นักเขียนสู้ชีวิต 'สมคิด ลวางกูร'
คล้ายกับโดนหมัดฮุกของแมนนี ปาเกียว เข้าเต็มๆ
คล้ายกับโดนหมัดฮุกของแมนนี ปาเกียว เข้าเต็มๆ
โดย...อินทรชัย พาณิชกุล
เพราะมันช่างกระแทกกระทั้น เตะตาเตะใจเหลือเกิน ทันทีที่เหลือบไปเห็นหนังสือแรงๆ ที่ชื่อ “มึงสู้จริงหรือเปล่า !” สำนักพิมพ์โปรวิชั่น เอนเตอร์เทนเมนต์ พ็อกเกตบุ๊กแนวสร้างแรงบันดาลใจเล่มเด่นของนักเขียนเบสต์เซลเลอร์ สมคิด ลวางกูร เจ้าของบุคลิกหลุดโลก ฉายาสุดแสบสัน “วลีกวนตา วาจากวนตีน”
ประวัติส่วนตัวคร่าวๆ ของเขาเคยถูกนำเสนอผ่านรายการโทรทัศน์ บทสัมภาษณ์ มานับครั้งไม่ถ้วน อดีตเด็กวัดแห่งทุ่งสุพรรณฯ กำพร้า ยากจนถึงขั้นแย่งหมากิน ตรากตรำทำงานสู้ชีวิตมาอย่างโชกโชน ทั้ง เด็กเสิร์ฟ ต่อยมวย ทหารเกณฑ์ ทำงานครัวในสายการบิน เป็นผู้บริหารสายการบินต่างประเทศ ทำเทปเพลง จนถึงโปรดิวเซอร์รายการทอล์กโชว์
เคยประสบความสำเร็จมีเงินล้านตั้งแต่อายุ 25 ปี มีบ้าน รถ และการงานมั่นคง เคยล้มระเนระนาด เพราะทำธุรกิจเจ๊ง เป็นหนี้เป็นสินนับสิบล้าน แต่วันนี้ได้กลายมาเป็นนักเขียนนักพูดชื่อดัง ผู้ให้กำลังใจ จุดไฟความหวังแก่ผู้คนจำนวนมาก
“ผมยึดอาชีพนักเขียนมา 15 ปีแล้ว เขียนหนังสืออย่างเดียว ไม่ได้ทำงานอื่นเลย มีหนังสือทั้งหมด 30 เล่ม ครึ่งหนึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับการสร้างแรงบันดาลใจ บอกเล่าวิธีประสบความสำเร็จ วิธีหาเงิน ช่องทางรวย อีกครึ่งเป็นหนังสือแนวตลก คลายเครียด
“เรื่องมีอยู่ว่าช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ฟองสบู่แตก คนตกงาน ธุรกิจล้มระเนระนาดกันถ้วนหน้า แต่สินค้าอย่างหนึ่งที่ขายดีมากคือหนังสือ เป็นหนังสือจำพวกวิธีการหาเงิน วิธีรวย กับหนังสือแนวตลกคลายเครียด เพราะช่วงนั้นคนเครียดกันมาก แล้วก็สนใจเรื่องวิธีหาเงินหาทอง ผมเองก็เคยถึงขั้นจะฆ่าตัวตายเพราะทำธุรกิจเจ๊ง แต่พอได้มาอ่านสคริปต์ทอล์กโชว์เก่าๆ ที่เคยเขียนให้คนอื่น สมัยทำธุรกิจทอล์กโชว์อัดลงเทป วิดีโอ พบว่าขำมาก ฮากระจาย เลยคิดว่าน่าจะเขียนหนังสือขายดีกว่า”
กลับกลายเป็นว่าหนังสือ 2 เล่มแรกในชีวิตของเขา “ฮาสุดขีด” และ “คิดเป็นรวยก่อน” สามารถทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 หนังสือขายดีติดต่อกันนาน 8 เดือน นับเป็นสถิติอันน่าตื่นตะลึงของวงการหนังสือยุคนั้น ตามมาด้วยการถือกำเนิดขึ้นของนักเขียนหน้าใหม่ไฟแรงนาม สมคิด ลวางกูร
