posttoday

เรือไม้รูปราชสีห์โบราณวัตถุกรมเจ้าท่า

08 มีนาคม 2553

เรือไม้โบราณรูปราชสีห์ บูรณะซ่อมเสร็จ ได้นำมาประดิษฐานบนแท่นฐานในศาลาริมน้ำเจ้าพระยาและได้รับการสักการบูชาในฐานะเป็นทรัพย์แผ่นดินชิ้นเอก

เรือไม้โบราณรูปราชสีห์ บูรณะซ่อมเสร็จ ได้นำมาประดิษฐานบนแท่นฐานในศาลาริมน้ำเจ้าพระยาและได้รับการสักการบูชาในฐานะเป็นทรัพย์แผ่นดินชิ้นเอก

โดย...ตาแหลม

ตามปกติผมชอบโดยสารเรือด่วนเจ้าพระยา เพราะชอบความรวดเร็ว จราจรไม่ติดขัด ไปไหนมาไหนสะดวก แถมยังได้บรรยากาศแปลกออกไป พบเห็นมนุษย์นานาชาติเดินทางร่วมยานพาหนะลำเดียวกัน โดยไม่เกี่ยงเรื่องเชื้อชาติศาสนา หรือฐานะทางสังคม แม้ว่าจุดหมายปลายทางจะต่างกันก็ตาม

เมื่อนาวาฝ่ากระแสน้ำรับส่งผู้โดยสารตามท่าน้ำต่างๆ นั้น ไอเย็นจากกระแสน้ำช่วยดับความร้อนอบอ้าวในช่วงนี้เป็นอย่างดี ขณะที่ทิวทัศน์ 2 ฟากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาดูเมื่อไรก็ไม่รู้สึกเบื่อ เมื่อดูด้วยตาอยู่ห่างๆ ไม่สะใจ อยากขึ้นฝั่งไปดูให้ใกล้ชิดก็เลือกขึ้นตามท่าต่างๆ ที่ต้องการทั้งฝั่งซ้ายและขวา สำหรับผมเลือกขึ้นที่ท่าเรือกรมเจ้าท่า แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ ขึ้นไปไม่ผิดหวัง ได้เห็นเรือไม้โบราณรูปราชสีห์ ที่กรมเจ้าท่านำมาตั้งไว้บนหินแกรนิต ภายใต้ศาลาที่ให้ร่มเงาอย่างดี ติดกับท่าน้ำ

เมื่อพินิจพิจารณา เก็บความประทับใจและถ่ายรูปแล้ว ก็หาข้อมูลประกอบ

 

เรือไม้รูปราชสีห์โบราณวัตถุกรมเจ้าท่า เรือโบราณหัวราชสีห์

หนังสือ 150 ปี แห่งการสถาปนากรมเจ้าท่าที่พิมพ์เมื่อปี พ.ศ. 2552 (กรมเจ้าท่าสถาปนา 5 ส.ค. 2402) ให้รายละเอียดเรื่องเรือรูปราชสีห์ ดังนี้

กว่า 150 ปี แห่งการสถาปนากรมเจ้าท่า หรือการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีปัจจุบัน บรรพบุรุษและบรรพชนในอดีตได้ใช้ภูมิปัญญาสร้างสรรค์มรดกทางวัฒนธรรมขององค์กรไว้มากมายเฉกเช่นเรือไม้โบราณรูปราชสีห์ ซึ่งเป็นเรือที่สร้างจำลองมาจากเรือรูปราชสีห์หรือเรือสิงห์ ที่เป็นเรือในกระบวนพระราชพิธี ที่ได้ตกทอดเป็นโบราณวัตถุชิ้นเอก (ของกรมเจ้าท่า) หรือทรัพย์แผ่นดินมาถึงทุกวันนี้

