บทเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ลงตัว พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

โดย...กันย์

คู่รักหนุ่มหล่อสาวสวยที่เตรียมจะเข้าพิธีวิวาห์กันในวันที่ 5 เดือน 5 ปี 2555 ได้รู้ถึงฤกษ์ดีวันแต่งงานของเขาทั้งคู่แล้วก็ประกันได้ว่า สุขสมอารมณ์ดีอย่างแน่นอนก็ได้เคล็ด 5555 มีรึจะไม่สุขสันต์ ความรักของเขาทั้งคู่เริ่มต้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว มีบางช่วงที่ต้องห่างๆ กัน เพราะฝ่ายชายต้องไปเรียนที่อเมริกากว่า 2 ปี แต่เพราะยึดมั่นต่อความรัก ตัวไกลแต่ใจไม่ห่าง ทั้งคู่ต่างนับวันรอที่จะได้มาอยู่ด้วยกันอย่างแท้จริงยั่งยืน และวันนี้ก็กำลังจะมาถึงในเวลาอันใกล้นี้

ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด แม้ฝ่ายชายจะเป็นนักธุรกิจที่ต้องมีภารกิจมากมายแถมยังมีงานที่ต้องขยายอีกมาก แต่เขาก็พยายามจะปรับตัวปรับเวลาให้ลงตัวกับแฟนสาว ต่าย-ชุติมา ทีปะนาถ ที่เริ่มห่างจากวงการบันเทิงเตรียมมารับบทบาทหน้าที่ภรรยาอย่างเต็มตัว “จริงๆ ผมไม่ห้ามนะครับ ถ้าเขาอยากทำก็โอเค เพียงแต่รับงานแบบพอเหมาะสม ไม่เยอะเกินไป รับได้ในสิ่งที่เขาเป็นอะไรมีความสุขก็ไม่ห้าม เราต้องแชร์กันทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว”

ส่วนฝ่ายว่าที่เจ้าสาวคนสวย บอกว่า ก็ไม่ถึงขนาดว่าจะไม่รับงานอะไรเลย เพียงแต่บทที่เข้ามามักเป็นบทกุ๊กกิ๊กวัยหวาน ซึ่งเราโตเกินไปกับบทแบบนี้แล้ว หรือไม่ก็เป็นหนังผี ซึ่งเป็นแนวที่เราไม่ค่อยชอบ ตอนนี้ถ้าบทไม่โดนใจจริงๆ ก็ไม่รับ แต่ถ้าเป็นบทที่ชอบ ท้าทาย ก็รับอยู่แล้วค่ะ แต่ปกติงานก็ไม่ได้มากอะไร ไม่มีปัญหาสำหรับหน้าที่ใหม่ที่จะต้องเป็นภรรยาและแม่บ้าน “เราแต่งงานด้วยความพร้อม ตอนคิดว่าจะแต่งงานก็พร้อมจะทำหน้าที่แม่บ้านเป็นอันดับแรก เรื่องงานก็เป็นลำดับต่อไป ถ้าไม่มีงานในวงการบันเทิงพี่ทิมก็อาจจะมีงานให้ช่วยบ้าง” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มทั้งสีหน้าและแววตา

พิธา บอกว่า เขากำลังจะออกสินค้าน้ำมันรำข้าวสำเร็จรูปในรูปแบบอาหารเสริมเกี่ยวข้องกับสุขภาพและความงาม เรื่องการประชาสัมพันธ์ ตรงนี้ว่าที่ภรรยาคนสวยคงจะช่วยงานเขาได้เยอะ เขามีเรื่องคุณภาพ การผลิต การตลาด แต่เรื่องประชาสัมพันธ์เรื่องสื่อเธออาจจะมีมากกว่า และยังจบมาทางด้านนี้มาคงช่วยได้เยอะ

“เราเติมเต็มซึ่งกันและกัน เธอมีในสิ่งที่ผมขาด ผมมีในสิ่งที่เธอขาด ผมมีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ต้องรับผิดชอบเกินวัย เพราะคุณพ่อเสียแบบกะทันหันต้องเข้ามาดูแลงานแทนแบบไม่รู้ตัวเลย บางครั้งผมอาจจะเครียดและจริงจังเกินไป ในขณะที่ต่ายมีความสดใสรื่นเริง และเป็นผู้ฟังที่ดี เป็นกำลังใจที่ดีของผม เขามีความเป็นเด็ก ส่วนความเป็นเด็กของผมหายไปบ้าง”

เขาบอกว่า คบกันมา 4 ปีกว่า ก็รู้นิสัยใจคอกันดี พร้อมที่จะใช้ชีวิตคู่ด้วยกันอย่างจริงจัง วัยเราห่างกัน 7 ปี ผมว่ากำลังพอดีๆ ไม่มากไม่น้อยเกินไป ที่เหลือก็ค่อยๆ เรียนรู้กันไป ปรับตัวกันไป รักในแบบที่เขาเป็น เขารักเราในแบบที่เราเป็น อยู่บนพื้นฐานความรักความเข้าใจ พร้อมจะให้อภัยกันได้เสมอ ต่อจากนั้นก็คงไม่มีอะไรน่าห่วง จะเถียงจะงอนกันบ้าง ก็คงเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตคู่ ส่วนทายาทคงต้องรอสัก 23 ปี

ถ้อยถีถ้อยอาศัย รักและให้อภัยกันเช่นนี้ ชีวิตคู่ยืนยาวแน่นอนค่ะ