คู่นี้...ที่ฉันเลิฟ ไวน์ & ทาปาส
ทาปาส (Tapas) เป็นภาษาสเปน แปลว่า ฝาปิด ตามตำนานเล่าว่า เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งเสิร์ฟไวน์ราคาถูกให้กับลูกค้า
โดย...เพ็ญแข สร้อยทอง
ทาปาส (Tapas) เป็นภาษาสเปน แปลว่า ฝาปิด ตามตำนานเล่าว่า เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งเสิร์ฟไวน์ราคาถูกให้กับลูกค้า โดยนำเอาชีสชิ้นหนึ่งมาวางปิดไว้บนปากแก้ว เพื่อไม่ให้กลิ่นไวน์ราคาถูกโชยออกมา แต่กลายเป็นว่าลูกค้าชอบรับประทานชีสที่ปิดปากแก้วกับไวน์
อีกหนึ่งเรื่องเล่าบอกว่า ในอดีตกษัตริย์อัลฟองโซที่ 10 ของสเปน เสด็จไปพักยังชนบทแห่งหนึ่ง เมื่อถึงเวลานำเครื่องดื่มมาถวาย ชาวเมืองปิดปากแก้วเครื่องดื่มด้วยแฮม เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองตกลงไป กษัตริย์อัลฟองโซทรงชื่นชอบมาก
เมื่อเวลาเปลี่ยนคำว่า ทาปาส ก็ใช้เรียกอาหารว่างคล้ายคานาเป หรือจะเป็นฟิงเกอร์ฟู้ดเสิร์ฟเพื่อเรียกน้ำย่อย หรือระหว่างมื้ออาหารหลัก หรือจะเป็นมื้อหลักเองก็ได้ ทาปาสสามารถเป็นอาหารชนิดเย็นหรือปรุงให้ร้อนก็ได้ นอกจากนั้นแล้วทาปาสยังมาในหลากหลายรูปแบบ แต่ละมุมโลกก็มีทาปาสของตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นอาหารสเปนจึงจะถูกเรียกว่าทาปาสได้เช่นกัน ตราบเท่าที่เป็นอาหารชิ้นเล็กและมาเสิร์ฟพร้อมกับเครื่องดื่ม ขอเพียงเป็นอาหารที่เกิดจากไอเดียและคอนเซปต์ใกล้เคียงกันก็สามารถเรียกว่าทาปาสได้
วันนี้ไวน์และทาปาสเป็นวัฒนธรรมสเปนที่แพร่ขยายไปทั่วโลก ไม่ยกเว้นแม้ในบ้านเรา ซึ่งตอนนี้มีหลายสถานที่ให้เราเลือกไปลิ้มชิมรส รวมถึง 2 ร้านใหม่หมาดที่แตกต่างสไตล์ แต่ต่างมีไวน์กับทาปาสให้ดื่มกินคู่กันอย่าง
สการ์เล็ต สวรรค์ชั้น 37
หลังห้องอาหารสการ์เล็ตที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ประสบความสำเร็จอย่างดี จึงมีร้านชื่อเดียวกันสร้างด้วยคอนเซปต์เดียวกันเปิดตัวที่กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ ณ ชั้น 37 โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพ สีลม (สถานที่เดิมของวีไนน์ไวน์บาร์ และเร็วๆ นี้โรงแรมจะเปลี่ยนชื่อเป็นพูลแมน กรุงเทพฯ จี)
สการ์เล็ต หรือ Scarlett ได้ชื่อมาจาก Scarlet ซึ่งหมายถึง สีแดง อันเป็นสีของไวน์ โดยได้เพิ่มตัวทีเข้าไปอีกหนึ่งตัว เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความพิเศษ บรรยากาศภายในตกแต่งอย่างทันสมัย แต่แฝงความอบอุ่น ให้ความรู้สึกผ่อนคลายในแบบโวกและนิวยอร์กสไตล์ ซึ่งต่างไปจากห้องอาหารในโรงแรมระดับ 5 ดาวอื่นๆ ที่มักทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกเกร็ง ทั้งยังต้องแต่งกายอย่างเป็นทางการเพื่อเข้าไปใช้บริการ ที่นี่จึงเหมาะสำหรับการเป็นสถานที่นัดพบเพื่อนฝูง คนรู้ใจ หรือแม้แต่หุ้นส่วนทางธุรกิจ