ผู้ชำนาญการกรมศิลปากร ระบุว่าเรือไม้โบราณรูปราชสีห์ จำลองมาจากเรือรูปราชสีห์ หรือเรือสิงห์ในกระบวนเรือพระราชพิธี โดยเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยในอดีตได้สร้างและมอบให้เป็นที่ระลึก หรือใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำกรมท่า หรือกรมเจ้าท่าในอดีต

โดยลักษณะเรือนี้ไม่ได้สร้างเพื่อใช้ในการปฏิบัติงานจริง แต่ใช้เพียงเพื่อเป็นสัญลักษณ์เท่านั้น สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 หรือที่ 5

ปัจจุบันเรือไม้โบราณรูปราชสีห์ได้รับการบูรณะซ่อมแซมใหม่ หัวเรือเป็นรูปราชสีห์แกะสลักปิดทองประดับกระจก ตัวลำเรือทำด้วยไม้ตะเคียนขุดยาวตลอดท้องเรือกว้างสุดประมาณ 24 นิ้ว หัวและท้ายเรือกว้างประมาณ 12 นิ้ว ตลอดลำเรือ หัวถึงท้าย (เรือ) ยาวประมาณ 8 เมตร

ตัวลำเรือภายนอกเป็นลักษณะงานเขียนลายรดน้ำทั้งลำ ตั้งวางอยู่บนแท่นหินแกรนิต ซึ่งได้สร้างแทนแท่นตั้งที่เป็นไม้ หนังสือที่ระลึก 150 ปี ระบุว่าเมื่อพบเรือลำนี้ครั้งแรก สภาพทั่วไปชำรุดและบางชิ้นส่วนหลุดหายไป กระหนกไหล่หลุดหายไป 2 ด้าน มาลัยคอเรือชำรุดเป็นบางส่วน ตัวลำเรือแตกแยกเป็นแนวทางยาวตลอดตามรอยต่อไม้

ส่วนภายในท้องเรือ กระทงหลุดหายไป 3 กระทง ไม้ทับกระทงหักหายตลอดทั้งลำเรือ ลักษณะของหาง (ท้าย) เรือที่ติดอยู่เป็นลายกนกซึ่งรูปแบบที่ผิดเพี้ยนไปจากลักษณะของหัวเรือที่เป็นรูปสัตว์หิมพานต์ คาดว่าของเดิมคงชำรุดหาย จึงนำเอาบางส่วนของหาง (ท้าย) เรือลำอื่นมาต่อให้ครบสมบูรณ์ ซึ่งน่าจะเป็นของเรือใหญ่กว่าเรือลำนี้ ส่วนมาลัยหางเรือชำรุดหักหายเป็นบางส่วน

การบูรณะเริ่มเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2547 โดยดำริของนายวันชัย ศารทูลทัต อดีตอธิบดี ที่ได้เห็นความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และคุณค่าทางสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม จิตรกรรม โดยได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มงานช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ที่ใช้วิธีการบูรณะ ซ่อมแซมแบบโบราณ เพื่ออนุรักษ์ลักษณะเรือ โดยการสร้างส่วนโครงสร้างแกะสลักลวดลายประกอบเทียน ปิดทองประดับกระจก และเขียนลายรดน้ำ เป็นต้น

วันที่ 5 ส.ค. 2548 เรือไม้โบราณรูปราชสีห์ บูรณะซ่อมเสร็จ ได้นำมาประดิษฐานบนแท่นฐานในศาลาริมน้ำเจ้าพระยาและได้รับการสักการบูชาในฐานะเป็นทรัพย์แผ่นดินชิ้นเอก ควรค่าแก่การอนุรักษ์อยู่คู่กับเจ้าท่า หรือกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ให้นานเท่านาน รักษ์เรือโบราณไว้เป็นศรีสง่า รักษ์นาวารูปราชสีห์ไว้เป็นเกียรติภูมิ

