posttoday

น้ำท่วม...อย่าให้ใครต้องถูกไฟดูด

10 พฤศจิกายน 2554

คู่มือแนะนำ ข้อควรปฏิบัติการใช้ไฟฟ้าก่อนน้ำท่วม ขณะน้ำท่วม และหลังน้ำท่วมจากการไฟฟ้านครหลวง

คู่มือแนะนำ ข้อควรปฏิบัติการใช้ไฟฟ้าก่อนน้ำท่วม ขณะน้ำท่วม และหลังน้ำท่วมจากการไฟฟ้านครหลวง

เรื่อง...ชลธาร

สถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยก่อนถึงวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา มีคนที่ถูกไฟฟ้าชอร์ตประมาณ 10 คน แต่ ณ วันนี้ 10 กว่าวันผ่านไป เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 40 กว่าคนแล้ว เป็นเรื่องไม่น่าจะเกิดขึ้นอย่างยิ่ง หลายคนตายโดยไม่ควรตาย เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คิดไม่ถึง และไม่ทันระวังตัว

สิ่งที่น่ากลัวและเป็นกังวลในสถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้ “ไฟฟ้า” เป็นหนึ่งในนั้นที่คนเราจะต้องมีสติระมัดระวังอย่างยิ่ง หลายคนออกจากบ้านตอนที่น้ำท่วมกำลังมา พาพ่อ แม่ พี่ น้อง และสัตว์เลี้ยงออกไปก่อน แต่ตอนกลับเข้ามาน้ำท่วมแล้ว ก็เดินเข้าไปในบ้านโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คัตเอาต์ไฟก็ยังไม่ได้เอาลงเดิน เฉียดไปตรงปลั๊กไฟแช่น้ำอยู่ก็โดนไฟฟ้าดูดเสียชีวิต หรือบางคนที่ตัวเปียก มือเปียก รีบไปเปิดสวิตช์ไฟ หรือเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าก็อาจถูกไฟดูดจากไฟฟ้ารั่วได้ การเสียชีวิตจากไฟฟ้าดูดเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความไม่ทันระวังจึงไม่ควรที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะครอบครัวของใครทั้งสิ้น จะเป็นลูก พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ก็ไม่สมควรเกิด

ดังนั้น เพื่อระวังภัยจากไฟฟ้าในช่วงน้ำท่วม เรามีคู่มือแนะนำ ข้อควรปฏิบัติการใช้ไฟฟ้าก่อนน้ำท่วม ขณะน้ำท่วม และหลังน้ำท่วมจากการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มาฝาก แล้วอย่าลืมที่จะปฏิบัติตามนะครับ

น้ำท่วม...อย่าให้ใครต้องถูกไฟดูด

เตรียมตัวก่อนน้ำท่วม

1.ให้เคลื่อนย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าไปติดตั้งในจุดที่ปลอดภัยที่น้ำท่วมไม่ถึง และติดตั้งให้มั่นคง ป้องกันการตกหล่นลงน้ำขณะใช้งาน ไม่ว่าจะพัดลม หม้อหุงข้าวไฟฟ้า กาต้มน้ำร้อนไฟฟ้า เป็นต้น

2.ตัดวงจรไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ติดตั้งอยู่กับที่ที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายหนีน้ำได้ เช่น เครื่องปั๊มน้ำ เครื่องซักผ้า โดยการถอดปลั๊กออก

3.ยกระดับปลั๊กไฟให้สูงขึ้นจากพื้นที่คิดว่าจะถูกน้ำท่วมประมาณ 1-1.20 เมตร หรือถ้าไม่สามารถยกระดับปลั๊กได้ ให้ตัดวงจรไฟฟ้าเต้ารับที่น้ำท่วมถึง โดยให้ช่างไฟฟ้าดำเนินการตัดวงจรไฟฟ้าให้ ไม่ควรตัดเอง

4.ตัดวงจรไฟฟ้า โคมไฟฟ้าที่รั้วบ้าน โคมที่สนามหญ้า ไฟกริ่ง และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ที่เดินสายไฟฝังใต้ดิน และอย่าลืมติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่วที่แผงเมนสวิตช์

