรรมจากโลกตะวันออก ที่สะท้อนความเซ็กซี่ มีชีวิตชีวา และละเอียดอ่อนที่สามารถจับต้องได้

ไม่ใช่เพียงชาวตะวันตกต้อนรับเธออย่างอบอุ่นเท่านั้น เหล่าดาราในวงการฮอลลีวูด รวมทั้งสุภาพสตรีทั่วโลกทั้งในมหานครนิวยอร์กและลอสแองเจลิส อย่าง คิม และ คอร์ตนีย์ คาร์ดาเชียน เซเลบริตีและดาราดังจากเรียลิตีโชว์ที่เป็นลูกค้าเหนียวแน่นมานาน 5 ปี รวมไปถึง คริสตินา ริชชี คาเรน ม็อก หรือดาราดังอย่าง ซูฉี และเดมี มัวร์ ก็ยังเป็นลูกค้าแบรนด์ Nuj Novakhett

ปัจจุบันนักออกแบบและเจ้าของแบรนด์ ณุช เนาวเขตต์ มีลูกค้ากว่า 50 รายที่จำหน่ายสินค้าของเธอทั้งในประเทศและในต่างประเทศ เช่น แคนาดา กรีซ เลบานอน ญี่ปุ่น และฮ่องกง สำหรับผลงานในเมืองไทย ล่าสุดเธอจับมือกับแบรนด์ไทยอย่าง “ยัสปาล” มอบหมายให้เธอออกแบบคอลเลกชันพิเศษเพื่อร่วมเฉลิมฉลอง 40 ปี ของแบรนด์ยัสปาล เพื่อให้สาวๆ ไทยได้มีโอกาสใส่เสื้อผ้าที่สะท้อนความเซ็กซี่ที่มีอยู่ในตัวผู้หญิงทุกคนในราคาที่จับต้องได้

“ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ณุชได้ร่วมงานกับแบรนด์เสื้อผ้าของไทย ซึ่งณุชใช้เวลาทำงานชิ้นนี้นานถึง 8 เดือนทีเดียว ที่ณุชตัดสินใจร่วมงานกับยัสปาล เพราะเป็นโอกาสที่ยัสปาลฉลอง 40 ปี ไม่เคยทำอะไรที่เหมือนใคร จึงอยากทำอะไรเพื่อให้เป็นของขวัญทุกคน สำหรับคอลเลกชันนี้มีชิ้นงานที่ณุชเคยทำขายที่ต่างประเทศ ดาราบางคนได้สวมใส่ และอยากให้คนที่ตั้งตารอหรือที่ติดตามผลงานของณุชได้ชมและรอค่ะ”

สำหรับคอลเลกชันพิเศษนี้ ณุช บอกว่า เธออยากทำอะไรที่พิเศษที่ไม่เคยทำ คือ ออกแบบพิเศษตรงสามารถใส่ได้ตลอดเช้าจรดค่ำ เสื้อผ้าบางชิ้นสามารถใส่ได้ทั้งสองด้าน เช่น มีเสื้อผ้า 5 ชุด ผู้หญิงก็สามารถมิกซ์แอนด์แมตช์ได้ถึง 10 ชุด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อโค้ต กระโปรงอัดพลีต และนี่เป็นจุดขายที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่รักการเดินทาง ชอบท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ซึ่งการทำงานร่วมกับแบรนด์ไทย ณุชบอกว่าสนุก เพราะถึงแม้ทำให้แบรนด์ที่ไม่ใช่ของตัวเอง แต่ก็ทำอย่างเต็มที่ ซึ่งปัจจุบันวางจำหน่ายเรียบร้อยแล้วสดๆ ร้อนๆ เมื่อสัปดาห์ก่อน

 

