สวดชาตินี้ ดีกว่ารอชาติหน้า

โดย...ดนัย จันทร์เจ้าฉาย

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ได้เมตตากล่าวถึง อานิสงส์แห่งการสวดมนต์ว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งยวด ให้ผลบุญทั้งขณะที่ยังมีลมหายใจ ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ และมีอานิสงส์สูงสุดไปถึงดวงตาเห็นธรรม ยิ่งกว่านั้นอานิสงส์แห่งการสวดมนต์ยังเป็นบุญกุศลเกื้อหนุนให้ชีวิตสูงขึ้นในทางโลก และสามารถสำเร็จเข้าสู่แดนมรรคผลได้ในทางธรรม

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต กล่าวถึง อานิสงส์ของพระพุทธมนต์และเสียงสาธุการไว้อย่างชัดเจนว่า พุทธมนต์นั้นใครสวดก็ตามจะเป็นกิจวัตรของพระสงฆ์ เช้า เย็น หรือชาวพุทธทุกคน

สวดมนต์ระลึกในใจ มีอานุภาพแผ่ไปได้หมื่นจักรวาล

สวดออกเสียงพอฟังได้ มีอานุภาพแผ่ไปได้แสนจักรวาล

สวดมนต์เช้าเย็นธรรมดา มีอานุภาพแผ่ไปได้แสนโกฏิจักรวาล

 

สวดเต็มเสียงสุดกู่ มีอานุภาพแผ่ไปได้อนันตจักรวาล

แม้สัตว์ที่อาศัยอยู่ในสามภพ และที่สุดอเวจีมหานรก ยังได้รับความสุข เมื่อแว่วเสียงพุทธมนต์ผ่านลงไปถึง ชั่วขณะชั่วครู่หนึ่ง ดีกว่าหาความสุขไม่ได้เลยตลอดกาล

นี่คือ อานิสงส์ของพระพุทธมนต์ ที่ท่านพระอาจารย์มั่นได้กล่าวไว้

บนเวทีเสวนา “สวดชาตินี้ ดีกว่ารอชาติหน้า” ในงานมหกรรมลานโพธิ์ ตอนงานวัดลอยฟ้า จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสพุทธชยันตี 2,600 ปี โดยหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ กระทรวงวัฒนธรรม กองทุน สสส. ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ สถาบันวิมุตตยาลัย และเครือข่ายพุทธกว่า 100 องค์กร พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) เมตตาแสดงธรรมถึงอานิสงส์ของการสวดมนต์ว่า การสวดมนต์คือ การสวดพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอานิสงส์มาก เพราะว่าสิ่งที่สวดล้วนเป็นหลักธรรมสำคัญของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งสิ้น ยิ่งถ้าผู้สวดมีความรู้มีความเข้าใจในสิ่งที่สวดด้วย การสวดมนต์ก็อาจอำนวยผลสูงสุดเป็นการบรรลุภาวะพระนิพพานก็ยังได้อีกด้วย ซึ่งเหตุนี้จึงกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า “การสวดมนต์นั้น ถ้าสวดเป็นก็เห็นธรรม”

ท่าน ว.วชิรเมธี บอกอีกว่า สำหรับใครที่มีเวลามากพอ จะสวดมนต์ตอนเช้าตรู่ หรือตอนเย็น หรือเวลาก่อนนอนก็ทำได้ แต่สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลา จะสวดตามสะดวกที่ไหน เมื่อไหร่ ไม่ว่าจะที่วัด บ้าน ทำงาน บนรถส่วนตัว บนรถประจำทาง หรือแม้กระทั่งยามเดินทางไกลที่ต้องขึ้นรถ ลงเรือ หรือยามไปนอนพักค้างอ้างแรมในต่างถิ่นต่างที่ หรือในยามที่จิตใจว้าวุ่น สับสน ต้องการขวัญกำลังใจก็สามารถสวดมนต์ได้ทั้งสิ้น กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า “พระพุทธมนต์นั้น สวดได้ทุกที่ทุกเวลา”

