อาลัยสมเด็จพระมหาธีราจารย์(นิยม ฐานิสสรมหาเถระ ป.ธ.9)
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์
โดย...สมาน สุดโต
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ พระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสสรมหาเถระ ป.ธ.9) อดีตเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 12 ก.พ. 2555 เวลา 17.30 น.
สมเด็จพระมหาธีราจารย์ มรณภาพวันที่ 11 มี.ค. 2554 สิริอายุ 88 ปี 1 เดือน 68 พรรษา
ประวัติโดยย่อ ชื่อ นิยม นามสกุล จันทนินทร ฉายา ฐานิสฺสโร บิดาชื่อ นายโหร่ง มารดาชื่อ นางฮิ่ม เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 11 ก.พ. 2466 ณ บ้านท่าหิน ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 14 ปี พ.ศ. 2479 เคยมาอยู่วัดราชบูรณะแล้วกลับพระนครศรีอยุธยาเมื่อเกิดสงคราม และอุปสมบทวันที่ 11 มี.ค. 2487 ณ พัทธสีมาวัดพระญาติการาม โดยมีพระโบราณคณิสสร (ต่อมาเป็นพระเทพวงศาจารย์ (แกร สุมโน)) วัดพนัญเชิง เป็นอุปัชฌาย์
ได้มาศึกษาในสำนักเรียนวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ระหว่างปี พ.ศ. 24892490 กลับไปจำพรรษาวัดพระญาติการาม และปี พ.ศ. 2492 พระครูปลัดสุดวัฒนธุตคุณ (เชี้ยง ต่อมาได้รัพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชพฤฒาจารย์) นิมนต์มาจำพรรษาวัดราชบุรณราชวรวิหารอีกครั้ง และอยู่ที่นี่จนกระทั่งได้รับพระบัญชาให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร เมื่อปี พ.ศ. 2508
ด้านการศึกษาสอบ ป.ธ.9 ได้ในสำนักเรียนวัดสระเกศ ปี พ.ศ. 2498
พระเจ้า 5 พระองค์
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำฯ เขียนในเรื่อง ฐานิสสรมหาเถรานุสรณ์ ว่าเมื่อกล่าวถึงศิษย์ที่สำเร็จการศึกษาเปรียญธรรม 9 ประโยค ที่ท่านอาจารย์ น.อ. (พิเศษ) แย้ม ประพัฒน์ทอง ชื่นชมยกย่องให้เป็นพระเจ้า 5 พระองค์ของท่าน และได้สั่งให้ลูกๆ ของท่านเคารพบูชากราบไหว้อยู่เสมอ เพราะท่านเล็งเห็นการณ์ในภายหน้าว่า พระภิกษุผู้เป็นศิษย์ทั้ง 5 รูป จะเป็นผู้นำความเจริญมาสู่คณะสงฆ์ไทย โดยท่านจะเอ่ยนามคล้องจองกันว่า “เกี่ยว นิยม พลอย ช้อย ช่วง”
เจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร ป.ธ.9) อดีตเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง และคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นศิษย์ผู้มีอาวุโสที่สุด หรือจะกล่าวว่าเป็นพี่คนโตก็ว่าได้
เจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นพระมหาเถระผู้เคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีปฏิปทาและวัตรปฏิบัติอันงดงาม ดำรงอยู่ในเมตตาธรรม ตั้งมั่นอยู่ในสัจจะ อุทิศชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนาตราบลมหายใจสุดท้าย
การมรณภาพของเจ้าประคุณสมเด็จฯ นับเป็นการสูญเสียเสาหลักของคณะสงฆ์ไทย ที่เป็นกำลังสำคัญของพระพุทธศาสนา หากแต่ผลงานและคุณความดีที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้บำเพ็ญมาตลอดชีวิต จะยังคงประทับอยู่ในจิตใจของพุทธศาสนิกชนทั้งหลายสิ้นกาลนาน
เราหมดหน้าที่แล้ว
