posttoday

ครูใหญ่โรงเรียนนักเขียนแห่งคุกบางขวาง

02 มกราคม 2555

ได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าแม่สารคดีตีแผ่ด้านมืดของสังคมไทยมายาวนานกว่า 20 ปี จากผลงานหนังสือขึ้นหิ้ง

โดย...อินทรชัย พาณิชกุล

ได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าแม่สารคดีตีแผ่ด้านมืดของสังคมไทยมายาวนานกว่า 20 ปี จากผลงานหนังสือขึ้นหิ้ง อาทิ มือปืน:ชีวิตจริงของคนรับจ้างฆ่า ดอกไม้ราตรี:สินค้ามีชีวิต นักโทษประหารหญิง สนิมดอกไม้:ชีวิตจริงในมุมมืดของหญิงไทย คุก:ชีวิตในพันธนาการ และอื่นๆ อีกมากมายหลายเล่ม

แต่สิ่งที่ทำให้ อรสม สุทธิสาคร นักเขียนสารคดีหญิงระดับแถวหน้าของประเทศ ภาคภูมิใจเป็นที่สุดเห็นจะเป็นผลงานพ็อกเกตบุ๊กเล่มล่าสุด ในฐานะครูผู้ปลุกปั้นนักโทษประหารให้กลายเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัว

หนังสือเล่มนี้ชื่อ อิสรภาพบนเส้นบรรทัด 13 นักโทษประหาร สำนักพิมพ์สารคดี

13 เรื่องสั้นฝีมือการเขียนของเหล่านักโทษประหารแห่งเรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี จากโครงการเรื่องเล่าจากแดนประหาร ภายใต้โครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ร่วมกับเครือข่ายพุทธิกา เรือนจำกลางบางขวาง และกระทรวงยุติธรรม

ครูใหญ่โรงเรียนนักเขียนแห่งคุกบางขวาง

อรสม บอกว่า คล้ายกับความฝันที่เคยวาดไว้ในใจมานานกลายเป็นจริง

“เขียนหนังสือมา 20 กว่าปี เคยลงพื้นที่ที่ไม่คาดคิดว่าจะได้พบเห็นมาเยอะ สัมภาษณ์คนมาแล้วเป็นร้อยเป็นพัน เจอเรื่องราวน่าสลดหดหู่ เจอความทุกข์ยากของผู้คนมาหลายรูปแบบ แต่สิ่งหนึ่งที่ตัวเองเชื่ออยู่เสมอก็คือ ทุกความเลวร้าย มักมีความดีงามซ่อนอยู่เสมอ ในความมืด ย่อมมีแสงสว่าง ชีวิตของคนที่อาจจะถูกสังคมมองว่าชั่วช้า แต่เขาก็ยังเป็นมนุษย์ มีความดีงาม มีเมตตาซ่อนอยู่ลึกสุดใจ”

เช่นเดียวกับเรื่องราวหลังกำแพงคุกบางขวาง อรสมและคณะซึ่งประกอบด้วย วีระศักดิ์ จันทร์ส่งแสง วิวัฒน์ พันธวุฒิยานนท์ สองนักเขียนสารคดีหนุ่มชื่อดัง ต้องก้าวผ่านประตูเหล็กแน่นหนา ผ่านการตรวจตราอย่างเข้มงวดของผู้คุม เพื่อเข้าไปทำหน้าที่ครูสอนหนังสือแก่เหล่านักโทษประหารจำนวน 30 คน ที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาอบรมในโครงการ เน้นฝึกทักษะการเขียนตั้งแต่หลักทฤษฎี เทคนิควิธีการ รวมทั้งฝึกปฏิบัติจริงอย่างเข้มข้น ภายใต้ระยะเวลากว่า 4 เดือนเต็ม