ผมมีประสบการณ์ตรงที่อยากจะแบ่งปัน คุณยายแท้ๆ ของผม ตอนนี้อายุท่าน 95 ปีแล้ว แต่ยังมีสุขภาพแข็งแรง ความจำยังดี สาเหตุก็มาจากการสวดมนต์เป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะพระคาถาชินบัญชร และพุทธมนต์บทอื่นๆ จึงทำให้สุขภาพดีทั้งกายและใจ และที่น่าอัศจรรย์ก็คือ ยามใดที่ท่านเจ็บป่วยไม่สบาย นอกจากการดูแลปรนนิบัติให้หยูกยาตามอาการแล้ว ลูกหลานซึ่งรวมถึงคุณแม่ของผมด้วย ก็จะร่วมใจกันสวดมนต์ดังๆ โดยเฉพาะบทสวด พระคาถาชินบัญชร บทอิติปิโสและบทสวดโพชฌังคปริตร ให้คุณยายฟัง อาการที่ทรุดก็ทุเลาเบาบาง และค่อยๆ ดีขึ้นเป็นลำดับ

 

ส่วนคุณแม่จะสวดมนต์เก่งมาก โดยเฉพาะก่อนออกเดินทางไปไหนมาไหนจะมีบทสวดพิเศษ ทำให้มีสติสัมปชัญญะมีขวัญกำลังใจและดำรงตนในความไม่ประมาท ทั้งยังสอนหลานตัวเล็กอายุเพียง 7 ขวบ ให้สามารถสวดมนต์ได้อย่างคล่องแคล่ว รวมทั้งการสมาทานศีลและแผ่เมตตาได้ชนิดที่เรียกว่า ผู้ใหญ่ยังทึ่ง!

หลายท่านคงทราบว่า อานุภาพแห่งพระคาถาชินบัญชร ผู้ใดได้สวดภาวนาเป็นประจำอยู่สม่ำเสมอจะทำให้เกิดความสิริมงคล สมบูรณ์พูนผล ศัตรูหมู่พาลไม่มากล้ำกรายไปทางใด ย่อมเกิดเมตตามหานิยม เกิดลาภผลพูนทวี โดยเฉพาะเด็กๆ เยาวชนที่สวดจะทำให้มีสมาธิดี เล่าเรียนอ่านหนังสือก็มีความจำเป็นเลิศ

ในหนังสือ สวดชาตินี้ ดีกว่ารอชาติหน้า ได้สาธยายถึงบทสวด “พุทธปฐมอุทานคาถา” ซึ่งเป็นคำอุทานที่เปล่งออกจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก หลังตรัสรู้ธรรมเมื่อ 2,600 ปีก่อน เพื่อเป็นการยืนยันและรับรองถึงการได้ทรงบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในขณะที่พระศาสดาประทับนั่งด้วยความเบิกบานในพระหฤทัย และได้ตรัสคาถาว่า อเนกชาติสํสาร

...เราแสวงหานายช่างผู้สร้างเรือน เมื่อไม่ประสบ จึงได้ท่องเที่ยวไปสู่สงสารวัฏฏ์ มีชาติเป็นอเนก ความเกิดบ่อยๆ เป็นทุกข์ แน่ะนายช่างผู้สร้างเรือน เราพบท่านแล้ว ท่านจะสร้างเรือนอีกไม่ได้ ซี่โครงทุกซี่ของท่านเราหักเสียแล้ว ยอดเรือนเราก็รื้อเสียแล้ว จิตของเราถึงธรรมปราศจากเครื่องปรุงแต่งแล้ว เพราะเราบรรลุธรรมที่สิ้นตัณหาแล้ว ...

เมื่อทราบถึงอานิสงส์ของการสวดมนต์กันแล้ว ย่อมตัดสินใจได้ว่า จะเริ่มสวดกันชาตินี้ด้วยตัวเอง หรือจะนอนฟังเสียงพระสวดในยามที่หมดลมหายใจแล้ว