ขณะน้ำท่วมยิ่งต้องระวัง

เมื่อยืนอยู่ในน้ำหรือตัวเปียกน้ำ ไม่เปิดสวิตช์หรือเสียบปลั๊กอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งนี้อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ย้ายหนีน้ำต้องจัดวางให้อยู่ในที่ที่มั่นคง ป้องกันการตกหล่นลงน้ำ เช่น ปลั๊กพ่วง พัดลม หม้อหุงข้าว ฯลฯ นอกจากนี้ถ้าพบเห็นสายไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าแช่อยู่ในน้ำ ห้ามเข้าใกล้หรือจับต้องเป็นอันขาด ส่วนบ้านใครที่ใช้เครื่องสูบน้ำไฟฟ้าสูบน้ำออกจากบ้าน จะต้องมิลืมที่จะติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่วป้องกันไฟฟ้าดูด

การปฏิบัติหลังน้ำท่วม

อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่แช่อยู่ในน้ำที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ก่อนน้ำท่วม เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องปั๊มน้ำ เต้ารับ ฯลฯ ก่อนนำมาใช้งานต้องตรวจสอบและบำรุงรักษาโดยช่างไฟฟ้าที่ชำนาญเท่านั้น พร้อมการตรวจสอบอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าตามลำดับการตรวจดังนี้

ลำดับแรก ให้ตรวจสอบสภาพสายไฟฟ้าว่ามีสภาพสมบูรณ์ ไม่แตกร้าว ไม่บวม และไม่เปียกชื้น หรือไม่ถูกรัดหรือบาดกับโลหะ อันดับที่ 2 แผงสวิตช์ ตรวจสอบคัตเอาต์ คาร์ตริดจ์ฟิวส์ หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์มีสภาพสมบูรณ์ ไม่แตกร้าว และไม่เปียกชื้นหรือไม่

จากนั้นตรวจสอบขั้วต่อสายเข้าคัตเอาต์ และเข้าคาร์ตริดจ์ฟิวส์ต้องแน่น ขั้วต่อสายเข้าเซอร์กิตเบรกเกอร์ วงจรเมนและวงจรย่อยต้องแน่น สายต่อลงดินมีสภาพสมบูรณ์ ไม่ชำรุดหรือหลุดจากหลักดิน

ในห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก อย่าลืมตรวจสภาพสายไฟฟ้า ไฟฟ้าแสงสว่าง เต้ารับ เต้าเสียบ สายพ่วงอุปกรณ์ เครื่องเสียงวิทยุ เครื่องโทรทัศน์ โดยดูที่สายไฟฟ้าก่อนว่าสภาพสายไฟมีสภาพสมบูรณ์ ไม่แตกร้าว ไม่บวม ไม่เปียกชื้น สายไฟไม่บาดกับโลหะจับยึดสายไฟ การเดินสายไฟ สายต่อพ่วงโคมชนิดเคลื่อนที่ได้ สายวิทยุโทรทัศน์ไม่วางกีดขวางทางเดินในห้อง

ตรวจสอบเครื่องใช้และอุปกรณ์ไฟฟ้า ตู้โชว์ ว่าหลอดไฟมีสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชิ้นในห้องมีสภาพสมบูรณ์ไม่เปียกชื้น เต้ารับและสวิตช์ชนิดติดตั้งบนผนังมีสภาพสมบูรณ์ ไม่เปียกชื้น หรือแตกเสียหายและแห้งสนิท ไม่มีน้ำขังในรูปลั๊ก

ในห้องครัวก็ต้องตรวจสอบสภาพสายไฟฟ้า ไฟฟ้าแสงสว่าง เต้ารับ เต้าเสียบ สวิตช์ สายอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัว รวมถึงในห้องน้ำ ห้องเก็บของ ก็ต้องตรวจสอบด้วย

ส่วนไฟฟ้านอกบ้าน ตรวจสอบสภาพสาย ท่อร้อยสายไฟ ท่อเกาะผนังหรือท่อฝังดินไม่ชำรุดแตกร้าว การเดินสายไฟ สายต่อพ่วงดวงโคมชนิดเคลื่อนที่ได้ ไม่วางกีดขวางทางเดิน เต้ารับและสวิตช์ชนิดติดตั้งภายนอกอาคาร มีสภาพสมบูรณ์ ไม่แตก ไม่เปียกชื้น

