posttoday

ซามูไรไร้ดาบ

15 มกราคม 2555

ทำหนังมาก็หลายเรื่อง แต่นี่คือเรื่องแรกของผู้กำกับอินดี้ “ฮิโระคาสึ โคริเอดะ”

โดย...โจ เกียรติอาจิณ

ทำหนังมาก็หลายเรื่อง แต่นี่คือเรื่องแรกของผู้กำกับอินดี้ “ฮิโระคาสึ โคริเอดะ” ที่พลิกมาจับงานย้อนยุค แถมยังเป็นย้อนยุคแบบว่าอารมณ์ดีมากๆ

ส่วนใหญ่แล้วโคริเอะมักทำหนังเย็นชาใส่คนดู ไม่เชื่อก็ลองกลับไปทบทวนดูหนังเรื่องก่อนหน้าสิ After Life งี้ Maboroshi งั้น ไหนจะ Distance อีกเล่า ล้วนแต่เย็นชาทั้งสิ้น จะมีที่ดูเข้าถึงง่ายในแง่การสื่อสารและไม่อาร์ตแตกเกิน ก็คงจะเป็น Nobody Know กับ Still Walking นั่นกระมัง

Hana ค่อนข้างมีรูปลักษณ์ บรรยากาศ ตลอดจนอารมณ์และการนำเสนอ ที่ชวนแปลกตาไม่น้อย เมื่อเทียบกับผลงานเก่าๆ

ซามูไรไร้ดาบ

สิ่งที่จับต้องได้ในผลงานเรื่องนี้ คือ “ความเป็นแมน” มีอยู่เต็มร้อย ไม่เวอร์แซบ ไม่ตกหล่น แอบเติมความแมนแบบผู้ชายอบอุ่นไว้ด้วย “ความผ่อนคลาย” หนังก็ใส่มาอย่างมีจังหวะจะโคน ดูแล้วสบายตาและสบายใจ แซมด้วยอารมณ์ขันร้ายๆ สลับกับการเสียดเย้ยสังคม ยิ่งเฉพาะชนชั้นผู้ซึ่งเรียกตัวเองว่า “ซามูไร” ก็เป็นอะไรที่หนังทำได้สนุก

หนังมีจุดเด่นตรงที่สามารถคุมโทนสีให้กลมกลืนกันจนจบเรื่อง โทนสีที่อึมครึมและครึ้มด้วยปรอยฝน สร้างอารมณ์ให้ตัวละครคล้ายว่ากำลังครุมเครือ หรือมีปมในใจบางอย่างที่ถูกเก็บงำไว้

ชอบที่สุดในหนังคือ “การทำละครซ้อนหนัง” ละครเรียกเสียงฮากลิ้ง ซ่อนวาทะจี๊ดๆ มากมาย โดยดาราที่ร่วมเข้าฉากเล่นได้ใจดี บทมีไม่เยอะ แต่ทุกคนจัดเต็ม จ้างพันเล่นหมื่น ประมาณนั้น

การจัดวางภาพก็เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่ง ที่โคริเอดะไม่ลืมใส่รายละเอียดลงไป แสงและเงาในภาพที่เขาสื่อออกมาล้วนมีความหมายเชิงสัญลักษณ์

ไร้บทสนทนา หรือว่ามีน้อยถึงน้อยที่สุด แช่กล้องนานๆ โดยปล่อยให้ตัวละครใช้ภาษากายสื่ออารมณ์ จนคนดูเหนื่อยที่จะลุ้น จริงจังและสะเทือนใจสุดขั้ว เหล่านี้คุณจะไม่เห็นใน Hana หรอก เพราะทั้งเรื่อง มีแต่เสียงหัวเราะ ความวุ่นวาย ความเรียบง่ายของวิถีซามูไร ที่ปลอมตัวมาเป็นชาวบ้าน เพื่อรอวันล้างแค้น

ซามูไรไร้ดาบ

ไม่แปลกถ้าจะเห็นซามูไรไม่เหน็บดาบไว้สะเอวตลอดเวลา แต่หันไปสาวเชือกล้างบ่อประจำหมู่บ้าน จับพู่กันสอนหนังสือเด็กๆ ที่เด็ดกว่านั้นคือ เล่นละครตลกร้าย ซึ่งก็มอบความบันเทิงให้แก่คนดูหัวเราะร่าน้ำตาเล็ด ถือเป็นมุมน่ารักที่มีในหนังของโคริเอดะ

เมื่อซามูไรไร้ดาบ ภาพ (ในสายตาคนอื่น) ก็อาจดูจะไร้เขี้ยวหนาม จากพญาเสือก็กลายเป็นแมวเหมียว หนังพยายามแฝงนัยะนี้ไว้เหมือนกัน คุณค่าของชายชาตินักรบที่ถูกขนานนามว่าซามูไร จะไม่ลดน้อยถอยลงเลย ตราบที่มูลค่าการลงมือกระทำสัมฤทธิ์ผล เช่นที่ซามูไรหนุ่มหล่อ “โซซะ” กระทำต่อชาวบ้านและชุมชนที่เขาพำนัก แทนที่จะจดจ่ออยู่กับแผนการล้างแค้นศัตรู

“ซามูไรคือผู้ต้องอยู่ ให้ และฆ่าในยามสงคราม” โซซะบอกไว้อย่างนั้น และเขาก็ไม่มีวันลืมโลแกนนี้

ยามปกติซามูไรก็ไม่ต่างจากปุถุชนคนธรรมดา ซามูไรต้องมีชีวิตอยู่ให้ได้ ไม่ว่าจะแห่งหนตำบลใด ซามูไรต้องเป็นผู้ให้ให้ความรัก ผดุงความยุติธรรม เป็นผู้นำชาวบ้านและหลอมรวมคนกับชุมชนให้เป็นหนึ่งเดียว ขาดไม่ได้ ซามูไรก็พร้อมจะใช้ดาบปะทะข้าศึกด้วยใจองอาจเมื่อสงครามมาถึง

อาจจะไม่ใช่ผลงานระดับมาสเตอร์พีชของคิริเอดะ ทว่ามันก็ดูเพลินดีไม่หยอก ที่สำคัญ ลายเซ็นที่แสดงตัวตนฐานะผู้กำกับ ”มีของ” ก็ยังสะท้อนผ่านหนังสไตล์ “ทำน้อยได้มาก” เช่นเคย


 

ข่าวล่าสุด

พลังงานคุมเข้มแท่นขุดเจาะอ่าวไทย สกัดโดรนป่วน ไม่กระทบการผลิต