ไลฟ์สไตล์ 2 มุม ชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา

โดย...โยธิน อยู่จงดี / ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

“ผมเคยทำงานสัปดาห์ละ 7 วันแบบไม่มีหยุด เพราะคิดว่าจะได้งานที่มากกว่า แต่เรากลับเสียความเป็นส่วนตัวให้กับงานทั้งหมดไป โดยที่ประสิทธิภาพการทำงานยังคงเท่าเดิม แต่พอเราหันมาแบ่งเวลาส่วนตัวในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ผมกลับพบว่าผมสามารถทำงานได้ดีกว่าเดิม โดยไอเดียความคิดดีๆ ใหม่ๆ จะผุดขึ้นมาเอง แล้วเราก็จดมันไว้ หลังจากนั้นวันจันทร์เราก็กลับมาทำงานต่ออย่างมีประสิทธิภาพ” ชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) เล่าถึงชีวิตที่เคยทำงานแบบไม่มีวันหยุด ไม่ได้หยุดพักสมอง ได้เติมความรู้และสาระดีกลับสู่ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น หลังจากนั้นการทำงานและไลฟ์สไตล์ส่วนตัวของเขาจึงแยกขาดอย่างชัดเจน

ปัจจุบัน ชาญวิทย์ ดูแลกิจกรรมด้านการตลาดทั้งหมดของเชฟโรเลต ทั้งโฆษณา วางแผนสื่อ ดิจิตอล และกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ชีวิตส่วนใหญ่จึงมักอยู่ในห้องประชุม ดูความคืบหน้าและประชุมวางแผนงานกับแผนกต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับผู้บริหารเกือบทุกคนที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่ในห้องประชุม ผู้อำนวยการหนุ่มมาดเกาหลีบอกกับเราว่า จำเป็นอย่างมากที่จะต้องใช้อีเมลในการติดต่อสื่อสารเป็นหลัก หรืออะไรที่สามารถติดต่อกับเราได้จะมีหมดเพราะต้องติดต่องานกับคนอื่นๆ ค่อนข้างเยอะมาก

เวลาเข้าห้องประชุม หากเป็นแต่ก่อนก็ต้องใช้โน้ตบุ๊กถือกันเข้าไปคนละเครื่อง แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้อง ใช้อุปกรณ์อย่างแท็บเล็ตสามารถใช้แทนที่โน้ตบุ๊กหรือเน็ตบุ๊กได้เหมือนกัน เพราะเราไม่ได้ใช้อะไรมากแค่เปิดดูข้อมูลการประชุม เช็กอีเมลเปิดไฟล์งาน และบันทึกสิ่งที่จำเป็นต่อการทำงานก็ได้แล้ว

 

“เครื่องที่ผมใช้ทำงานจะเป็นแบล็คเบอร์รี่ซึ่งไว้ใช้เปิดรับอีเมลออฟฟิศเป็นหลัก ดังนั้นเครื่องแท็บเล็ตที่ใช้จึงเป็นเครื่องเพลย์บุ๊ก ซึ่งสามารถลิงก์ข้อมูลเข้าหากันได้โดยตรง หากมีอีเมลงานที่ต้องเปิดภาพหรือไฟล์คลิปตัวอย่างโฆษณาที่ผมต้องตรวจในห้องประชุม บีบีเครื่องเล็กคงไม่สะดวกในการเปิดอ่านสักเท่าไหร่นัก หากจะว่าไปแล้วผมแทบจะไม่ได้ใช้เครื่องโน้ตบุ๊กหรือคอมพิวเตอร์เลย นอกจากจะใช้ทำงานที่สำคัญหรือต้องแก้ไขเอกสารที่ต้องใช้เครื่องใหญ่ที่เหมาะสมกว่า เดี๋ยวนี้โน้ตบุ๊กหรือเน็ตบุ๊กนั้นแทบจะตายไปจากตลาด เพราะคนหันมาใช้เครื่องมือพวกไอแพดซึ่งแทบจะทำงานแทนได้ทุกอย่างในพื้นฐานที่พวกเขาต้องการ” ชาญวิทย์เล่าถึงแกดเจ็ตที่ใช้ในการทำงานหลัก ทั้งสองเครื่องนี้จะไม่ใช้งานเลยในวันหยุดพักผ่อน แต่เขาจะเปิดเครื่องไอโฟน และไอแพด สแตนด์บายไว้ใช้แทน เป็นการแยกใช้ระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานอย่างชัดเจน

 

ชาญวิทย์จะใช้วันว่างเสาร์อาทิตย์อ่านหนังสือ เข้าเว็บไซต์ต่างๆ บนไอแพด ซึ่งถือว่าเป็นวันพักผ่อนสำหรับตัวเขา ส่วนไอโฟนนั้นเขาเลือกใช้ให้เข้ากับอุปกรณ์ที่มี และด้วยความสามารถพื้นฐานอย่างถ่ายภาพและแอพต่างๆ นั้นเหมาะกับการใช้งานไลฟ์สไตล์มากกว่าการทำงาน

 

“ถามว่าเครื่องไอแพดใช้แทนได้ไหม ก็ต้องบอกว่าใช้แทนได้ แต่ด้วยผมใช้เครื่องไอแพดในเรื่องส่วนตัวจึงไม่อยากเอามาใช้ปนกับเครื่องสำหรับทำงาน ซึ่งจะทำให้ทั้งข้อมูลงานและเรื่องส่วนตัวมันปนกันไปหมด การเลือกใช้งานเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับตัวเองนั้นต้องดูที่ลักษณะความต้องการของตัวเองในเรื่องของความจำเป็นในการใช้งานจริงๆ คือต้องเข้ามาช่วยในการทำงานให้ดีขึ้น หากบางอย่างที่เราไม่ค่อยได้ใช้หรือนานๆ จะได้ใช้สักครั้ง การเลือกอุปกรณ์ที่มีความสามารถเด่นและด้อยในสิ่งที่เราต้องการจะช่วยให้เราเลือกอุปกรณ์ได้ง่ายขึ้น

แต่ก่อนผมก็เป็นคนหนึ่งที่มักจะซื้อแกดเจ็ตใหม่ๆ อยู่ตลอด แต่สุดท้ายแล้วผมเองก็ไม่ได้ใช้ความสามารถของอุปกรณ์เหล่านี้อย่างเต็มที่ ดังนั้นการที่เราเลือกใช้ในสิ่งที่จำเป็นจริงๆ จะดีกว่า แม้ว่าเทคโนโลยีทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นกว่าเดิม แต่เราก็ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับเราให้มากที่สุด” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดหนุ่มไฟแรงให้ความเห็นเรื่องการเลือกแกดเจ็ตให้เหมาะสมกับแต่ละคน

หากคนอื่นที่ไม่สะดวกในการพกพาหลายๆ เครื่องก็อาจใช้วิธีการแยกอีเมลแอคเคาต์สำหรับทำงานและส่วนตัวให้แยกกันต่างหาก หรือจัดกลุ่มรายชื่อให้เป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจนภายในเครื่องก็สามารถทำได้เช่นกัน เพราะแกดเจ็ตอย่างสมาร์ตโฟนในปัจจุบันส่วนใหญ่จะมีความสามารถหลักๆ ใกล้เคียงกัน ที่เหลือก็คือเราจะดึงความสามารถและบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อหนึ่งหน่วยเม็ดเงินที่ซื้อมาได้อย่างไร