พีเจเสียงนุ่ม ดนู สิงหเสนี
นักจัดรายการวิทยุโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือ PJ เป็นงานที่หนุ่มสาวรุ่นใหม่ใฝ่ฝันถึง เพราะเป็นการทำงานที่เกี่ยวกับเสียงเพลงล้วนๆ
โดย...วราภรณ์
นักจัดรายการวิทยุโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือ PJ เป็นงานที่หนุ่มสาวรุ่นใหม่ใฝ่ฝันถึง เพราะเป็นการทำงานที่เกี่ยวกับเสียงเพลงล้วนๆ ที่สำคัญคือเป็นอาชีพที่สร้างความสุขให้กับผู้ฟัง พีเจ ตั้ม-ดนู สิงหเสนี แห่งคลื่น “คูล 93 ฟาเรนไฮต์” ก็เป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่เป็นพีเจมานานกว่า 10 ปีแล้ว และเป็นลูกหม้อของบริษัท Sky-High Network ในเครืออาร์เอส มานาน 8 ปีแล้ว ใครที่ชอบตื่นเช้าๆ ช่วง 6 โมง ถึง 9 โมงเช้า ที่หมุนไปฟังคลื่น 93 คงจำน้ำเสียงทุ้ม นุ่ม และอบอุ่นของพีเจตั้มได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เรายังคุ้นหน้าเขากับบทบาทการเป็นพรีเซนเตอร์งานโฆษณาบริษัทชีวิตแบรนด์หนึ่ง ที่แสดงคู่กับ เคนธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ และเขายังมองการณ์ไกลสร้างแบรนด์ธุรกิจของตัวเอง ด้วยการเปิดร้านไอศกรีมชื่อ “สวีท” อีกด้วย
“สิ่งที่ทำให้รายการยังอยู่ได้ คือ เราเน้นเปิดเพลงฟังสบายๆ พีเจพูดน้อยๆ เปิดเพลงเยอะให้คนฟังได้ฟังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากผลการวิจัยคนอยากฟังเพลงไปเรื่อยๆ โดยไม่มีอะไรมาขัด ฟังเพลงสักพักแล้วค่อยมีโฆษณามาคั่น แต่ก็กระตุ้นคนฟังด้วยการให้เล่มเกม คนฟังจะรู้สึกสนุกไปด้วย สไตล์การจัดรายการของผม คือ ใช้เอกลักษณ์ของตัวเอง คือ เป็นมิตร เป็นเพื่อน เป็นพี่กับคนฟัง ให้กำลังใจ เชียร์อัพให้คนที่รู้สึกท้อแท้ หรือตื่นเช้าขึ้นมาแล้วรู้สึกเบื่อจังเลย เราก็จะเปิดเพลงให้รู้สึกสดใส เพื่อเขาจะรู้สึกสดชื่นตั้งแต่เริ่มต้นของวัน เขาจะได้มีความสุขไปตลอดทั้งวัน” พีเจหนุ่มดีกรีปริญญาตรีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง บอก
พีเจตั้ม บอกว่า งานพีเจเป็นอาชีพที่ต้องแอ็กทีฟตัวเองอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะยุคนี้มีพีเจคลื่นลูกใหม่ก้าวเข้าประดับวงการอยู่ตลอดเวลา ทำให้เขาต้องอัพเดตเทรนด์ใหม่ๆ ตลอดเวลา เช่น ท่องโลกเทคโนโลยี ติดตามข่าวสารบ้านเมือง คำไหนฮิตๆ ควรรู้ แต่ข้อดีของการมีประสบการณ์ในวงการคือ มีมุมมองในการให้กำลังใจและมีสิ่งเตือนใจคนให้มีกำลังใจมองโลกสดใสขึ้น
“สมัยก่อนพีเจยุคหนึ่ง เวลาจัดรายการต้องมีคาแรกเตอร์ชัดเจน ต้องแรง ต้องเวอร์ ผมหันมาถามตัวเองว่า เราต้องปรับไหม แต่เมื่อมานั่งทบทวน พบว่าเราไม่ใช่คนแบบนั้น ส่วนคนฟังก็เข้าใจว่าเราเป็นแบบไหน และรายการของเราสไตล์ไหน คือ คูล ชิลชิล มองโลกแง่ดี มีความสุขกับชีวิต นั่นแหละคือคำนิยามของคลื่นเรา และจุดนี้คือจุดเด่นของเรา เช่น เตือนคนให้มีสติเวลาขับรถ ยิ่งผมตัดรายการตอนเช้า ทุกคนควรเริ่มวันใหม่ด้วยความสดใส ผมจะแนะให้คนมองโลกแง่บวก เราก็จะมีความสุขทุกวัน