คอลัมน์นี้เคยรายงานเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2554 ว่า พระพรหมโมลี (ศ.ดร.สมศักดิ์ อุปสโม ป.ธ.9 Ph.D.) หรือสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ในวันนี้ แห่งวัดพิชยญาติการาม ศิษย์เอกรูปหนึ่งของสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ได้นำคำพูดสุดท้ายสมเด็จพระมหาธีราจารย์ที่บอกแก่ศิษย์ใกล้ชิดก่อนที่จะมรณภาพว่า เราหมดหน้าที่แล้ว มาขยายความในการแสดงพระเทศนาประจำวันพระที่วัดพิชยญาติการามเมื่อเช้าวันที่ 12 มี.ค. 2554 ว่าเป็นคำพูดที่คนฟังทั่วๆ ไปได้ฟังคิดว่าเป็นธรรมดาของคนที่ใกล้ถึงกาลอวสานแห่งชีวิต คำพูดเช่นนี้ถ้าคิดให้ลึกซึ้งตามหลักแห่งการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานของพระพุทธศาสนาจะพบว่า เป็นคำพูดที่ลึกซึ้ง บอกถึงภาวะแห่งความเป็นอริยสงฆ์ เพราะคำว่าหน้าที่นั้น มิใช่ตำแหน่งหน้าที่การงาน หากแต่เป็นหน้าที่การเกิดใหม่ของท่านนั้นไม่มีต่อไปแล้ว พรหมจรรย์ในทางพระพุทธศาสนาท่านประพฤติจบแล้ว กิจที่จะทำ ท่านทำจบสิ้นแล้ว ท่านจึงเปล่งวาจาว่า เราหมดหน้าที่แล้ว แสดงว่าท่านตัดบ่วงอาลัย ปล่อยวาง เพราะเห็นความจริงของสังขารที่มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (พระพรหมโมลี) บอกอุบาสกอุบาสิกา ว่าสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ปั้นท่านขึ้นมา และเล่าให้ผู้เขียนฟังว่าสมเด็จพระมหาธีราจารย์เป็นพระเถระที่ตรง ไม่ยอมตกเป็นทาสของอามิส มีปฏิปทาน่ายกย่องเป็นมิตรกับทุกคน เป็นคนตรง ใจนักเลง เกลียดการทุจริต
เมื่อท่านจากไป ในฐานะที่สมเด็จเป็นอาจารย์เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร และเป็นที่พึ่งของคณะศิษย์ จึงรู้สึกขาดที่พึ่ง ขาดผู้ปกป้องคุ้มครอง แม้จะรู้ว่าไม่มีใครหนีความตายพ้นก็ตาม
ทำแล้วอย่ากลัว
พระพรหมเมธี (จำนงค์) โฆษกมหาเถรสมาคม พูดถึงความประทับใจในสมเด็จพระมหาธีราจารย์ว่า ทำงาน หรือสนองงานสมเด็จพระมหาธีราจารย์แล้วสบายใจ ไม่ต้องเกรงกลัวอะไร เพราะท่านให้พรว่าก่อนตัดสินใจ หรือทำอะไร ต้องชั่งน้ำหนักก่อนว่าได้กับเสียเท่ากันไหม ถ้าเสียมากกว่าได้ก็ไม่ต้องทำ
พระพรหมเมธีว่าสมเด็จพระมหาธีราจารย์เป็นแบบฉบับในการทำงานที่โปร่งใส ไม่มีนอกไม่มีใน พูดตรงๆ ไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ ท่านชอบคนจริง และสอนให้รู้หลักอปาจยนธรรม โดยยึดหลักว่า ทำแล้วอย่ากลัว กลัวแล้วอย่าทำ
ต้นแบบการทำความดี
พระวิเทศธรรมกวี (ประเสริฐ) เจ้าอาวาสวัดพุทธานุสรณ์ ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา สัทธิวิหาริกในสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ว่าเมื่อนึกถึงเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ก็นึกถึงคุณงามความดี และปฏิปทา ที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้พบเห็นหรือเข้าใกล้ โดยเฉพาะตัวท่านที่ได้รับความเมตตาเสมอ จึงเห็นเจ้าพระคุณสมเด็จฯ เหมือญาติผู้ใหญ่ที่เคารพสูงสุดผู้หนึ่ง
เจ้าพระคุณสมเด็จฯ เป็นพระที่มีอาจาระงาม พิถีพิถันต่อกฎระเบียบวินัย ย้ำเรื่องศีลมากเพราะเป็นหลักการที่ให้ชนะตนเองได้ ถ้าปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ไม่ได้ ก็ชนะตัวเองไม่ได้
ในส่วนแห่งความผูกพันกับวัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) พระวิเทศธรรมกวี ซึ่งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) เล่าว่า เจ้าพระคุณสมเด็จฯ เคยอยู่วัดเลียบตั้งแต่เป็นสามเณร เมื่อได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดชนะสงครามก็ยังไม่เคยลืม มีงานอะไรต้องมาช่วย หรือบางครั้งก็มานอนค้างคืนเพราะความผูกพันที่มีมานาน ความที่เคารพหลวงพ่อเชี้ยง หรือพระราชวุฒาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดเลียบในฐานะอาจารย์รูปหนึ่ง เมื่อไปกิจนิมนต์พร้อมกันในที่ใดก็ตาม เจ้าพระคุณสมเด็จฯ จะให้หลวงพ่อเชี้ยงนั่งเป็นประธานหัวแถว ตัวท่านนั่งถัดมาแม้ว่าสมณศักดิ์จะสูงกว่าก็ตาม (เว้นแต่ในงานพระราชพิธีเท่านั้น) และทุกปีเมื่อเข้าพรรษาจะนำธูปเทียนแพมาทำวัตร เมื่อหลวงพ่อเชี้ยงมรณภาพแล้วก็มาทำวัตรกับรูปหล่อที่สร้างไว้ที่ชั้น 2 ของศาลา เจ้าพระคุณสมเด็จฯ จึงเป็นแบอย่างแห่งความกตัญญูที่ควรปฏิบัติตาม