ประวัติกรมเจ้าท่า

กรมเจ้าท่ามีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี หน่วยงานนี้มีชื่อเรียกว่า “กรมท่า” หรือ “กรมเจ้าท่า” อยู่ในความควบคุมดูแลของกรมพระคลังสินค้า ซึ่งสันนิษฐานว่าตั้งขึ้นในสมัยพระเจ้าปราสาททอง เป็นหน่วยงานหลวงเพื่อผูกขาดสินค้าบางอย่างเป็นสินค้าต้องห้าม ไม่ให้พ่อค้าประชาชนซื้อขายโดยตรง

นอกจากผูกขาดซื้อขายสินค้าแล้ว พระคลังสินค้ายังมีหน้าที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมเรือสินค้าต่างชาติ ค่าภาษีสินค้าและค่าธรรมเนียมเข้าออก

กัปตันบุชเป็นเจ้าท่าคนแรก

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทางราชการได้ทำสัญญาจ้างกัปตัน จอห์น บุช (John Buch) ชาวอังกฤษ มาเป็นผู้ริเริ่มงานฝ่ายเจ้าท่า มีการลงนามในสัญญาระหว่างไทยกับอังกฤษ วันศุกร์ที่ 5 ส.ค. ปี พ.ศ. 2402

กรมเจ้าท่าจึงถือเอาวันที่ 5 ส.ค. ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสถาปนา และต่อมากรมเจ้าท่า ซึ่งแต่เดิมสังกัดในกรมพระคลัง ได้ย้ายสังกัดไปอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศ และเมื่อปี พ.ศ. 2432 ได้ย้ายไปอยู่กับกระทรวงโยธาธิการ

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งที่ทำการของกรมที่ตึกเจ้าสัวเส็งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ข้างตลาดน้อย ตรงข้ามปากคลองสาน อันเป็นที่ตั้งของกรมเจ้าท่าในปัจจุบันนั่นเอง

พ.ศ. 2444 ได้ย้ายสังกัดกรมเจ้าท่าไปขึ้นอยู่ในกระทรวงนครบาล และในปี พ.ศ. 2448 กรมเจ้าท่าได้ยกฐานะเป็นกรมชั้นอธิบดี และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงให้ตราพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย ร.ศ. 124 (พ.ศ. 2448) และในปีนี้เอง ทรงเริ่มปรับปรุงกิจกรรมกรมเจ้าท่าขึ้นใหม่ โดยยกเอางานบางส่วนจากกรมคลองเดิมมารวมกับกรมเจ้าท่า

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทางราชการได้ยกกระทรวงนครบาลซึ่งกรมเจ้าท่าสังกัด ไปรวมกับกระทรวงมหาดไทย จนกระทั่งปี พ.ศ. 2484 กรมเจ้าท่าจึงได้ย้ายสังกัดมาขึ้นกับกระทรวงคมนาคม

เปลี่ยนชื่อไปใช้ชื่อเดิม

พ.ศ. 2545 เมื่อมีการปฏิรูปราชการ ได้รวมสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมกิจการพาณิชยนาวี มาเป็นหน่วยงานในสังกัดกรมเจ้าท่า แล้วเปลี่ยนชื่อกรมเจ้าท่า เป็นกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี สังกัดกระทรวงคมนาคม มีภารกิจเกี่ยวกับการส่งเสริมการพัฒนาระบบการขนส่งทางน้ำและการพาณิชยนาวี ให้มีการเชื่อมต่อระบบการขนส่งอื่นๆ

แต่แล้วชื่อใหม่นั้นก็หมดความขลัง ขัดกับความรู้สึก และกฎหมายบางฉบับ เมื่อปี พ.ศ. 2552 กระทรวงคมนาคมจึงทำเรื่องขอเปลี่ยนกลับไปใช้ชื่อเดิม ตามที่ ครม. มีมติดังนี้

คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อส่วนราชการ “กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี” เป็น “กรมเจ้าท่า” พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อส่วนราชการ “กรมการขนส่งทางอากาศ” เป็น “กรมการบินพลเรือน” พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ

