posttoday

‘รศ.ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์’ อาจารย์สามัญ

03 ธันวาคม 2554

โดย...กาญจน์ อายุ

โดย...กาญจน์ อายุ

ณ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ได้ก่อตั้งสำนักวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางค์ เป็นที่แรกในเอเชียและในประเทศไทย โดยมีคณบดีคนเก่ง “รศ.ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์” ที่ดำรงตำแหน่งมานานถึง 8 ปี 2 สมัย เป็นผู้เขียนแผนและวางพื้นฐานของคณะ และนอกจากบทบาทคณบดีแล้ว อาจารย์พรรณวิภา (ขอเรียกว่าอาจารย์เพราะท่านสอนในคณะด้วย) ยังเป็นนักเดินทางที่พยายามแสวงหาความสามัญของชีวิต เห็นได้จากแต่ละสถานที่โปรดของอาจารย์ที่คนรักสบายจะไม่อยากไป

อาจารย์

อาจารย์พรรณวิภาเคยเป็นอาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มา 15 ปี หลังจากนั้นอาจารย์ก็มาเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกับคณะน้องใหม่ที่อาจารย์บอกว่า “เป็นศาสตร์ที่ควรแยกออกมาจากยา” นั่นคือสำนักวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง เพราะเรื่องเครื่องสำอางไม่ต้องศึกษาละเอียดลึกเหมือนยาและเป็นศาสตร์ที่ควรเปิดเฉพาะให้ผู้ที่สนใจเรื่องเครื่องสำอางโดยตรงได้มาศึกษา ในขณะนี้ในประเทศไทยสำนักวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง มีแห่งเดียวในประเทศไทยและในเอเชีย มีลูกศิษย์จบจากคณะนี้ไปแล้ว 4 รุ่น ส่วนใหญ่เมื่อจบการศึกษาลูกศิษย์จะไปเปิดธุรกิจส่วนตัวเองเพราะพวกเขามีความรู้เฉพาะด้านและสามารถนำความรู้ไปเปิดธุรกิจได้เอง ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีของการเรียนเฉพาะด้าน

‘รศ.ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์’ อาจารย์สามัญ

 

ในปัจจุบันถือว่าสำนักวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง ที่อาจารย์พรรณวิภาปลูกปั่นมากับมือประสบความสำเร็จและเป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้ด้านเครื่องสำอางชั้นเยี่ยม ดังนี้ อาจารย์จึงตั้งใจจะลาจากตำแหน่งคณบดี เป็นการเกษียณตัวเอง และผันมาทำงานเพื่อสังคมบ้าง

“ตั้งแต่เราเกิดมาเรามีบทบาทเป็นลูก จากนั้นก็กลายเป็นแม่ ซึ่งเป็นช่วงที่ได้สร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัว จากนั้นก็ทำงานให้ความรู้แก่นักศึกษา ก่อเกิดประโยชน์ให้สังคม จนถึงตอนนี้เราแก่แล้วเราอยากทำงานให้สังคมเต็มที่เพื่อตอบแทนสังคมและช่วยเหลือคนลำบาก เหมือนกับใช้ชีวิตกลับมาสู่สามัญอีกครั้ง”

สามัญ

อาจารย์พรรณวิภาเป็นคน จ.เชียงใหม่ จึงเคยชินชีวิตที่อยู่กับธรรมชาติ และเมื่ออาจารย์ได้มาทำงานที่เชียงรายก็เหมือนกับได้กลับบ้านเกิดอีกครั้ง

“เราเป็นคนรักธรรมชาติ ชอบอยู่ที่กว้างๆ แล้วจะรู้สึกปลอดโปร่ง ที่เชียงรายทำให้เรารู้สึกแบบนั้น เพราะเชียงรายมีภูเขา มีป่า และที่พักที่อิงกับธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีวัดวาอารามมากมาย มีงานศิลปะของศิลปินแห่งชาติอยู่ มีหอฝิ่นให้ความรู้ และมีผู้คนเชียงรายที่ใจเย็นและน่ารัก”

‘รศ.ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์’ อาจารย์สามัญ

 

ถ้าพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวสุดโปรดที่แรกที่อาจารย์พรรณวิภานึกถึงคือ “ทิเบต” ในครั้งนั้นอาจารย์ได้นั่งรถไฟขึ้นไป เป็นสายรถไฟที่ยาวที่สุด นั่งนานถึง 24 ชั่วโมง “ความรู้สึกตอนนั้นมันลำบากมาก เพราะต้องขึ้นไปบนที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 7,000 เมตร แค่หายใจก็เหนื่อยแล้ว แต่โชคดีที่ได้นั่งรถไฟขึ้นไปเพราะมันจะค่อยๆ ไต่ระดับ ร่างกายของเราก็จะได้ค่อยๆ ปรับตัว ถ้านั่งเครื่องบินคงลำบากกว่านี้เพราะร่างกายต้องปรับตัวแบบกะทันหัน”

