อมตะช่างภาพนู้ดไทย 'หม่อมหลวงต้อย ชุมสาย'
พลาดแล้วจะเสียใจไปจนตาย
พลาดแล้วจะเสียใจไปจนตาย
โดย..อินทรชัย พาณิชกุล
เป็นถ้อยคำย้ำเตือนอันแฝงไว้ด้วยความปรารถนาดีของ นิวัติ กองเพียร เจ้าของฉายาเกจินู้ด ที่กล่าวไว้ต่อแฟนานุแฟนผู้นิยมเสพศิลปะนู้ด
เพราะตอนนี้ที่ คัดมันดู โฟโต้ แกลเลอรี ถนนปั้น สีลม กำลังจัดแสดงนิทรรศการผลงานภาพถ่ายนู้ดชั้นครูของ “ม.ล.ต้อย ชุมสาย” (พ.ศ. 2449-2504) บุคคลผู้ได้รับยกย่องว่าเป็นช่างภาพนู้ดคนแรกของประเทศไทย อันถือเป็นหนึ่งในโครงการ “ค้นหาครูถ่ายภาพไทย” (Seeking Forgotten Thai Photographers) รวบรวมประวัติและผลงานของช่างภาพไทยรุ่นบุกเบิกที่ประวัติศาสตร์ยังมิได้บันทึก
เชื่อว่าผู้คนในแวดวงศิลปะคงเคยได้ยินชื่อของ ม.ล.ต้อย ชุมสาย กันมาบ้าง ในฐานะช่างภาพ นักหนังสือพิมพ์ และนักเขียนเรื่องป่ามือฉมัง แต่จะมีสักกี่คนที่ได้ยลโฉมผลงานภาพถ่ายสุดแสนคลาสสิก เป็นอมตะ สามารถข้ามผ่านกาลเวลามาได้จนถึงทุกวันนี้
“จำได้ว่าตั้งแต่เริ่มจับกล้องถ่ายรูปใหม่ๆ ชื่อของ ม.ล.ต้อย ชุมสาย ก็ปรากฏให้ได้ยินแล้ว ทำนองว่าเป็นผู้บุกเบิกวงการถ่ายภาพนู้ดไทย เป็นช่างภาพนู้ดคนแรกของประเทศ มีแต่คนพูดถึงชื่อ แต่ไม่เคยเห็นผลงานของท่านเลย”
มานิต ศรีวานิชภูมิ ช่างภาพชื่อดังและเจ้าของคัดมันดู โฟโต้ แกลเลอรี ย้อนให้ฟังถึงวันวานสมัยเริ่มเข้าสู่วงการถ่ายภาพ
“โครงการค้นหาครูถ่ายภาพไทย เป็นความตั้งใจที่อยากจะนำเสนอผลงานภาพถ่ายของช่างภาพรุ่นเก่า นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา หลังจากที่ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย อยากสะท้อนให้เห็นว่าภาพถ่ายมีบทบาทอย่างไรต่อการแสดงออกของผู้คนบ้าง เราจัดแสดงแล้ว 4 ครั้ง ซึ่งศิลปินคนก่อนหน้านี้ที่เรานำมาโชว์คือ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ตอนนั้นค้นคว้าหาข้อมูลเรื่องของท่าน ก็เลยได้เจอชื่อของ ม.ล.ต้อย ได้รู้ว่าท่านเป็นครูสอนถ่ายภาพคนแรกของ ’รงค์ และยังชักชวนให้เข้าสู่วงการหนังสือพิมพ์ด้วย”
มานิต ออกตามหามรดกภาพถ่ายอันล้ำค่า จนได้พบกับทายาทรุ่นหลาน ซึ่งเป็นลูกชายของสีหศักดิ์ ชุมสาย ช่างภาพโฆษณาชื่อดัง ลูกชายของ ม.ล.ต้อย ในที่สุดเขาจึงได้เห็นผลงานภาพถ่ายนู้ดที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในชีวิต
“ผมถามว่ายังมีผลงานอะไรหลงเหลืออยู่ไหม เขาก็เอาอัลบั้มเก่าๆ เหลืองๆ แต่ปิดผนึกอย่างดีมาให้ดู พบว่าภาพแต่ละภาพยังมีสภาพสมบูรณ์มาก ทั้งหมด 112 ภาพ น่าเสียดายที่ฟิล์มทั้งหมดเสียหายหมดแล้ว ผมเลยขอยืมมาศึกษา แล้วคัดสรร สแกนออกมาจัดแสดงเป็นจำนวน 30 ชิ้น”
“ดูปุ๊บรู้เลยว่าเป็นผลงานที่มีความตั้งใจมาก ท่านเป็นคนทำงานประณีตมาก งานแต่ละชิ้นไม่ได้ถ่ายเอามั่วๆ น่าทึ่งมาก เลยไปค้นคว้าเรื่องของท่านต่อ จากคำบอกเล่าที่ลูกชายเคยให้สัมภาษณ์นิตยสารฉบับหนึ่ง เล่าว่า สมัยคุณพ่อถ่ายรูป นางแบบที่มาไม่ใช่กะหรี่นะ เป็นผู้หญิงดีๆ มีการศึกษาทั้งนั้น”