ผมมองว่า การทำธุรกิจคลื่นวิทยุ การแข่งขันในการทำคลื่นวิทยุสูง แต่ในแง่การทำงานแล้วเราจะไม่แข่งกับคนอื่น แต่แข่งกับตัวเอง ผมชอบทบทวนตัวเอง เช่น สมมติทำไมวันนี้พูดผิดบ่อย กิจกรรมแบบนี้ไม่น่านำเสนอแบบนั้น พอเราคิดตกผนึกระดับหนึ่ง พอพรุ่งนี้ผมทำการบ้านเพิ่มเพื่อจัดรายการให้ดียิ่งขึ้นไป อีกแนวทางหนึ่ง คือผมมองคนอื่น ฟังคนอื่นว่าจัดแบบนั้น แต่จะไม่นำมาเปรียบเทียบ แต่ความเป็นผู้ใหญ่ของผมและด้วยกลุ่มคนฟังเป็นหนุ่มสาวออฟฟิศ เช่น ไปรับประทานร้านอาหารที่ไหนอร่อยก็จะนำมาแนะนำ คือเหมือนเพิ่มไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตของผู้คนเข้าไว้ในรายการด้วย”
พีเจตั้ม บอกว่า การทำงานพีเจสนุก เพราะนอกจากทำงานกับเสียงเพลงแล้ว เขายังได้ไปถ่ายสกู๊ปโปรโมตคลื่น ทำให้ได้เจอกับผู้คนมากมาย อีกทั้งงานนี้ให้ประสบการณ์ที่หลากหลาย ได้ไปเที่ยว ไปถ่ายทำรายการที่ต่างประเทศ เหมือนเขาได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ เขาจึงรู้สึกสนุกกับการทำงานมาก “ผมคิดว่าการทำงานอะไรก็ตาม ถ้าเรารู้สึกชอบและมันเป็นเรา เราก็จะรู้สึกเหมือนไม่ได้ไปทำงาน และมีความสุขทุกวันที่เราได้ทำงาน” สำหรับหลักในการทำงานให้มีความสุข พีเจตั้มวัดจากวิธีการทำงานของตัวเองแล้วเล่าว่า ทุกงานควรเอาตัวเองเป็นส่วนหนึ่งในงานนั้นๆ เช่น ก่อนไปทำงานควรทำการบ้านไปก่อน เช่น ถ่ายทำรายการแนะนำอาหารก็ต้องไปชิมก่อนว่า ร้านนี้อะไรอร่อย รวมทั้งไปทำความรู้จักกับร้านก่อน เพื่อจะได้นำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้ฟังได้
ใช่ว่าการทำงานกับเสียงเพลงแล้วจะไม่มีเรื่องเครียด บางครั้งพีเจตั้ม บอกว่า บางครั้งหากการทำงานไม่เป็นดังที่วางแผนไว้ก็เกิดอาการเครียดได้เหมือนกัน แต่เขามีวิธีแก้ คือ “ช่วงเวลาในการจัดวิทยุ หลักใหญ่ๆ คือ เราต้องเป็นผู้กำหนดและบริหารเวลาที่เราต้องทำหลายสิ่งหลายอย่างใน 3 ชั่วโมงให้ลงตัว ทั้งเปิดเพลง เปิดสปอตโฆษณา ทำกิจกรรมร่วมกับแฟนคลับ แต่บางครั้งสมองก็คิดบริหารเวลาไม่ทัน เช่น สปีดพูดช้าไป ดังนั้นการเตรียมตัวมาทำงานของผมต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 ทำธุรกิจส่วนตัวให้เสร็จเร็วที่สุด เพื่อมีเวลาวางแผนรูปแบบการจัดรายการของเรา ขณะอยู่ในรถก็วอล์มเสียงตัวเองเพราะเราขายเสียง ต้องดื่มน้ำเยอะๆ รวมทั้งอ่านหนังสือพิมพ์ ติดตามข่าวสารบ้านเมือง เช่น แนะคนให้ข้ามถนนระวังๆ ฟังรายการการจราจร เพื่อมาพูดคุยกับผู้ฟังได้อย่างมีสาระและได้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด”
&<2288;


