posttoday

เกิดเป็นผักตบ จบที่กระดาษ

25 พฤษภาคม 2555

นับจากมีการนำผักตบชวาจากประเทศอินโดนีเซียเข้ามายังประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 พืชพันธุ์เหล่านี้ก็มีการเติบโตเป็นเท่าทวี

โดย...โยธิน อยู่จงดี

นับจากมีการนำผักตบชวาจากประเทศอินโดนีเซียเข้ามายังประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 พืชพันธุ์เหล่านี้ก็มีการเติบโตเป็นเท่าทวี โดยที่เราไม่ทันเฉลียวใจว่าพืชชนิดนี้จะขยายพันธุ์ได้ง่ายและรวดเร็ว ในเวลาไม่กี่ปีผักตบชวาก็แพร่กระจายไปสู่แม่น้ำลำคลองทั่วพระนคร จนถึงปัจจุบันแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีแม่น้ำใดในประเทศไทยที่จะไม่พบผักตบชวา

เสริมประสิทธิภาพผักตบชวา

“ผักตบชวา” เป็นวัชพืชที่มีอัตราการเจริญเติบโตและแพร่ขยายอย่างรวดเร็วใน 1 เดือน ผักตบชวาเพียง 1 ต้น อาจขยายพันธุ์ได้มากถึง 1,000 ต้น จึงเกิดกีดขวางการจราจรทางน้ำแก่ผู้สัญจร ผักตบชวาที่เก็บขึ้นมาก็ถูกกองทิ้งไว้จนเน่าเสีย

แล้วเราจะเอาอย่างไรกับพวกเขาดีล่ะ ...ทุกวันนี้แม้จะมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผักตบชวาออกมามากมาย แต่ก็ผลิตไม่ทันกับการเติบโตของผักตบชวาจริงๆ ว่าแล้วคณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร จึงคิดค้นผลิตและพัฒนากระดาษจากผักตบชวาวัชพืชเหลือทิ้งให้เกิดเป็นมูลค่าที่สามารถพัฒนาในเชิงเศรษฐกิจขึ้นมาได้ โดยใช้ความรู้พื้นฐานที่ว่าพืชทุกชนิดที่มีกากใยสามารถนำมาทำเป็นกระดาษได้หมด และคราวนี้ก็ถึงที่ของผักตบชวาจะสร้างประโยชน์ได้มากกว่าขวางทางเรือและแพร่พันธุ์ไปวันๆ กันแล้ว

เกิดเป็นผักตบ จบที่กระดาษ

 

ดร.กาญจนา ลือพงษ์ อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการการผลิตกระดาษจากผักตบชวา อธิบายถึงการนำผักตบชวามาทำให้เกิดประโยชน์ว่า ทุกวันนี้เรานำผักตบชวามาใช้เป็นวัตถุดิบในงานหัตถกรรม งานจักสาน เป็นต้น อีกทั้งยังมีการนำผักตบชวามาผลิตในรูปแบบ “ผ้าไม่ทอ” (Non Woven) มีลักษณะเป็นแผ่นบางๆ คล้ายกระดาษ ถือว่าเป็นวัสดุทางเลือกใหม่ สามารถนำไปใช้กับงานผลิตภัณฑ์สิ่งทอในท้องตลาดได้ แต่จากงานวิจัยที่ผ่านมาพบว่าการนำผักตบชวามาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตนั้นยังมีปัญหาตรงที่ปริมาณเยื่อค่อนข้างน้อย ดังนั้นจึงมีการต่อยอดแนวความคิดเรื่องการนำผักตบชวามาใช้เพื่อผลิตกระดาษ

โดยมีน้องอารีย์ สำเภาทอง และศรินยา อิ้ววังโส นักศึกษาร่วมทำวิจัยให้ผักตบชวาเหล่านี้มีค่ากว่าที่ใครหลายคนคิด น้องอารีย์ บอกว่าผักตบชวานี้มีเยื่อน้อยจึงเน้นการนำวัชพืชหรือเศษพืชที่เหลือจากการเกษตร ได้แก่ ใบสับปะรดและกาบกล้วยมาผสมกับเยื่อของผักตบชวาเพิ่มเนื้อให้กับกระดาษ ซึ่งจากผลการศึกษาพบว่า เศษพืชเหลือใช้เหล่านี้สามารถเพิ่มเนื้อเยื่อให้กับกระดาษจากผักตบชวาได้ดีมาก แถมยังช่วยเสริมเติมแต่งเพื่อเพิ่มประโยชน์ในการใช้งานให้มากขึ้นด้วยการเพิ่มความแข็งแรงให้กับกระดาษ ด้วยน้ำถ่านกัมมันต์ (ถ่านกรองประสิทธิภาพสูง) และสามารถเพิ่มสีสันโดยนำไปย้อมสี เป็นต้น

ขั้นตอนเพิ่มมูลค่า

ขั้นตอนกระบวนการผลิตกระดาษจากผักตบชวา เริ่มจากการเตรียมวัตถุดิบในสัดส่วน ผักตบชวา 70% ใบสับปะรด 10% และกาบกล้วย 20% มาล้างทำความสะอาด แล้วตัดวัตถุดิบเป็นชิ้นเล็กๆ มีความยาวประมาณ 1 นิ้ว แช่น้ำทิ้งไว้ค้างคืนเพื่อให้วัตถุดิบอ่อนตัวและทำให้สารเคมีซึมเข้าไปทั่วเส้นใยได้ดี เตรียมเส้นใยด้วยโซเดียมไฮดรอกไซด์ที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 3 ชั่วโมง จากนั้นฟอกเยื่อด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส เวลา 30 นาที และเพิ่มคุณสมบัติด้านการกระจายเยื่อด้วยสารช่วยกระจายเยื่อและสารเพิ่มความแข็งแรง (น้ำถ่านกัมมันต์) 5%w/v

เกิดเป็นผักตบ จบที่กระดาษ

 

เสร็จแล้วเราจะได้กระดาษที่มีคุณสมบัติเหมือนกระดาษคราฟต์ มีความหนาและความคงทนต่อการฉีกขาดได้ดีเหมาะสมสำหรับใช้งานเป็นกล่องสินค้าทั่วไป หรือกล่องสำเร็จรูป ในการผลิตนี้เราสามารถกำหนดความหนาบางและนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด อาทิ ถุงปลูกต้นไม้ กล่องใส่กระดาษโน้ต กรอบรูป ที่ใส่ปากกา กระดาษทำแบบตัด หมวก ปกนอกและปกในสมุด

ผลงานนี้ทำให้เราได้เห็นว่าของเหลือทิ้งหรือไม่มีคุณค่าในสายตา หากเราตั้งใจที่จะศึกษาก็จะพบว่าของทุกอย่างมีค่าในตัวเอง แม้แต่ผักตบชวาวัชพืชที่ไร้ประโยชน์ก็สามารถสร้างมูลค่าต่อยอด ขยายชนิดและรูปแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อผลิตพร้อมส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศได้อีกด้วย


&<2288;

 

ข่าวล่าสุด

3 ชาติผนึกกำลังทลาย 'KK Park - ชเวก๊กโก' รังใหญ่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"