อาจารย์ยังเล่าด้วยว่า ทันทีที่เหยียบพื้นจะหายใจลำบาก เราต้องค่อยๆ เดิน ค่อยๆ พูด และค่อยๆ ปรับไปเรื่อย แต่ถึงแม้ว่าการใช้ชีวิตจะลำบากแต่อาจารย์พรรณวิภาอยากให้ทุกคนได้ไปสักครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะทิเบตเรียกความประทับใจได้ตั้งแต่วิวสองข้างรถไฟที่อาจารย์เชื่อว่าเป็นทางรถไฟที่สวยที่สุด

และที่ยิ่งไปกว่าธรรมชาติคือ ผู้คน คนทิเบตจะค่อนข้างยากจนและมีคุณภาพชีวิตต่ำ ถ้าใครได้ไปเห็นจะเกิดความรู้สึกขอความเป็น “ผู้ให้” อย่างที่อาจารย์รู้สึก และมันคือแรงบันดาลใจอย่างหนึ่งที่อาจารย์อยากทำงานเพื่อสังคมและคนที่ประสบความทุกข์ยาก ดังนั้นการไปทิเบตไม่ได้ไปเพื่อชื่นชมความงามและความเรียบง่ายของบ้านเมืองเขาอย่างเดียว แต่มันยังเป็นเมืองที่ทำให้เราได้คิดถึงผู้อื่นมากขึ้น

นอกจากทิเบต อาจารย์พรรณวิภายังมีแผนไปภูฏานกับครอบครัว ดินแดนแห่งอารยธรรมที่อาจารย์อยากสัมผัส อาจารย์พูดถึงภูฏานว่าเป็นประเทศที่วัดคุณภาพคนด้วยความสุขและให้ความสำคัญกับจิตใจของคนมากกว่าเงินตรา เป็นสิ่งที่อาจารย์อยากเห็นและอยากเข้าใจ

‘รศ.ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์’ อาจารย์สามัญ

 

เมื่อพูดถึงประเทศไทยอาจารย์พรรณวิภาได้ให้ความเห็นว่า “ประเทศไทยเรามีของดีที่ชาวต่างชาติเขาอยากเห็น ดังนั้น จุดขายของประเทศไทยคือความเป็นไทย ธรรมชาติ เราไม่จำเป็นต้องพัฒนาให้ไฮเทคเหมือนต่างชาติ แต่เราต้องโตแบบไทย คงความเป็นไทยเอาไว้ และพัฒนาเรื่องความสะอาด”

ส่งท้าย อาจารย์พรรณวิภาได้ฝากข้อแนะนำเกี่ยวกับการเลือกเครื่องสำอางไว้ว่า เครื่องสำอางทุกชนิดต้องมี 3E หนึ่งคือ Effective เครื่องสำอางต้องให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ มีประสิทธิผล สองคือ Economic เครื่องสำอางต้องมีราคาสมเหตุสมผล และสามคือ Ecological Cosmetics เครื่องสำอางต้องไม่เป็นอันตรายต่อคนและสิ่งแวดล้อม

ข้อสังเกตง่ายๆ เกี่ยวกับการเลือกซื้อเครื่องสำอางคือ “ต้องบอกสถานที่ผลิต” ถ้าไม่บอกห้ามซื้อเด็ดขาด และโฆษณาชวนเชื่อที่ว่าครีมนี้สามารถทำให้หน้าขาวได้ภายใน 3 วันไม่เป็นความจริง แท้จริงแล้วต้องใช้เวลาตั้งแต่ 15 วันถึงจะขาวได้ และต้องใช้เวลา 7 วันผิวถึงชุ่มชื้น และใช้เวลา 4 สัปดาห์ถึงจะสามารถลดริ้วรอยได้ ท้ายสุดอาจารย์บอก “ทุกคนต้องทาครีมกันแดด” ไม่ว่าจะไปทำงานหรือไปท่องเที่ยวเพราะศัตรูตัวฉกาจของผิวหนังคือแสงอาทิตย์


 

 

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด แอสตัน วิลล่า พบ แมนยู พรีเมียร์ลีก วันนี้ 21 ธ.ค.68