หลักการบริหาร
อร่าม สวัสดิวิชัย ปัจจุบันช่วยงานมูลนิธิ ร.4 ที่คุ้นเคยและขอความรู้ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี และสนทนาธรรมกับสมเด็จพระมหาธีราจารย์ในตอนเย็นๆ มานานกว่า 20 ปี บอกว่าสมเด็จมีความรู้ความสามารถ ยึดมั่นในหลักการ มีปฏิปทาที่น่ายกย่อง เท่าที่ระลึกได้คือ
1.อร่ามเคยแก้ต่างให้สมเด็จที่มีคนพูดว่าที่ส่งพระเถระวัดชนะสงครามไปครองวัดหลวงย่านฝั่งธนฯ 2 วัด ว่าไม่ใช่เป็นการขยายฐานอำนาจ แต่ต้องการให้ไปบูรณะวัดที่ทรุดโทรม ถ้าเห็นแก่ตัวก็ไม่ต้องส่งไป ให้อยู่ช่วยงานวัดดีกว่า ซึ่งสมเด็จเห็นด้วยและเสริมว่าท่านยึดหลักการว่าจะไม่ตั้งเจ้าอาวาสใหม่ ถ้ายังไม่เผาเจ้าอาวาสที่มรณภาพ เพราะถือว่าตั้งทับผี โบราณเขาถือ
2.สมเด็จบอกว่าที่ไปสร้างพระใหญ่ที่วัดทิพย์สุคนธาราม จ.กาญจนบุรี เพื่อทดแทนพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่หน้าผาบามิยัน ประเทศอัฟกานิสถาน ที่ถูกโจรตาลีบันใช้ปืนใหญ่ยิงทำลาย ปัจจุบันการสร้างพระพุทธรูปดังกล่าวอยู่ในพระบรมราชินูปถัมภ์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
3.อร่ามเคยขอความเห็นเรื่องที่วัดบางแห่งสร้างรูปเคารพอื่นๆ ใหญ่กว่าพระประธานในวัด สมเด็จบอกว่าเคยมีมติมหาเถรสมาคมห้ามสร้างรูปเคารพหรือเทพในศาสนาอื่นใหญ่กว่าพระประธานในโบสถ์ แต่ไม่มีใครปฏิบัติตาม แม้กรรมการ มส. บางรูป ยังสร้างสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ในวัดที่ต่างจังหวัดขนาดใหญ่อีกต่างหาก
4.สมเด็จตอบเรื่องที่ไม่ไปต่างประเทศรวมทั้งสังเวชนียสถาน 4 ตำบลในอินเดียว่ามีความขัดข้องหลายอย่าง แต่ขัดไม่ได้ต้องไป เมื่อสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาให้ตามเสด็จไปดูกิจการพระพุทธศาสนาในประเทศจีน และอีกครั้งหนึ่งไปรับเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่เสด็จวัดพุทธานุสรณ์ สหรัฐอเมริกา ตามที่พระวิเทศธรรมกวี (ประเสริฐ) นิมนต์
5.ถามเรื่องการถวายเทศน์มงคลวิเศษคาถา ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จว่าต้องปฏิบัติตามพระบัญชาสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช แม้ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ก็ได้ปฏิบัติติดต่อกันมา 89 ปี หลังจากถวายพระธรรมเทศนาจบ หายเหนื่อยเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสว่า “ขอให้พระเดชพระคุณรักษาแบบแผนการเทศน์อย่างนี้ตลอดไป”
ความสูญเสียของสงฆ์ไทย
พล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลา องคมนตรี ที่คุ้นเคยและประทับใจในปฏิปทาในสมเด็จ เขียนในคำไว้อาลัยตอนหนึ่งว่า การละสังขารของสมเด็จพระมหาธีราจารย์ นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่หลวงของวงการศาสนาพุทธของประเทศไทยครั้งหนึ่ง
ขอจบด้วยคำไว้อาลัยของท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ ว่า ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่ากุศลศรัทธาและบุญกิริยา ที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้บำเพ็ญตามพระพุทธศาสดาเป็นอย่างดีแล้วนั้น ย่อมน้อมนำให้ท่านเจริญไปสู่วิมุติภูมิ ตามควรแก่คติวิสัยทุกประการ


