น้ำยาล้างเครื่องซักผ้าจากขี้เถ้าแกลบ
จันจิ
ขี้เถ้าแกลบ เศษวัสดุเหลือใช้จากโรงสีข้าวที่ประเทศไทยมีอยู่เป็นจำนวนมาก วันนี้ได้สร้างประโยชน์ครั้งใหญ่ต่อระบบนิเวศวิทยา เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด โวลก้า มาร์เก็ตติ้ง สามารถนำมาผลิตสูตรน้ำยาทำความสะอาดเครื่องซักผ้า ภายใต้แบรนด์โวลก้า ได้สำเร็จ
บริษัทได้ส่งผลิตภัณฑ์ให้ รัชฎาพร อุ่นศิวิไลย์ สาขาวิชาเทคโนโลยีอาหาร สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ผู้ดำเนินการในโครงการ
“การศึกษาประสิทธิภาพของน้ำยาล้างเครื่องซักผ้า” ภายใต้การสนับสนุนของโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP) ช่วยทำวิจัยต่อ เพื่อพิสูจน์ผลฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ฝังแน่นอยู่ในเครื่องซักผ้า และผลกระทบต่อระบบนิเวศจากน้ำทิ้งผลการวิจัย รัชฎาพร ระบุว่า การสุ่มตรวจหาเชื้อจุลินทรีย์ในเครื่องซักผ้าเก่า พบเชื้อจุลินทรีย์หลักๆ ได้แก่ เชื้อจุลินทรีย์ชนิด Escherichia Coli และ Staphylococcus Aureus เชื้อยีสต์ และเชื้อรา จึงได้ทดสอบประสิทธิภาพน้ำยาล้างเครื่องซักผ้าโวลก้าต่อการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ที่สำรวจพบ ซึ่งเป็นจุลินทรีย์กลุ่มที่ก่อให้เกิดโรคในคน
จากการทดลองในห้องปฏิบัติการพบว่า น้ำยาล้างเครื่องซักผ้าโวลก้ามีผลยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ และเมื่อตรวจวัดคุณสมบัติของน้ำที่ผ่านการทำความสะอาดเครื่องซักผ้า พบว่าไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และไม่ทำลายเส้นใยของเนื้อผ้า
กัญญาภัค โพธิ์แดง ที่ปรึกษาฝ่ายการตลาดและการขาย โวลก้า กล่าวว่า น้ำยาทำความสะอาดเครื่องซักผ้าถึงแม้ว่าจะไม่ใช่สินค้าใหม่ในท้องตลาด แต่เรียกได้ว่าเป็นน้ำยาที่ผลิตโดยคนไทยรายแรก เนื่องจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าที่พบเห็นในท้องตลาดทั่วไป จะเป็นสินค้านำเข้ามาจากต่างประเทศ ลักษณะจะเป็นก้อนและเป็นผง ทำให้คุณสมบัติในการย่อยสลายทำได้ยากกว่าชนิดน้ำ อีกทั้งยังมีส่วนประกอบของสารเคมีด้วย จึงมีผลต่อการทำลายสิ่งแวดล้อมโดยตรง โดยเฉพาะสารเคมีตกค้างจากการใช้งาน
“
ถ้าลองสังเกตเสื้อผ้าที่เพิ่งซักเสร็จ จะมีคราบขุย หรือคราบเหนียวจับตัวเป็นก้อนติดอยู่ ทำให้เสื้อผ้ามีกลิ่นอับชื้น ไม่สดชื่น ส่วนใหญ่เราจะคิดว่าเป็นคราบที่เกิดจากน้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือผงซักฟอก แต่ทั้งที่จริงแล้ว คราบดังกล่าวเกิดจากเศษสกปรกที่หมักหมมอยู่ภายในถังปั่นได้ไหลออกมาปะปน เราจึงต้องใช้น้ำยาทำความสะอาดเครื่องซักผ้าโดยเฉพาะเพื่อความปลอดโรค” กัญญาภัค ทิ้งท้ายน่าภูมิใจว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว โวลก้าได้ส่งไปจำหน่ายยังประเทศเยอรมนีด้วย และสินค้าอีกส่วนหนึ่งก็ผลิตจำหน่ายรองรับความต้องการของคนไทย นอกจากช่วยประหยัดเงินตรารั่วไหลออกนอกประเทศแล้ว ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมจากสินค้าที่ผลิตโดยใช้วัสดุเหลือใช้จากธรรมชาติ โดยฝีมือคนไทย