“ทุกวันจันทร์จะมีความสุข เบิกบานใจเป็นพิเศษ เพราะจะได้เข้ามาเจอลูกศิษย์หลังกำแพงในชั้นเรียนการเขียน โดยใช้แดนการศึกษาภายในเรือนจำกลางบางขวางเป็นห้องเรียน ลมพัดเย็นสบาย ปลอดโปร่ง มองไปข้างนอกเห็นสนามหญ้ากว้างใหญ่เขียวขจี ลูกศิษย์ในชั้นทั้งหมดมีทั้งอดีตชาวนา ชาวเขา มุสลิมจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หมอ นักข่าว ตำรวจ ทหาร มีตั้งแต่อายุ 30 เศษๆ จนถึง 60 ต้นๆ ถึงเวลาเรียน ก็จะมานั่งรอกันเรียบร้อย แถมตั้งใจเรียนเป็นพิเศษ ตั้งแต่สอนมา นักเรียนที่นี่ใส่ใจ กระตือรือร้นที่สุด”

“นึกภาพนักโทษถูกขังอุดอู้อยู่ในห้องแคบๆ 18 ชั่วโมงต่อวัน ไม่ได้ทำอะไร ขาก็ถูกใส่ตรวน เลยอยากให้เขามีพื้นที่ของความสุขบ้าง น่าจะแปรความทุกข์ด้วยพลังบวก เอาเรื่องราวชีวิต ความผิดพลาดของตัวเองมาเป็นบทเรียน เพื่อให้คุณค่าของตัวเอง แถมให้ประโยชน์แก่คนอื่นได้ด้วย”

“ถึงแม้จะเข้ามาที่นี่ในฐานะครู แต่โดยส่วนตัวคิดว่าเราไม่ได้เป็นผู้ให้เขาอย่างเดียว ขณะเดียวกันเขาก็เป็นผู้ให้เราเหมือนกัน บรรยากาศในห้องเรียนทุกครั้งจะเต็มไปด้วยความรัก ความปรารถนาดี เอื้ออารีต่อกัน ความไว้วางใจ ห้องเรียนแห่งนี้ไม่มีกล้องวงจรปิด ไม่มีผู้คุมคอยจดจ้อง มีแค่เรา ครูกับลูกศิษย์”

ครูใหญ่โรงเรียนนักเขียนแห่งคุกบางขวางยอมรับว่ารู้สึกทึ่ง อัศจรรย์ใจมากๆ หลังได้เห็นพัฒนาการการเขียนแบบก้าวกระโดดของลูกศิษย์หลังกำแพงทั้ง 30 คน ภายในระยะเวลาอันสั้น

“ผลงานการเขียนที่ส่งมา เห็นได้ชัดว่าทุกคนตั้งใจกันสุดฝีมือ ลายมือสวยงามบรรจง เขียนบนกระดาษสะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบเรียบร้อย นอกจากจะน่าอ่านแล้ว พอได้ตรวจดูแบบละเอียดยังพบว่าทุกคนเขียนหนังสือได้ หลายคนเขียนได้ดีเกินคาดเลย คุณภาพเกินกว่าที่คิดไว้ น่าปลื้มใจมากๆ”

เรื่องน่าตื่นเต้นอีกเรื่อง หลังจากหนังสืออิสรภาพบนเส้นบรรทัด 13 นักโทษประหาร วางแผงได้ไม่นาน ก็ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามของนักอ่านในโลกกว้าง นำมาสู่การตีพิมพ์ครั้งที่ 2 ในระยะเวลาอันรวดเร็ว นั่นทำให้อรสมและคณะทำงาน รวมถึงลูกศิษย์นักเขียนแห่งคุกบางขวางยินดีปรีดากันอย่างยิ่ง

“แม้ชั้นเรียนจะจบไปแล้ว เราก็ยังดูแลกันต่อไป ผลงานของนักเรียนหลายคนก็น่าสนับสนุน ไม่แน่นะ วันใดวันหนึ่งข้างหน้า เราอาจมีนักเขียนชื่อดังที่มาจากเรือนจำกลางบางขวางแห่งนี้ก็ได้ ใครจะไปรู้”

เป็นประโยคทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้มกว้างของ อรสม สุทธิสาคร ครูใหญ่โรงเรียนนักเขียนแห่งคุกบางขวาง

 

ข่าวล่าสุด

LH Bank ออกผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก “LHB OPD SAVER”