“คนในแวดวงหนังสือก็แปลกใจกันว่า เฮ้ย ไอ้นี่ อยู่ๆ มันโผล่มาได้ไงวะ ตอนนั้นดังจนฉุดไม่อยู่ ฉายา ‘วลีกวนตา วาจากวนตีน’ มาจากบุคลิกการแต่งตัว คำพูดคำจา สำนวนภาษาของเราที่ดูถ่อย ดิบ เถื่อน มันเป็นความตั้งใจของผมที่ต้องการจะสร้างแบรนด์ตัวเองขึ้นมา คนที่มันจะดัง จะรวย จะประสบความสำเร็จ มันต้องมีเอกลักษณ์ มีอัตลักษณ์เป็นของตัวเอง ถ้าเราสร้างแบรนด์ให้คนจดจำเราได้ เขาก็จะชอบ แล้วบอกต่อ หนังสือเราก็จะขายดี”
“หนี้นับสิบล้านใช้เวลาแค่ปีกว่าก็สามารถปลดได้หมดเกลี้ยง ชีวิตผมกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง เพราะหนังสือแท้ๆ”
สำหรับหนังสือ “มึงสู้จริงหรือเปล่า!” เล่มนี้ เน้นการให้กำลังใจแบบแรงๆ ตรงๆ ตามสไตล์ของนักเขียนรายนี้ สำนวนภาษาสั้น กระชับ กระชากใจ อ่านแล้วรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่ให้ตื่น จนเกิดพลัง เกิดแรงฮึดในการหาหนทางพลิกชีวิตย่ำแย่ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เหมาะอย่างยิ่งกับช่วงที่เราเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ ประสบมรสุมชีวิตใหญ่หลวง อกหัก ตกงาน เหนื่อย เซ็ง เบื่อหน่าย ท้อแท้ หมดกำลังใจในการดำเนินชีวิต ... และกำลังจะยอมแพ้
“ผมต้องการบอกเล่าประสบการณ์จริงของตัวเอง ผสมผสานกับเรื่องราวการต่อสู้ชีวิตอันแสนทรหดอดทน ไม่ยอมแพ้ของคนดังที่ประสบความสำเร็จหลายคนที่ผมชื่นชอบ ผมชอบ สตีฟ จ็อบส์ ที่สุด เพราะพื้นฐานมาจากเด็กกำพร้าเหมือนกัน ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง คนเก็บไปเลี้ยงก็ยากจน เขาสู้ชีวิต ไม่ยอมแพ้ เก็บของในถังขยะไปขายแลกเศษตังค์เอามาซื้อข้าวกิน ศึกษาหาความรู้ตลอดเวลา ไม่ยอมเรียนในมหาวิทยาลัย แต่เลือกเรียนในระบบการศึกษาในแบบที่ตัวเองเชื่อ ฝ่าฟันจนประสบความสำเร็จ โด่งดัง ร่ำรวยล้นฟ้า ชีวิตน่าเอาไปเป็นแบบอย่าง เวลาผมไปพูดที่ไหน หรือจะเขียนหนังสือ ก็ยกตัวอย่างชีวิตของชายผู้นี้มาตลอด เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ว่าคนเราถ้าจะประสบความสำเร็จได้ต้องสู้เต็มที่และไม่คิดยอมแพ้
“คนที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น หนึ่ง ต้องมีเป้าหมายชีวิต สอง ต้องมีความมุ่งมั่นทุ่มเทในการเดินไปสู่เป้าหมาย ไม่สำเร็จ กูไม่เลิก สาม ไม่ยอมแพ้ อุปสรรคปัญหาเยอะแค่ไหน หนักแค่ไหน กูไม่มีวันยอมแพ้ และสี่ ศึกษาหาความรู้ตลอดเวลา เจอใครชอบซักถาม ให้เขาสอน 4 อย่างนี้เราจะพบในคนที่ประสบความสำเร็จ”
สำหรับนักเขียนสู้ชีวิตอย่าง สมคิด ลวางกูร เขาเชื่อเหลือเกินว่า ถ้าคุณสู้จริง มุ่งมั่น ทุ่มเท และไม่ยอมแพ้ พระเจ้าไม่มีสิทธิประทานอย่างอื่นให้คุณ นอกจากความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ที่สำคัญคือ...
มึงสู้จริงหรือเปล่า !