กระทรวงคมนาคมเสนอว่า

1.ขอเปลี่ยนชื่อ “กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี” เป็น “กรมเจ้าท่า” ตามเดิม ด้วยเหตุผล ดังนี้

1.1 กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี มีประวัติการก่อตั้งมายาวนานถึง 149 ปี นับตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ในชื่อเดิมว่า “กรมท่า” โดยมีตำแหน่งเจ้ากรมว่า “เจ้าท่า” ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามหน่วยงานว่า “กรมเจ้าท่า” สังกัดกระทรวงโยธาธิการ จนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังการปฏิรูประบบราชการในปี 2545 จึงได้ยุบรวม “สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชยนาวี” กับ “กรมเจ้าท่า” จึงเป็น “กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี” โดยการปรับชื่อหน่วยงานด้านการขนส่งทั้งหมดให้เหมือนกันทั้งทางบก น้ำ และอากาศ และเพื่อให้ทราบว่ามีการรวมหน่วยงานด้านพาณิชยนาวีจึงได้ระบุชื่อเป็นพาณิชยนาวีต่อท้ายด้วย จึงมีการเปลี่ยนชื่อกรมและชื่ออธิบดีตามกฎหมาย ดังที่ปรากฏในพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 และพระราชกฤษฎีกาแก้ไขบทบัญญัติให้สอดคล้องกับการโอนอำนาจ หน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 แต่ภารกิจตามกฎหมายยังคงเป็นภารกิจ “เจ้าท่า”

1.2 ตั้งแต่มีการเปลี่ยนชื่อเป็นกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ปรากฏในทางปฏิบัติในการประชุมและประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ ว่าไม่สอดคล้องกับภารกิจของกรมตามกฎหมายหลายๆ ฉบับ เช่น พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2456 และพระราชบัญญัติเรือไทย พุทธศักราช 2481 ซึ่งกำหนดการใช้อำนาจของอธิบดีและในการมอบหมายงานในสำนักงานสาขาในต่างจังหวัดเป็นอำนาจ “เจ้าท่า” ซึ่งเป็นคำเฉพาะที่สามารถเข้าใจได้ดีทั้งข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนทั่วไป ซึ่งไม่คุ้นเคยกับชื่อกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีที่เป็นชื่อใหม่ แม้ว่าจะใช้มาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม

1.3 กรมการขนส่งทางน้ำได้ทำการสอบถามข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่ 87% เห็นด้วยที่จะให้ใช้ชื่อ “กรมเจ้าท่า” ที่เหลือเห็นควรให้เป็นชื่ออื่น (กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี มีเพียง 7.3% และกรมเจ้าท่าและการขนส่งทางน้ำ/กรมการขนส่งทางน้ำ/กรมเจ้าท่าและพาณิชยนาวี/กรมเจ้าท่าและการเดินเรือ/กรมพาณิชยนาวี มีเพียง 5.69%)

ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามชื่อพระราชทานเดิม และภารกิจหลักของกรมตามกฎหมายดังกล่าวข้างต้น จึงเห็นควรเปลี่ยนชื่อ “กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี” เป็น “กรมเจ้าท่า” ตามชื่อที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานไว้แต่เดิม และได้กลับมาใช้ชื่อเดิม เมื่อ พ.ย. 2552

ตลอดเวลา 150 ปี กรมเจ้าท่ามีอธิบดีบังคับบัญชามาแล้ว 33 ท่าน ท่านแรกคือกัปตัน จอห์น บุช พ.ศ. 24022434 ต่อมาได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระยาวิสูตรสาครดิษฐ์ อธิบดีท่านปัจจุบันคือ นายชลอ คชรัตน์ ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ง

ข่าวล่าสุด

สยามพิวรรธน์คว้า 2 รางวัลโลก พร้อมเปิด NEXTOPIA สยามพารากอน