เมล็ดผักกาดชุบชีวิต
เชื่อไหมว่า...เมล็ดพันธุ์ผักกาด สามารถช่วยชีวิตคนไว้ได้อย่างอัศจรรย์
เชื่อไหมว่า...เมล็ดพันธุ์ผักกาด สามารถช่วยชีวิตคนไว้ได้อย่างอัศจรรย์
โดย..อ.ตุ้ย วรธรรม
พูดแล้วยิ่งชวนสงสัยละสิครับ เมล็ดผักกาด...พันธุ์พิเศษอะไรหนอ ที่จะมีพลังอำนาจวิเศษวิโสถึงขนาดช่วยชีวิตคนไม่ให้จมสู่ทะเลแห่งความโศก เศร้าอาดูรไว้ได้
ก็เมล็ดผักกาดของพระพุทธเจ้าไงละครับ สามารถช่วยให้คนที่กำลังประสบกับ...มหาโศกแทบบ้าคลั่ง...สติแทบวิปัลลาส ให้กลับสู่โลกของความจริง ความสงบ และมีสติได้
ไม่ทราบว่าเคยเห็นคนที่เคยโศกเศร้าเสียใจอย่างแรงไหมครับ
ผมเองเคยเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเสียใจมากที่ลูกของเธอตายเพราะถูกไฟฟ้าชอร์ต ร้องไห้ฟูมฟาย 3 วัน 3 คืน หน้าตาบวมช้ำดูไม่ได้เลย ช่างน่าสงสารนัก
แต่นั่นอาจจะยังน้อยกว่าผู้หญิงคนนี้ “กีสาโคตมี” ซึ่งผมคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ประสบกับความทุกข์อย่างใหญ่หลวงเพราะการสูญเสียลูกของเธอ
เธอโศกเศร้าเสียใจแทบบ้า ประมาณว่า ถ้าใครที่เคยดูหนังแขก ก็จะเห็นเวลาที่ผู้หญิงแขกร้องไห้เสียใจอย่างแรงก็ออกอาการแบบนั้น
เหมือนชีวิตจะมอดม้วยมรณาในบัดดล...
กี สาโคตมี เป็นหญิงยากจนครับ รูปร่างก็ผอมแห้ง สมชื่อของเธอนั่นแหละ (กีสาผอม) พอแต่งงานแล้วฝ่ายพ่อผัวแม่ผัวก็ออกอาการไม่ปลื้มเท่าไหร่นัก
แสดงกิริยาหมิ่นแคลนเธอต่างๆ นานา เช่นว่า เป็นลูกของสกุลยากจนบ้าง ไม่คู่ควรกับลูกชายบ้าง
จนมีกระทั่ง กีสาโคตรมี มีลูกสืบสกุลให้ ความคิดของทางพ่อแม่ของสามีจึงเปลี่ยนท่าทีไป หันมา พูดดี ทำดี กับเธอ ช่วยให้เธอมีกำลังใจมากขึ้น
แต่แล้ววันหนึ่งใจของเธอแทบสิ้นสลาย เมื่อลูกของเธอต้องมาเสียชีวิตในขณะวิ่งเล่น สร้างความเศร้าเสียใจใหญ่หลวงให้กับเธอเป็นที่สุดอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต
เธอร้องไห้ฟูมฟายอย่างไม่อายใคร...
เธอร้องเหมือนอย่างคนบ้าเสียสติ พร้อมกับอุ้มลูกชายที่สิ้นใจแล้วตระเวนไปทั่วเมืองสาวัตถีเพื่อขอยาสำหรับช่วยเหลือลูกของเธอ
ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ใครมียาวิเศษ ช่วยลูกฉันที ใครเห็นลักษณาการของเธอก็อดพูดไม่ได้ “เจ้ามันบ้าไปแล้ว ลูกเจ้าตายไปแล้ว ยังจะมาเทียวหายารักษาเขาอยู่ยังไง”
ใครๆ ก็ว่าเธอบ้า แต่ชายคนหนึ่งได้แนะนำเธอให้ไปขอยากับพระพุทธเจ้าที่วัดพระเชตวัน
คำนั้นเหมือนสวรรค์ เธอไม่รีรออุ้มร่างที่ไร้วิญญาณของลูกมุ่งหน้าไปยังวัดพระเชตวันเพื่อให้พระพุทธเจ้าทรงช่วยเหลือด้วยการประทานยารักษา
“เธอจงไปนำเมล็ดผักกาดหยิบมือหนึ่งมาจากเรือนที่ไม่เคยมีคนตาย” พระพุทธเจ้าตรัสกับเธอทันทีที่เธอเอ่ยขอ
นางรับคำด้วยความดีใจ แล้วเข้าเมืองไปที่เรือนหลังแรก แล้วถามเจ้าของเรือนว่า ถ้าเรือนนี้ไม่เคยมีใครตายก็ขอได้โปรดให้เมล็ดผักกาดแก่ฉันด้วย
แต่คำตอบที่เธอได้รับคือ ใครเล่าจะสามารถนับคนที่ตายไปแล้วในเรือนหลังนี้
เธอเดินไปหลังเรือนอื่นๆ ก็ได้คำตอบแบบเดียวกัน จนเวลาเย็นก็ยังไม่ได้เมล็ดผักกาดตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งมา จึงทำให้นางได้สติคิดว่าตนสำคัญว่าลูกของตนเท่านั้นตาย ก็ในบ้านทุกหลังคนที่ตายมากกว่าคนเป็น
คิดได้ดังนั้นความโศกเศร้าของเธอได้คลายลงไปทันที จากนั้นก็ออกนอกเมือง ทิ้งศพลูกชายที่ป่าช้า แล้วกลับเข้ามาเฝ้าพระพุทธเจ้าที่วัด
นี่ล่ะเขาเรียกว่า...เมล็ดผักกาดชุบชีวิต หนึ่งกุศโลบายของพระพุทธเจ้าที่แยบยล มหัศจรรย์ น่าทึ่งเสมอ


