posttoday

เด็กไม่รู้จักโต

15 มกราคม 2555

บทนี้ผมขอใช้ชื่อบท “แรง” สักนิดนะครับ ที่ว่าแรงเพราะหากใครโดนว่าใส่หน้าเช่นนี้

โดย...วีรณัฐ โรจนประภา

บทนี้ผมขอใช้ชื่อบท “แรง” สักนิดนะครับ ที่ว่าแรงเพราะหากใครโดนว่าใส่หน้าเช่นนี้ ผู้ว่ามีสิทธิที่จะได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทนกันบ้าง ซึ่งแน่นอนย่อมไม่ใช่ดอกไม้สวยๆ หรือตุ๊กตานุ่มๆ ก็ไม่มีใครอยากถูก “ตราหน้า” ว่าเป็นเด็กนี่ครับ (ไม่เหมือน “หน้าเด็ก” แบบนี้มีแต่คนอยากได้ อยากฟัง) แต่กับคำนี้คือ “เด็กไม่รู้จักโต” นั้นไม่ได้หมายเพียงอายุมากแล้ว กายเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่จิตใจยังไม่เป็นผู้ใหญ่ตามเท่านั้น นัยจริงๆ ตามวลีนี้หมายไปที่ “สมอง” ที่ยังเป็นเด็กอยู่ แปลไทยเป็นไทยง่ายๆ ว่าโดนด่าว่า “โง่” นั่นเอง

ขึ้นมาชวนท้าตีท้าต่อยเช่นนี้ เพราะบทนี้ผมอยากชวนคุณมาหา “ตัวชี้วัด” ความเป็นเด็ก เป็นผู้ใหญ่กันครับ ตอบให้ก่อนเลยว่าตัวชี้วัดนี้เราไม่ยอมรับตัวเลขของ “อายุ” ซึ่งทราบกันดีว่าไม่สามารถสะท้อนวุฒิภาวะได้จริง บางคนผ่านโลกมาหลายรอบ หลายปีไม่น้อย แต่ความรู้สึกนึกคิด สำนึกในสิ่งต่างๆ ยังเทียบกับเด็กน้อยวัยรุ่นกำลังเรียนยังไม่ได้ก็มีให้เห็น ไม่งั้นผู้หลักผู้ใหญ่ก็ไม่มีคำที่เราคุ้นหูอย่าง “แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน” ออกมาให้เราได้ยินหรอกครับ แล้วถ้าร่างกายหรืออายุไม่ใช่ตัววัดว่าเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กแล้ว อะไรล่ะคือตัวชี้วัดหรือเป็นเกณฑ์ที่จะตัดสินวุฒิภาวะตรงนี้ ?

ผมเคยเห็นมีแบบทดสอบทางด้านการควบคุมอารมณ์ การจัดการอารมณ์ หรือระดับวุฒิภาวะอยู่เหมือนกัน แม้ไม่ตรงทีเดียวแต่ก็พอสะท้อนได้ แต่แบบนั้นต้องให้คนที่เราจะวัดเขามานั่งทำแบบทดสอบหลายๆ ข้อกัน ซึ่งคงลำบากพิลึกที่อยู่ดีๆ เราจะเดินเข้าไปหาคนที่เราอยากวัดแล้วเชิญเขาว่า “ผมอยากรู้ว่าคุณโตเป็นผู้ใหญ่หรือยัง ช่วยทำแบบทดสอบนี้ให้หน่อยครับ” ผมว่าคุณจะได้วัดขนาดวัตถุบางอย่างที่มากระทบตัวคุณเสียล่ะมากกว่า

เด็กไม่รู้จักโต

งั้น...มีตัววัดอื่นที่ง่ายกว่านั้นให้เราประเมินแบบง่ายๆ แต่สะท้อนได้ตรงบ้างไหม ?

มีใครนึกออกหรืออยากเสนอกันบ้างไหมครับ?

ผมพอมีที่ผมใช้อยู่จะเสนอ แต่ก่อนนั้นผมขอให้คุณตอบคำถามผมสักข้อก่อนนะครับ ขอให้ตอบตามที่ใจคุณนึกจริงๆ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเกรงจะกระทบใครแต่อย่างใด เพราะผมให้คุณตอบในใจไม่ต้องโพสต์หรือเมลมาบอกผม ที่ผมจะถามคุณก็คือ

คุณมีอะไรเป็นศัตรูครับ?

