ประวัติศาสตร์ แห่งพระปฏิบัติธรรม พระธรรมโมลี
โดย...สมาน สุดโต
โดย...สมาน สุดโต
ศูนย์ปฏิบัติธรรม พระธรรมโมลี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เปิดดำเนินการอย่างไม่เป็นทางการ บนเนื้อที่ 130 ไร่ ที่ ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง มาเป็นเวลา 8 ปี เพื่ออบรมวิปัสสนากรรมฐานแก่พระสังฆาธิการ และพระนิสิตนักศึกษาระดับปริญญาโท ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีชื่อเสียงขจรขจาย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2555 มีผู้ที่ปฏิบัติธรรมนานาชาติ จำนวน 43 ท่าน ได้มาขอเข้าปฏิบัติธรรม ณ สถานที่แห่งนี้ ที่ตั้งอยู่อย่างสงบในท่ามกลางเทือกเขาแห่งเขาใหญ่ แลนด์สเคปสวยงาม เหมือนประหนึ่งว่าอยู่ในรีสอร์ตทีเดียว
ธนัตย์ จินดาพร อายุ 71 ปี ผู้นำศูนย์วิปัสสนาภาคเหนือ วัดพระธาตุศรีจอมทอง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ผู้ปฏิบัติธรรมนานาชาตินี้ปกติแล้วปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อทอง ที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง จ.เชียงใหม่ แต่ครั้งนี้มาขอปฏิบัติที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม พระธรรมโมลี อ.ปากช่อง เป็นเวลา 11 วัน โดยได้เข้ามาตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. จากนั้นกลับไปปฏิบัติธรรมต่อที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง
ทั้ง 43 คนที่มาปฏิบัตินั้นมีทั้งสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ ในจำนวนนั้นเป็นพระภิกษุรูปหนึ่งและสามเณรรูปหนึ่ง ทั้งสองเป็นชาวอิสราเอล พระภิกษุชื่อว่า พระออฟเฟอร์ อายุ 46 ปี อุปสมบทมานานแต่ไม่ต่อเนื่อง เพราะต้องลาสิกขา เมื่อจะเข้าอิสราเอลไปเยี่ยมโยมพ่อโยมแม่ ด้วยว่าโยมพ่อไม่ชอบ จึงบวชๆ สึกๆ หลายครั้ง เมื่อโยมพ่อถึงแก่กรรม โยมแม่บอกว่าอยากบวชก็ตามใจ เพราะเป็นความพอใจของลูกจึงบวชตลอดมา
การที่บวชเพราะได้ปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อทอง ตอนเป็นฆราวาสแล้วสุขภาพจิตและสุขภาพกายดี โดยเฉพาะอาการปวดที่เข่าหายไปเด็ดขาด ทั้งๆ ที่รู้สึกทรมานมานาน
ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนวิปัสสนาที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมที่ประเทศอิสราเอล ซึ่งเป็นศูนย์แห่งเดียวและแห่งแรกในประเทศนั้น
ส่วนสามเณรนั้นชื่อ Eyal Binyamin อายุ 11 ปี เพิ่งบวชที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง หลังจากปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อทอง แล้วอาการป่วยด้วยลูคีเมียบรรเทาลง จึงขอบวชในพระพุทธศาสนา โดยมีบิดาชื่อ Yoav Binyamin ตามมาด้วย
ท่านอื่นๆ มาจากหลายประเทศ เช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา เยอรมนี กรีซ ตะวันออกกลาง เป็นต้น
บางท่านปฏิบัติเป็นเวลานาน จนกระทั่งได้รับการยอมรับว่าเป็นวิปัสสนาจารย์ ซึ่งสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ได้มอบใบรับรองนั้นให้ในวันนั้นด้วย ส่วนผู้ปฏิบัติธรรมท่านอื่นๆ ซึ่งล้วนแต่งชุดขาวไม่ว่าหญิงหรือชายต่างปฏิบัติธรรม และชำนาญในศาสนพิธี ตั้งแต่การรับศีล สวดมนต์ไหว้พระ ได้ถูกต้องครบถ้วนทุกประการ
สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ในฐานะเจ้าของสถานที่ กล่าวสัมโมทนียกถาต้อนรับฝรั่งนานาชาติได้เป็นที่ประทับใจ เพราะมิใช่แค่กล่าวต้อนรับตามธรรมเนียม แต่ได้ให้หลักการในการปฏิบัติธรรมตามหลักสติปัฏฐาน 4 ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานจนถึงขั้นบรรลุเป้าหมายสูงสุด คือได้ญาณ เข้าถึงมรรคผลนิพพานอีกด้วย
ตอนสุดท้ายได้เชิญชวนให้ผู้ปฏิบัติธรรมทุกท่านถวายกุศลกรรมที่ได้ปฏิบัติเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่จะเจริญพระชนมพรรษา 60 พรรษา
ประวัติศาสตร์ของศูนย์
ในสัมโมทนียกถานั้น สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ กล่าวว่า การเข้าปฏิบัติธรรมของชาวต่างชาติที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม พระธรรมโมลี ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ของศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้ ท่านจึงยินดีต้อนรับ ขอให้พำนักที่นี่ให้สบาย ให้นึกว่าเป็นเสมือนบ้านของท่าน มีอะไรขาดเหลือ หรือจะให้ช่วยเหลืออะไร อย่าลังเล ให้บอกมา จะได้จัดการให้อย่างเต็มที่
ในการปฏิบัติธรรมนั้น สมเด็จแนะว่า ให้วางใจให้เป็นกลาง ธรรมที่ท่านปฏิบัตินี้เป็นธรรมชาติ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ
แต่ว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้ค้นพบด้วยพระองค์ แล้วประกาศให้ชาวโลกปฏิบัติตามเพื่อประโยชน์ในปัจจุบัน และในภายภาคหน้า โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ บรรลุมรรคผลนิพพาน
ในการปฏิบัติธรรมตามแนวสติปัฏฐาน 4 คือ ที่ตั้งของสติ ได้แก่ กายานุปัสสนา ฐานคือ สติที่เข้าไปพิจารณาดูกาย เวทนานุปัสสนา ฐานคือ สติที่เข้าไปดูเวทนา ได้แก่การเสวยอารมณ์ สุข ทุกข์ ไม่ใช่สุข ไม่ใช่ทุกข์ จิตตานุปัสสนา คือ สติปัฏฐาน ตามดูจิตของตนเอง และธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ ที่ตั้งการพิจารณาดูสังขารธรรมที่เกิดในจิตแต่ละขณะๆ เพราะฉะนั้น สติปัฏฐาน 4 จึงได้รับยกย่องว่าเป็นทางสายเดียวที่ผู้ปฏิบัติธรรม ปรารภถึงความบริสุทธิ์สะอาด ทำให้ก้าวล่วงความเศร้าโศกเสียใจ ดับทุกข์โทมนัส บรรลุอริยมรรค อริยผล ทำให้แจ้งพระนิพพานได้
โลกครอบงำด้วยกิเลส
ปัจจุบันนี้โลกถูกกิเลส คือ โลภ โกรธ หลง เข้าครอบงำจิตใจ ทำให้จิตไม่สะอาด ไม่ผ่องใส เต็มไปด้วยความอยากได้ ความอาฆาตมาดร้าย แก่งแย่งชิงดีกันและกัน การหมกมุ่นมัวเมาในกิเลสนี้จึงทำให้จิตนั้นไม่สะอาด ไม่ผ่องใส และเกิดความไม่สงบในสังคมโลกมนุษย์ ถ้าจะให้โลกนี้ได้รับความสงบ ต้องชำระจิตของตนให้สะอาด
เมื่อจิตสะอาด ผ่องใส ไม่ตกอยู่ในอำนาจของความโลภ โกรธ หลง ความโศกเศร้าเสียใจที่จะเกิดขึ้นก็ไม่มี ความคับแค้นใจก็ไม่มี ชื่อว่าได้ทำให้โลกนี้สะอาด ไม่ว่าเราจะมีชาติกำเนิดมาจากไหนก็ตาม หากโลกมีความสะอาดด้านจิตใจเสมอกันแล้ว โลกตั้งอยู่อย่างสะอาดและมีความสงบ
