posttoday

ทองชมพูนุทเกี่ยวอะไรกับต้นหว้า

23 ตุลาคม 2554

ทองชมพูนุท คือ ทองคำเนื้อบริสุทธิ์มีชื่อเรียกหลายชื่อ บ้างก็เรียก ทองคำสีสุก ทองคำธรรมชาติ ทองเนื้อเก้า หรือทองนพคุณ

ทองชมพูนุท คือ ทองคำเนื้อบริสุทธิ์มีชื่อเรียกหลายชื่อ บ้างก็เรียก ทองคำสีสุก ทองคำธรรมชาติ ทองเนื้อเก้า หรือทองนพคุณ

โดย..อ.ตุ้ย วรธรรม 

น่าสนใจว่าชื่อ “ชมพูนุท” มันเกี่ยวอะไรกับต้นหว้า หรือต้นหว้ามันไปเกี่ยวอะไรกับทองคำชนิดนี้ ผมเลยไปหาคำตอบในคัมภีร์ไตรภูมิ หรือในไตรภูมิกถามาให้

ซึ่งผมว่ามันไม่เชยเลย ถ้าจะบอกว่าชื่อของทองคำชนิดนี้มันมาจากส่วนๆ หนึ่งของต้นหว้า ไม่อย่างนั้นคงไม่ชื่อว่า ชมพูนุท เป็นแน่

เพราะชมพู บาลีว่า ชมพู แปลว่า ต้นหว้า หรือไม้หว้า อย่าไปเข้าใจผิดว่าเป็น “ชมพู่” นะครับ เพราะคนละอย่างกัน

ในคัมภีร์ไตรภูมิได้พูดถึงแผ่นดิน หรือดินแดนแห่งชมพูทวีปครับ โดยระบุว่า มีปริมาณได้ 1 หมื่นโยชน์ ทั้งด้านยาวและด้านกว้าง

แยกออกเป็นแผ่นดินที่อยู่พวกมนุษย์เสีย 3,000 โยชน์ เป็นเขตป่าหิมพานต์อีก 3,000 โยชน์ และเป็นพื้นที่ของน้ำหรือทะเลเสีย 4,000 โยชน์

ทั้งนื้ ในป่าหิมพานต์จะมีภูเขาหิมพานต์สูงตระหง่าน 500 โยชน์ ความกว้างอยู่ที่ 3,000 โยชน์ โดยมียอดเขาใหญ่น้อยเรียงรายอยู่ 8.4 หมื่นยอด

ปรากฏว่าที่เชิงภูเขาหิมพานต์นั้น จะมี “ต้นหว้า” ต้นหนึ่ง ลำต้นมหึมา ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชื่อว่า “สีทา” หรือสีทานที

ความมหึมาของต้นหว้านี้ วัดโดยรอบ หรือโอบรอบได้ 14 โยชน์ (1 โยชน์เท่ากับ 18 กิโลเมตร) ตั้งแต่พื้นดินสูงขึ้นไปถึงค่าคบสูงได้ 50 โยชน์ และตั้งแต่ค่าคบขึ้นไปถึงปลายยอดอีก 50 โยชน์

สรุปรวมความสูง 100 โยชน์ พอดิบพอดี

นอกจากนี้ ตั้งแต่ปลายค่าคบด้านทิศตะวันออกไปถึงทิศตะวันตก มีระยะไกลถึง 1,000 โยชน์ และตั้งแต่ปลายค่าคบด้านทิศเหนือจดทิศใต้ไกลถึง 8 แสนวา

แต่เมื่อรวมปริมาณปลายค่าคบโดยรอบปริมณฑลจะอยู่ที่ 2.4 ล้านวา

ใหญ่ขนาดนี้ ต้นหว้านี้ก็ต้องมีอะไรพิเศษกว่าต้นหว้าทั่วไป หรือต้นหว้าที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันแน่นอนอย่างมิต้องสงสัย

อย่างดอกหว้าทั่วไป ปกติก็ไม่ได้หอมหวนอะไร แต่ดอกหว้าบนเชิงเขาหิมพานต์ต้นนี้ที่นอกจากจะมีลักษณะสวยงามแล้วยังมีกลิ่นหอมไกลดึงดูดฝูงวิหคนกกาให้บินเข้ามาหา

และยิ่งกว่าสตรีเพศผู้สวยงาม ทรงเสน่ห์ ดึงดูดใจบุรุษให้เข้ามาหา ฉะนั้น

และเมื่อต้นหว้าใหญ่ซะขนาดนั้น ผลหว้า หรือลูกหว้า ก็เลยไม่ธรรมดาสามัญไปด้วย มันจึงมีขนาดใหญ่ ไม่น้อยไปกว่ากลองเพลใบใหญ่เลยละครับ

ความใหญ่ของลูกหว้าในคัมภีร์ ระบุว่า ถ้าเราเอามือยื่นเข้าไปในผลเนื้อหว้าจนสุดแขนนั่นแหละจึงจะถึงเมล็ดของมัน

ส่วนรสชาตินะเหรอ แม้เกิดมาจะไม่เคยได้ลิ้มรส แต่ในคัมภีร์พรรณนารสของมัน ทั้งหอมหวาน ทั้งอร่อย น้ำผึ้งก็ไม่ปาน

นอกจากนี้ ผลของหว้า หากร่วงหล่นเฉียดร่างกาย ไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ กายนั้นก็จะหอมฟุ้งเหมือนน้ำกฤษณาและแก่นจันทน์ เรียกว่ากลิ่นหอมจะติดกายไปทั้งวัน

แต่อย่าให้หล่นร่วงใส่ร่างเลยดีกว่า เพราะลูกใหญ่ขนาดนั้น มีสิทธิได้เป็นผีเฝ้าต้นต้นหว้าแน่

อย่างไรก็ตาม ในความเป็นป่าหิมพานต์มักจะมีอะไรที่แปลกเหลือเชื่อเสมอ เพราะฉะนั้นผลหว้าก็เหมือนกัน ก็จะตกเป็นอาหารของพวกนกขนาดใหญ่เท่าช้างสารบ้าง เท่าเรือนบ้าง

ส่วนผลที่เหลือจากนกกินแล้ว ก็จะร่วงหล่นตกลงมาบริเวณรอบๆ ต้นเป็นภูเขาเลากา แต่ผลหว้าที่เกิดตรงค่าคบด้านทิศเหนือก็จะร่วงหล่นตกลงแม่น้ำเป็นอาหารของปลา เต่า

และไฮไลต์ของเรื่องนี้ก็คงอยู่ที่ “ยางจากผลหว้า” นี่แหละ โดยเมื่อร่วงหล่นแล้ว ยางของมันจะกลายเป็นทองคำสีสุก หรือที่เราเรียกว่าทองชมพูนุทนั่นเองครับ

ฉะนั้นแล้ว คำว่า ทองชมพูนุท จึงมีที่มาของชื่อด้วยประการฉะนี้

 

ข่าวล่าสุด

KBANK ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% เงินฝาก 0.05-0.10%