นอกจากอาหารและเครื่องดื่มแล้ว ที่นี่ยังมีพื้นที่นั่งแบ่งเป็นอินดอร์และเอาต์ดอร์ โต๊ะเก้าอี้หลากรูปแบบกระจัดกระจายกันอยู่ ไม่ว่าจะโต๊ะไม้ทรงสูง โซฟาหนัง เก้าอี้วินเทจ หรือที่เคาน์เตอร์บาร์ เลือกนั่งได้ตามชอบใจ แทบทุกมุมสามารถนั่งดื่มกินและชมวิวแบบพาโนรามาอันงดงามของใจกลางมหานครเป็นอาหารตา
เมื่อเลือกที่นั่งได้แล้วก็ถึงเวลาสั่งอาหารในเมนูทาปาสที่วางอยู่บนโต๊ะ เหมาะสำหรับสั่งมาเป็นอาหารรองท้อง หรือจะจัดหนักจัดเต็มแกล้มกับไวน์ก็ย่อมได้ มีให้เลือกหลากหลายทั้งโคลด์ทาปาสอย่าง Tapenade หรือมะกอกดำที่นำมาบดหรือป่นละเอียด หอยแมลงภู่หมักในน้ำส้มสายชู กุ้งกระเทียม แซลมอนดองแบบแฮนด์เมด มะกอกดอง หรือจะรับประทานทาปาสแบบอุ่นๆ อย่าง ทูน่ามิกุย (ทูน่าชิ้นบางๆ ทำใส่สุกเล็กน้อย) จำพวกโคลด์คัต เช่น โชริโซ (ไส้กรอกแบบสเปน) แฮมมิลาโน ฯลฯ หรือจะเป็นชีสที่เราภูมิใจแนะนำ พาเมซานชีส ที่เรียกว่า พาร์มิจาโน เร็กจาโน ชีสขึ้นชื่อจากอิตาลี รับประทานกับน้ำผึ้งหอมหวาน
ไม่แค่ทาปาส แต่ที่สการ์เล็ตยังมีอาหารสไตล์ยุโรปสร้างสรรค์โดยเชฟมานูเอล มาร์ติเนซ์ เชฟมิชลินสตาร์ระดับ 2 ดาว ชาวฝรั่งเศส ที่ถ่ายทอดวิชาไว้ให้ ซีลวา ควอเย เชฟใหญ่ของโรงแรม ทุกเมนูมีที่มาที่ไปและใช้วัสดุชั้นดี อาหารที่น่าประทับใจในวิธีการปรุง หน้าตาชวนลิ้มลองและรสชาติดีอย่างเช่นไข่ต้ม ซึ่งใช้เวลาต้มนานถึงชั่วโมง แต่ยังเป็นยางมะตูมอยู่ (ดูเหมือนจะเหมาะเป็นอาหารเช้า แต่ที่นี่รับประทานเป็นมื้อเย็น) หรือจะเป็นเนื้อเทนเดอร์ลอยน์ที่ใช้เวลาตุ๋นนานถึง 12 ชั่วโมง เนื้อแกะจากแทสมาเนียที่นุ่มและไร้กลิ่น เนื้อวัววางุจากออสเตรเลีย ตับห่านจากฝรั่งเศส เป็นต้น
ไวน์ของที่นี่จำหน่ายในราคาจับจ่ายได้ มีให้เลือกค่อนข้างหลากหลายราว 150 ชนิด สการ์เล็ตยังมีไวน์ในราคาต่อแก้วมาให้เลือกดื่มกว่า 10 ชนิดหมุนเวียนกัน ใครไม่รักไวน์ก็มีโฮมเมดค็อกเทลอย่างธาราหอมเตย หรือประกายไฟสลาย ที่ผสมจากวอดก้าซึ่งหมักกับใบเตย
ทุกค่ำคืนวันศุกร์เสาร์ มีดนตรีจากดีเจมาสร้างสีสัน ในวันสุดสัปดาห์จัดให้มีปาร์ตี้ “จีเซสชัน” ซึ่งจะมีธีมแตกต่างกันออกไปในแต่ละเดือน
สการ์เล็ต เปิดบริการวันจันทร์-เสาร์ (ปิดวันอาทิตย์) ตั้งแต่ 18.00-01.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองโต๊ะที่โทร. 02-238-1991 หรือเฟซบุ๊ก www.facebook.com/scarlettwinbar/bangkok
มาที่นี่แล้วจะรู้ว่า ... สวรรค์ชั้นที่ 37 ก็มี!!!