สมเด็จ กล่าวว่า ชาวโลกตกอยู่ในอาการที่น่าสงสาร เพราะเกิดความเศร้าโศกเสียใจ ความทุกข์ เมื่อพลัดพรากจากของรัก ของชอบใจ เหตุเพราะความโกรธ ความหลงของมนุษย์ที่สร้างมันขึ้นมา ในขณะเดียวกันก็ทำลายตัวของเราเอง วิธีที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดทุกข์โศก เสียใจ ก็ต้องปฏิบัติธรรม เพื่อดับกิเลส ดับความเสียใจ แม้ว่าธรรม ชาติส่งผลให้กับเรา ต้องรับผลคือความเจ็บความตาย แต่เมื่อเราได้ปฏิบัติ เข้าถึงธรรมแล้ว เราก็ไม่หวั่นไหวและพร้อมที่จะรับมันอย่างคนมีสติ แม้ว่าความทุกข์เหล่านี้จะเผชิญหน้ากับเรา
อริยมรรค
ชาวโลกต่างก็ขวนขวายแสวงหาหนทางดับความเศร้าโศก และความทุกข์ แต่ว่าเป็นการยากที่จะหาพบ แต่พระพุทธเจ้าทรงหาพบและได้ประทานช่องทางไว้ให้ชาวโลกทั้งหลายได้ปฏิบัติ เรียกว่า อริยมรรค 8 หากใครได้ปฏิบัติตามอริยมรรค 8 มีสัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ สัมมาวาจา เจรจาชอบ สัมมากัมมันตะ การงานชอบ สัมมาอาชีวะ การเลี้ยงชีพชอบ สัมมาวายามะ เพียรชอบ สัมมาสติ การตั้งสติไว้ชอบ และสัมมาสมาธิ การตั้งใจไว้ชอบ จะประสบความสุข
อริยมรรคจึงเป็นทางเดินให้บุคคลผู้ปฏิบัตินั้นได้บรรลุความเป็นบุคคลผู้ประเสริฐ ห่างไกลจากกิเลสดังกล่าวข้างต้น
สมเด็จกล่าวถึงสัมมาสติที่มีในพระไตรปิฎก และสัมมาสติในองค์อริยมรรคในอรรถกถา ว่าได้แก่ สติปัฏฐาน 4 ซึ่งเป็นอารมณ์ของวิปัสสนากรรมฐานนั่นเอง
สมเด็จได้เมตตาอธิบายว่า สัมมาสติ จะเป็นตัวองค์ธรรมที่เสริมสร้างให้เกิดสัมมาทิฏฐิ คือ ปัญญาความเห็นชอบ ถ้าหากขาดสัมมาสติแล้ว ปัญญาที่เห็นชอบก็ไม่เกิด
ในขณะเดียวกัน อริยมรรคองค์ 8 ประการนั้น หากสรุปให้สั้นได้แก่ ศีล สมาธิ และปัญญา ตัวสัมมาสติอยู่ในองค์ข้อ 2 คือ สมาธิ ซึ่งรวมกับสัมมาวายามะ และสัมมาสมาธิ เพราะฉะนั้น ในการปฏิบัติกรรมฐาน ตามแขนงสติปัฏฐาน 4 จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วิปัสสนาปัญญา
การเจริญสติปัฏฐาน 4 ทำให้ผู้ปฏิบัติเกิดปัญญา ซึ่งเราเรียกว่า ญาณ ตามขั้นตอนตามลำดับ ตั้งแต่ขั้นหยาบจนกระทั่งละเอียดลุ่มลึก จนกระทั้งสูงสุด
การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในขั้นแรกจึงให้มีสติกำหนดดูกาย จากกายให้ดูเวทนา จากเวทนาให้ดูจิต คือ ความนึกคิดที่เกิดทางมโนวิญญาณ จะเป็นภาพที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย จิต ที่ละเอียด และให้เห็นสภาพธรรมของสิ่งนั้นที่เกิดขึ้นในทุกขณะ
การเจริญสติปัฏฐาน ซึ่งเป็นการเจริญวิปัสสนา ตามหลักที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ ก็เพื่อให้ผู้ปฏิบัติบรรลุตามเป้าหมาย คือ ความบริสุทธิ์ เพื่อก้าวล่วงความเศร้าโศกเสียใจ และดับทุกข์โทมนัส เข้าสู่มรรคผล นิพพานในที่สุด
จึงขอให้ผู้เป็นโยคี ผู้ปฏิบัติธรรมจงรักษาสติ กำหนดหลักทั้ง 4 ให้ติดต่อกัน ไม่ว่าจะ ยืน เดิน นั่ง นอน ก็มีสติกำหนดตลอดเวลา ไม่ว่าอยู่ในอิริยาบถใด
ถ้าทำได้อย่างนี้ การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามสติปัฏฐาน 4 ก็จะปรากฏขึ้น ท่านก็จะมีจิตเป็นอิสระ จากทุกสิ่งทุกอย่าง อันเป็นผลจากการปฏิบัติอย่างแท้จริง ขอให้ตั้งใจปฏิบัติกันอย่างจริงจัง อย่าให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ โดยเฉพาะท่านที่มาปฏิบัติที่นี่ ขอให้มาแล้วได้ประโยชน์กลับไป หากไม่ได้อะไรกลับไป เป็นที่น่าเสียดายแทนอย่างยิ่ง
สุดท้าย อำนวยพรผู้เข้าปฏิบัติธรรมให้มีสุขภาพแข็งแรง ไร้โรคาพาธ ปราศจากอุปสรรคในการปฏิบัติธรรม และให้บรรลุธรรมตามเป้าหมายทุกท่าน