“สมัยเมื่อ พ.ศ.โน้น ประมาณ 50 กว่าปีที่แล้ว สังคมไทยยังอุดมด้วยแนวคิดกุลสตรีไทยต้องรักนวลสงวนตัว แต่งกายมิดชิด การจะมาเปลือยกาย แก้ผ้า ให้คนแปลกหน้าที่ไม่ใช่สามีดู แถมถ่ายรูปด้วยไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ท่านก็มีความสามารถทำได้ แล้วดูจากจำนวนรูปทั้งหมด นางแบบแทบไม่ซ้ำกันเลย”
ภาพขาวดำใส่กรอบจำนวนกว่า 30 ชิ้น แขวนเรียงรายเป็นระเบียบบนผนังทั้งสองข้างของแกลเลอรี ปรากฏโฉมของหญิงสาวหน้าตาสะสวย คมเข้มแบบไทย ทรวดทรงอวบแน่น หน้าอกกลมโตได้สัดส่วน บั้นท้ายโค้งเว้างามงอน แต่ละอนงค์วางท่าแตกต่างกันไป
“เรื่องการจัดท่าทางนางแบบมีความประณีตมาก เชิงคลาสสิกเลย มียืนพิงต้นมะพร้าว จับผ้าถุงถลกขึ้นมาเล็กน้อย เผยให้เห็นต้นขาอวบอิ่ม แอ่นหน้าแอ่นหลังเล่นล้อไปกับธรรมชาติรอบตัว หาดทราย ผืนดินแตกระแหง ทุ่งนา ผ้าคลุมผม ถือกระจกส่อง กีตาร์ ถือเคียวเกี่ยวข้าว มันมีกลิ่นอายบรรยากาศแบบไทยๆ ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติ ไม่เฟก ให้ความรู้สึกถึงความน่ารัก สวยงาม เร่าร้อน เย้ายวน ส่วนเรื่องแสงเงา เพราะถ่ายด้วยฟิล์มขาวดำ บางรูปจึงเห็นได้ชัดเจนว่าเน้นเรื่องสรีระ ใส่น้ำหนักขาวจัด ดำจัด แสดงให้เห็นว่าท่านมีความรู้ในเรื่องศิลปะการถ่ายภาพดีมาก
“ที่สำคัญอีกอย่างคือ ม.ล.ต้อย เป็นคนให้เกียรติผู้หญิง สังเกตว่าผลงานทุกภาพของท่านไม่มีการให้นางแบบโพสท่าแบบน่าเกลียดๆ แหกแข้งแหกขา เล่นท่าแผลงๆ ท่านเน้นเรื่องความงาม ศิลปะต้องมาก่อน เรื่องเซ็กซ์เป็นเรื่องรอง” ช่างภาพหนวดครึ้มพูดถึงผลงานภาพถ่ายชั้นครูด้วยใบหน้าอิ่มอกอิ่มใจ
หากลองมองย้อนกลับไปเมื่อ 50 ปีก่อน ท่ามกลางบรรยากาศยุค “รัฐนิยมชาตินิยม” ของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เมื่อรัฐไทยพยายามเข้าควบคุมวิถีชีวิตและความคิดของผู้คน ตั้งแต่เรื่องกินอยู่หลับนอนจนถึงการทำสงครามกับเพื่อนบ้านเพื่อขยายอาณานิคม เมื่อถูกผู้ชมวิพากษ์วิจารณ์ภาพถ่ายนู้ดของท่านอย่างไม่เข้าใจ ม.ล.ต้อยจึงโต้แย้งอย่างมีอารมณ์ว่า “ไม่ใช่โป๊โว้ย เป็นภาพเปลือยต่างหาก”
ภาพนู้ดของ ม.ล.ต้อย ชุมสาย เป็นมากกว่าภาพผู้หญิงแก้ผ้า แต่ยังแสดงถึงการท้าทายอำนาจรัฐและค่านิยมสังคมพับเพียบเรียบร้อย สะท้อนให้เห็นถึงความกล้าหาญในการสำรวจความงามของสาวไทย ความมั่นใจในเรือนร่างของนางแบบ และภาพฝันแฟนตาซีของชายไทยที่มีต่อเพศตรงข้าม
“ในยุคนั้นที่คนไทยเริ่มเปิดตัวต่อสิ่งใหม่ๆ ศิลปินก็ต้องอยากเปิดใจรับรู้สิ่งใหม่ๆ เนื้อหาใหม่ๆ เหมือนกัน ทุกคนอยากทำงานศิลปะที่ฉีกออกไปและเป็นแนวทางของตัวเอง งานนู้ดก็เป็นแนวทางหนึ่ง ตอนนั้นคงไม่ค่อยมีใครกล้าทำสักเท่าไหร่ ต้องกล้ามาก ต้องอดทนต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนที่ไม่เห็นด้วย ผมคิดว่าท่านเป็นคนบ้าบิ่นในระดับหนึ่งเลยแหละ” เจ้าของคัดมันดู โฟโต้ แกลเลอรี กล่าว
แม้ศิลปะภาพถ่ายนู้ดจะเป็นงานที่ยากและท้าทายยิ่ง แต่ถึงอย่างนั้น ช่างภาพระดับชั้นแนวหน้าไปจนถึงมือสมัครเล่นก็ล้วนแล้วแต่มีความใฝ่ฝันอยากจะทำงานนู้ดสักครั้งในชีวิต
เพราะคงไม่มีอะไรที่จะงดงาม สมบูรณ์แบบ น่าพิศวง มากไปกว่าร่างกายเปล่าเปลือยของมนุษย์