“คอลเลคชั่นนี้ณุชได้แรงบันดาลใจมาจากผู้หญิงนิวยอร์คที่มีกิจกรรมนอกบ้านเยอะ ต้องทำงาน ส่วนตอนเย็นต้องไปงานปาร์ตี้ สังเกตดี ๆ ผู้หญิงนิวยอร์คจะถือกระเป๋าใบใหญ่มากเพื่อเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนที่ทำงาน เอารองเท้าส้นสูงไป เพราะผู้หญิงไม่มีเวลากลับบ้านมาเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งผู้ใหญ่ไทยก็มีไลฟ์สไตล์คล้าย ๆ กัน ณุชจึงนำจุดนี้มาสร้างสรรค์ออกแบบเป็นเสื้อผ้าคอลเลคชั่นนี้ ที่เสื้อโค้ทตัวหนึ่งสามารถใส่ได้ 2 ด้าน เวลาเดินทางไปต่างประเทศเอาเสื้อโค้ทไปตัวเดียวก็อยู่แล้ว” คอลเลคชั่นพิเศษนี้ณุชออกแบบโดยเน้นการใช้โทนสีอ่อน ๆ อย่างสีพาสเทล เช่น ชมพูอ่อน ฟ้าอ่อน เหลืองอ่อน ม่วงลาเวนเดอร์ ไปจนถึงสีเข้ม ๆ ในธีมในโลกใต้ทะเล เช่น โทนสีของสัตว์ใต้ทะเล ซึ่งเป็นโทนสีที่นักออกแบบบางคนอาจมองข้าม

ในฐานะที่ณุชเกิดจากเวทีนิวยอร์ก แต่เธอก็มองแฟชั่นเมืองไทยกับต่างประเทศที่นักออกแบบจะไทยหรือต่างประเทศก็มีความสามารถคล้ายๆ กัน ต่างกันก็ที่วิธีการคิดและวิธีบริหาร

“บนโลกนี้ณุชมองว่า ทุกคนมีไอเดียเหมือนกันหมด ต่างกันที่วิธีการคิด วิธีการบริหาร ซึ่งจริงๆ แล้วแฟชั่นเมืองไทย คนไทยก็มีความสามารถไม่ต่างกับต่างประเทศ ครั้งหนึ่งเราเคยทำหรือเรียนรู้มาจากสิ่งที่อยู่ในบทเรียน ในหนังสือ แต่จริงๆ แล้วเราควรเรียนรู้และทำอะไรที่นำหน้าหนังสือไปเลย คือ ผู้หญิงแต่ละประเทศณุชมองว่าก็แต่งตัวไม่เหมือนกัน เช่น ผู้หญิงอเมริกันนิยมใส่ขนเฟอร์ แต่อังกฤษกับฝรั่งเศสไม่ใส่ สำหรับผู้หญิงไทยเรามีอากาศร้อนแบบเดียว เราจึงถนัดกับการแต่งตัวในอากาศที่ร้อน แต่ณุชชอบผู้หญิงในช่วงหน้าหนาว เพราะจะได้ใส่ทั้งรองเท้าบู๊ต เสื้อหนัง ผ้าพันคอ ทำให้ผู้หญิงได้แต่งตัวแบบครบสูตร ซึ่งเป็นเรื่องที่สนุก”

สำหรับสไตล์การแต่งตัวของณุช จะมีคาแรกเตอร์ของผู้หญิงที่แต่งตัวแมนๆ คล้ายผู้ชาย คือ มีวิธีคิดที่ผสมผสาน ไม่หวานจนเลี่ยน อาศัยวิธีมิกซ์แอนด์แมตช์ เช่น สวมเสื้อโค้ตเท่ๆ ตัวหนึ่งคล้ายๆ ผู้ชาย แต่ข้างในสวมชุดเดรสที่เซ็กซี่แต่ไม่โป๊

“ณุชสังเกตตัวเอง คือ ถ้าสวมกางเกงสั้นมากๆ ตัวเสื้อก็จะเป็นเสื้อเชิ้ตที่ปิดคอไปเลย หรือหน้าหนาวณุชจะเลือกสวมเสื้อโค้ตดีไซน์แมนๆ แต่เดรสข้างในหวานมากๆ คือ ณุชเป็นผู้หญิงที่ไม่แต่งตัวแบบเดียว หรือสไตล์เดียว แต่จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่ยึดติดกับแบบใดแบบหนึ่ง ซึ่งผู้หญิงทุกคนก็ควรได้สนุกกับการแต่งตัว พยายามอย่ายึดติดกับแบบใดแบบหนึ่ง”

สิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้ณุชมีชื่อเสียงโด่งดังและมายืนจุดนี้ได้จนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะความเป็นตัวเอง ที่เป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ เธอมีวิธีคิด คือ มองเป้าหมายไปข้างหน้าในแต่ละคอลเลกชัน เธอจึงสามารถโตขึ้นไปเรื่อยๆ และมีฐานลูกค้าจำนวนมากขึ้น

 

“ณุชตั้งเป้าว่า ลูกค้าเราต้องเยอะขึ้น ดาราที่ใส่และชื่นชอบต้องมีมากขึ้น คือ เราควรโตไปพร้อมๆ กับอายุของงานที่มีมากขึ้น และมีทิศทางการโตที่ชัดเจน คือ รู้ว่าเราต้องทำอย่างไรต่อไป เช่น เปิดตลาดให้มากขึ้น เห็นตลาดที่ฮ่องกงน่าจะเปิดรับ เราก็ไปบุกคลาดฮ่องกง เป็นต้น”

5 ชิ้น คู่ใจดีไซเนอร์

กระเป๋าเอกสาร : กระเป๋าใส่เอกสารที่ใช้อยู่ คุณพ่อซื้อให้ตอนเราไปเที่ยวกันที่อิตาลี คุณพ่อซื้อให้เพื่อเป็นกำลังใจที่ณุชทำงานอย่างหนักมาตลอด จริงๆ รางวัลของชีวิตณุชไม่ใช่ที่ดาราคนไหนใส่เสื้อผ้าเรา หรือยอดขายที่โตขึ้น แต่เป็นความรู้สึกที่ครอบครัวให้กำลังใจเราอยู่ห่างๆ พ่อไม่เคยพูดชมว่าลูกสาวเก่ง แต่คุณพ่อจะรู้ว่า เวลาณุชทำงาน ณุชใส่เต็มร้อย กระเป๋าใบนี้เหมือนคุณพ่อให้เป็นของขวัญกับการทำงานที่หนักของเรา

ลิปสติก : ตอนนี้ณุชกำลังอินกับลิปสติกสีม่วง เทา ดำ และน้ำตาลเข้มมาก ณุชคิดว่าผู้หญิงเราควรได้ลองแต่งตัวอะไรใหม่ๆ คือ อยากใส่อะไรก็ใส่ได้ไม่ต้องแคร์ว่าใครจะมองเราอย่างไร แต่ณุชไม่ใช่ผู้หญิงเซ็กซี่ที่แต่งตัวโป๊ แต่ณุชมองว่าผู้หญิงเรามีหุ่นที่เซ็กซี่ ดังนั้นควรโชว์ แต่เราจะโชว์อย่างมีศิลปะ คือ โชว์แล้วไม่โป๊

เสื้อโค้ตลาย Houndstooth : ลายเสื้อโค้ตที่ณุชออกแบบเมื่อคอลเลกชันฟอลล์/วินเทอร์ 2011-2012 คือ ลาย Houndstooth เป็นลายที่คลาสสิก แต่ณุชหยิบมาใช้ใหม่ ปรากฏผู้หญิงทั่วทั้งนิวยอร์กและแอลเอถามหาเสื้อโค้ตลายนี้กันมากอย่างไม่น่าเชื่อ

เสื้อโค้ต Black Bow : เป็นเสื้อโค้ตอีกไลน์หนึ่งของณุช คือ Black Bow by Nuj Novaketett ซึ่งผู้หญิงที่นิวยอร์กกับแอลเอก็นิยมเสื้อโค้ตสีนี้ด้วยเช่นกัน ตัวนี้ดีตรงใส่ได้ 2 แบบ ณุชออกแบบสไตล์ผู้ชายๆ สามารถแมตช์กับอะไรก็ได้

โน้ตบุ๊ก : โน้ตบุ๊กเครื่องนี้ช่วยณุชทำงานได้มาก เรียกว่าทำทุกอย่าง ทำทุกขั้นตอนจนกว่าจะได้เสื้อผ้าออกมาในแต่ละคอลเลกชัน มีรายละเอียดกระทั่งคอนเนกชันที่ต่างประเทศ ผลงานชิ้นเก่าๆ เรียกว่าติดตัวไปทุกที่ทั้งทำงานในเมืองไทยและต่างประเทศ