ขั้นตอนการช่วยชีวิตผู้ถูกไฟดูด

การปฏิบัติการช่วยชีวิตโดยการเป่าปาก-นวดหัวใจ กรณีผู้บาดเจ็บเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งวิธีการนี้สามารถช่วยเหลือผู้หมดสติจากการประสบอันตรายจากไฟฟ้าและการจมน้ำได้

ขั้นตอนที่ 1 ประเมินความรู้สึกตัวของผู้ประสบอันตรายด้วยการเรียก ปลุก เขย่าตัว

ขั้นตอนที่ 2 ขอความช่วยเหลือ ถ้าไม่มีการตอบสนอง และรีบช่วยตามขั้นตอนที่ 3 ต่อไป (ให้ขอความช่วยเหลือทันที เช่น โทรศัพท์เรียกรถพยาบาลที่หมายเลข 1669 เพราะสิ่งที่ต้องการคือเครื่องกระตุ้นหัวใจ)

ขั้นตอนที่ 3 เปิดทางเดินหายใจ โดยให้ใช้สันมือกดหน้าผาก และใช้ 2 นิ้วแตะขากรรไกรผู้ประสบเหตุยกขึ้นให้หน้าแหงน ซึ่งการเปิดทางเดินหายใจวิธีนี้ ใช้ได้กับผู้บาดเจ็บทุกกรณี

ขั้นตอนที่ 4 ตรวจการหายใจ เพื่อดูว่ามีการหายใจปกติหรือไม่ โดยใช้ตาดู หูฟัง แก้มสัมผัส โดยใช้เวลาตรวจ 10 วินาที

ขั้นตอนที่ 5 ถ้าไม่หายใจให้เป่าปาก จะช่วยการหายใจ โดยการเป่าปาก 2 ครั้ง ซึ่งการเป่าปากต้องเห็นทรวงอกกระเพื่อมขึ้นทุกครั้ง ถ้าทรวงอกไม่กระเพื่อมขึ้นในการเป่าปากครั้งที่ 1 แก้ไขโดยการเปิดทางเดินหายใจใหม่ แล้วจึงเป่าปากครั้งที่ 2

ขั้นตอนที่ 6 ช่วยการไหลเวียนโลหิต ด้วยการกดหน้าอก โดยตำแหน่งมืออยู่เหนือกระดูกลิ้นปี่ 2 นิ้วมือแล้วใช้สันมือสองข้างซ้อนกันกดลงจำนวน 30 ครั้ง ความลึกอยู่ที่ 1.5-2 นิ้วฟุต ความเร็วในการกดอยู่ที่ 100 ครั้งต่อนาที ทั้งนี้ผู้ช่วยเหลือทำการกดหน้าอกและเป่าปากต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนกว่าผู้ป่วยจะรู้สึกตัว หรือเมื่อมีบุคลากรทางการแพทย์มารับช่วงต่อ

ในกรณีที่เป็นเด็ก 1-8 ขวบ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปลอดภัย กฟน. แนะนำว่า หลักการทั่วไปทำคล้ายกับในกรณีของผู้ใหญ่ แต่ในการกดจะใช้มือ 1 ข้าง หรือ 2 ข้างซ้อนกันกดลงไปตรงกึ่งกลางหน้าอกประมาณราวนม 30 ครั้ง ความลึกอยู่ที่ 2 นิ้วฟุตโดยประมาณ ไม่กดไปซ้ายและขวา เพราะกระดูกซี่โครงอาจหักไปทิ่มปอดได้ ทั้งนี้น้ำหนักการกดต้องดูความหนาบางของเด็กด้วย เพราะเด็กมิใช่ผู้ใหญ่ กรณีเด็กทารก 1-8 เดือน ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางกดบริเวณสูงกว่าราวนมขึ้นมานิด ความลึกอยู่ที่ 1.5 นิ้วฟุต

นี่คือวิธีในการช่วยเหลือเบื้องต้นในกรณีที่ถูกไฟฟ้าดูดยามคับขัน พร้อมอย่าลืมโทร.ไปที่ 1669 ทีมแพทย์ฉุกเฉินจะรีบมาช่วยคุณ  

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