พรมเก๋จากถุงน้ำเกลือ
ผลิตภัณฑ์จากพลาสติกหลากประเภท ยังคงกลาดเกลื่อนอยู่ในวิถีชีวิตประจำวันทุกเมืองในโลก
ผลิตภัณฑ์จากพลาสติกหลากประเภท ยังคงกลาดเกลื่อนอยู่ในวิถีชีวิตประจำวันทุกเมืองในโลก
โดย..ณัฐพล ช่วงประยูร
ผลิตภัณฑ์จากพลาสติกหลากประเภท ยังคงกลาดเกลื่อนอยู่ในวิถีชีวิตประจำวันทุกเมืองในโลก รอวันกลายเป็นขยะกองโตที่ใช้เวลานับร้อยปีย่อยสลาย แม้แต่ช่วงชีวิตเราบางทีก็ไม่ทันได้เห็น
เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท สยามพิวรรธน์ เจ้าของสยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดโอกาสให้นักออกแบบรุ่นใหม่ทั้งนิสิต นักศึกษา และบุคคลทั่วไปได้แสดงศักยภาพในการออกแบบผลิตภัณฑ์ด้าน ECO และเสริมสร้างแนวคิดในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมควบคู่กับงานดีไซน์ ด้วยการส่งผลงานเข้าประกวด “Siam Center & Siam Discovery 100 Designs 2011” ณ แกรนด์ฮอลล์ สยามดิสคัฟเวอรี่
โครงการนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้โครงการ ECO Projects ซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 แล้ว และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนิสิต นักศึกษา คนรุ่นใหม่ที่มีไอเดียสร้างสรรค์ผสานแนวคิดในการช่วยลดโลกร้อน ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล วัสดุเหลือใช้ โดยไม่จำกัดสาขาในการออกแบบภายใต้แนวคิด “Eco Living เมื่อ ECO อยู่รอบตัวคุณ” ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมส่งชิ้นงานประกวดทั้งสิ้น 145 คน
งานครั้งนี้ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิในแวดวงอีโคและการดีไซน์ ไม่ว่าจะเป็น ผศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต ดวงฤทธิ์ บุนนาค ม.ล.คฑาทอง ทองใหญ่ ไชยยง รัตนอังกูร และอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล เป็นคณะกรรมการตัดสิน โดยได้ทีม 1 หนุ่มและ 1 สาว “สุทธิพงษ์ ช่างแย้ม” และ “ณัฐธิดา กิจเนตร” เป็น “ผู้ชนะเลิศ” รายการนี้ พวกเขาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ “พรมที่ทำจากถุงน้ำเกลือ” ชื่อว่า “เคลียร์ เคลียร์” ด้วยสมดุลระหว่างการตอบโจทย์ดีไซน์และหัวใจรักสิ่งแวดล้อม
“เนื่องจากทางทีมเรามีถุงน้ำเกลือที่ได้มาจากผู้ป่วยโรคไตที่ต้องทำการฟอก โดยเฉพาะสายน้ำเกลือที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์มีเป็นจำนวนมาก ทีมของเราจึงเห็นว่าตัวสายน้ำเกลือสามารถนำมาสานกันเป็นผืนได้ตามขนาดที่เราต้องการได้อย่างไม่จำกัด และนำถุงน้ำเกลือที่เหลือมาสร้างผิวสัมผัสให้ผืนสายน้ำเกลือเป็นเหมือนผ้าขนหนูได้
ผลงานที่ออกมานั้นจึงได้เป็นพรมที่สามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร เคลื่อนย้ายสะดวก ม้วนเก็บง่าย ปรับเปลี่ยนการใช้สอยได้หลายรูปแบบ และสามารถซักทำความสะอาดได้ครับ” สุทธิพงษ์ ช่างแย้ม หรือ ป๊อป ผู้ช่วยผู้จัดการร้าน Scrap Shop คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อดีตนิสิตปริญญาตรี สาขาสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ภาควิชาคหกรรมศาสตร์ คณะเกษตรฯ มหาวิทยาลัยเกษตรฯ อธิบาย