เอาคำตอบแรกที่ผุดขึ้นมาในใจเลยนะครับ คำตอบของคุณอาจเป็นคู่แค้นสมัยมัธยมคนนั้น หรือเป็นบริษัทคู่แข่งบริษัทนั้น หรืออาจเป็นแม้กระทั่งนักการเมืองคนที่คุณชังน้ำหน้าคนนั้นก็ได้

ได้คำตอบแล้วจดหรือจำไว้ก่อนนะครับ คราวนี้ผมเสนอเลยแล้วกันว่าตัวชี้วัดที่ผมใช้ประเมินความเป็นผู้ใหญ่ก็คือคำถามที่เพิ่งถามคุณไปนั่นแหละครับ ผมใช้สิ่งที่เป็น “ศัตรู” นั่นแหละเป็นตัววัดความเป็นผู้ใหญ่

ไม่ได้เข้าใจอะไรผิด ศัตรูนี่แหละครับเป็นเครื่องวัดอย่างดีว่าใครโตกว่าใคร ถ้าไม่เชื่อ คุณลองดูคำตอบของคำถามเหล่านี้นะครับ

หากมีใครสักคนบอกคุณว่าศัตรูของเขาเป็น “ปีศาจกิ้งกือ” คู่ปรับอุลตราแมน เช่นนี้คุณคิดว่าเขาเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่

หากมีใครสักคนบอกคุณว่าศัตรูเขาคือพวกโรงเรียนอีกฝากถนน คุณว่าเขาเด็กหรือผู้ใหญ่

หากมีใครสักคนบอกคุณว่าศัตรูเขาคือพวกบริษัทค้าส่งข้ามชาติ คุณว่าเขาเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่

และหากมีใครสักคนบอกคุณว่าศัตรูเขาคือความยากจน ความอยุติธรรม คุณว่าเขาเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่

เห็นภาพกันชัดเลยใช่ไหมครับ!

มีแต่เด็กๆ เท่านั้นที่บอกศัตรูเขาเป็นปีศาจ เป็นมนุษย์ต่างดาว เป็นไอ้แมลงสาบ

มีแต่พวกวัยรุ่น วัยโจ๋เท่านั้นที่มักเขม่นโรงเรียนคู่อริต่างสถาบัน

มีแต่คนที่โตพอจะมีหน้าที่การงานถึงจะสามารถมีศัตรูตัวร้ายเป็นคู่แข่งทางการค้าได้

และก็มีแต่คนที่มีประสบการณ์ชีวิตมาโชกโชน มีอุดมการณ์ตามความเชื่อของตน ถึงจะรู้สึกลึกลงไปถึงสิ่งที่เป็นนามธรรมต่างๆ ว่าเป็นศัตรูได้ ตัวอย่างนี้อาจมีคนแย้งบ้างว่าบางคราก็เห็นนิสิต นักศึกษาต่อสู้เพื่อนามธรรม หรืออุดมการณ์เช่นกัน ซึ่งก็ลองประเมินต่อเองสิครับว่าเด็กอายุเท่านั้นแต่สู้เพื่ออุดมการณ์ (ยกเรื่องความถูกต้องในความเชื่อไว้ก่อน) เราจะให้ค่าเขาเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ นี่แหละครับเครื่องวัดของผม ที่ผมขอแนะนำให้คุณลองนำไปใช้ตรวจสอบคนรอบข้างด้วยการสังเกตดูว่าศัตรูเขาคือใคร คุณก็พอจะประเมินความเป็นผู้ใหญ่ของเขาได้แล้ว แต่ถ้าให้ดียิ่งๆ ที่สุด ผมอยากให้คุณใช้ตัวชี้วัดนี้วัด “ตัวเอง” ครับ

ตอนนี้ผมขอคำตอบที่คุณจด (หรือจำ) ไว้เมื่อครู่ครับ คุณมีใครหรืออะไรเป็นศัตรู...

หมั่นถามตัวเอง ประเมินตัวเองดูว่าใจเรามีวุฒิภาวะสูงพอที่จะเรียกว่าเป็น “ผู้ใหญ่” หรือยัง

เราอภัยให้กับสิ่งเล็กน้อยได้ไหม

เราใจกว้างพอเลิกคิดแค้นคนที่ทำเราเจ็บได้ไหม

เรามีความมุ่งมั่นจะต่อกรกับสิ่งที่ควรสู้ด้วยจริงๆ หรือยัง

ทำเช่นนี้ไม่ต้องรอใครบอก เราบอกตัวเราเอง และสำคัญกว่านั้นเราพัฒนาตัวเราเองได้ บางคนพอรู้ว่าตัวยังฝังใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ก็เลิกได้เอง มาสนใจเรื่องที่มีสาระกว่า หรือปรับเป้าไปสู่ระดับที่คู่ควร ควรค่ากับการต่อสู้กว่า ซึ่งคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมกับคุณที่สุด ก็คือคู่ต่อสู้ที่ก่อให้เกิดพัฒนาการของมนุษยชาตินี้ขึ้นมา

เราไม่ได้วิวัฒน์มาเพื่อมาสู้กันเอง แค้นกันเอง ชิงดีชิงเด่นกันกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในโลก เราบ่มเพาะวิวัฒนาการ จิตวิญญาณเพื่อทำงานใหญ่กว่านั้นมาก

แล้วสิ่งที่ควรค่าแก่การเป็นศัตรูของเรานั้นคืออะไร?

คุณสามารถพูดได้เต็มปากว่าคุณเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็ต่อเมื่อคำตอบของคุณคือ

กิเลสในใจคุณเองครับ!!

 

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68