ณัฐธิดา กิจเนตร หรือ ตูน เพื่อนร่วมทีม ซึ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ภาควิชาคหกรรมศาสตร์ คณะเกษตรฯ มหาวิทยาลัยเกษตรฯ ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อระดับปริญญาโท สาขาสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ที่ภาควิชาและคณะเดิมเล่าบ้าง “สายน้ำเกลือที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เราจึงนำลักษณะเด่นของเศษวัสดุมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และคำนึงถึงลักษณะการใช้งานด้วย”
ป๊อป เพิ่มเติมพร้อมอธิบายขั้นตอนการสร้างสรรค์งานว่า ถุงน้ำเกลือผลิตมาจาก PVC ซึ่งมีคุณสมบัติมีความเหนียว ทนไฟ ทนกรดด่าง ทนทานต่อสารเคมี (ยกเว้นคลอรีน) ทนต่อไขมันและแอลกอฮอล์ “ถุงน้ำเกลือถูกผลิตขึ้นเป็นจำนวนมาก เมื่อใช้เพียงครั้งเดียวก็จะถูกทิ้ง ทำให้ปริมาณขยะจากถุงน้ำเกลือมีจำนวนมหาศาล หากทิ้งไว้จะก่อปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมมากมาย และยากต่อการกำจัด ซึ่งในปัจจุบันน้อยคนนักที่จะนำถุงน้ำเกลือกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่อีกครั้ง หากเรานำกลับมาใช้ประโยชน์ก็จะเป็นวัตถุดิบที่มีอย่างไม่จำกัด และสามารถสร้างมูลค่าในเชิงพาณิชย์ได้”
ขั้นตอนการทำ
1.ล้างทำความสะอาดถุงน้ำเกลือและสาย ตากแดดให้แห้ง
2.ตัดแยกสายและตัวถุงน้ำเกลือออกจากกัน
3.ต่อสายน้ำเกลือเพื่อนำมาสานขัดกันให้เป็นผืนขนาด 1x1.5 เมตร โดยใช้ไม้เป็นกรอบ
4.ปลดสายน้ำเกลือออกจากกรอบ นำเศษถุงน้ำเกลือที่ตัดเป็นชิ้นเรียบร้อยแล้วมาสอดติดกับแผ่นสายน้ำเกลือที่สานไว้ โดยให้ปลายทั้งสองด้านอยู่ด้านบน
5.ตรึงปลายถุงน้ำเกลือทั้งสองด้าน เก็บไว้ด้านล่าง เพื่อให้เกิดผิวสัมผัสนุ่มในบางจุด สลับกับการปล่อยปลายถุงน้ำเกลือให้เกิดผิวสัมผัสที่แตกต่างกัน
*ผลิตภัณฑ์ต้นแบบ
เนื่องจาก “พรมจากถุงน้ำเกลือ” ของพวกเขา เป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบซึ่งสามารถนำวัสดุและเทคนิคที่ทำผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ไปต่อยอดเป็นรูปแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อีกจำนวนมาก ด้วยคุณสมบัติของวัสดุในตัวมันเอง เช่นนั้นแล้วการต่อยอดธุรกิจตรงนี้ยังคงต้องอาศัยเวลา ความร่วมมือ และเงินทุน
“ตอนนี้ทางเรายังไม่มีแผนการตลาด แต่ถ้ามีผู้ที่สนใจนั้นก็สามารถสั่งเราผลิตได้ เนื่องจากทางเรามีร้าน Scrap Shop เป็นพื้นที่ในการแสดงผลงานและจัดจำหน่าย ซึ่งถ้าได้กระแสตอบรับมากขึ้น ทางเราก็มีแผนที่จะไปสอนและให้ความรู้แก่ชาวบ้าน หรือผู้ป่วยโรคไตเองที่มีความสามารถในด้านการสานทอได้ผลิตชิ้นงานส่งเราเพื่อจัดจำหน่าย ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนด้วยครับ ซึ่งราคา “เคลียร์ เคลียร์” นั้น คิดว่าราคาขายอยู่ที่ประมาณ 3,000–4,500 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดที่ลูกค้าสั่ง” ป๊อป เล่าแนวทาง
สำหรับวัสดุที่ไม่เป็นมิตรกับธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันต่างๆ ที่มีส่วนทำให้เกิดภาวะโลกร้อนนั้น ป๊อป บอกว่า ผลิตภัณฑ์พวกนั้นอาจจะให้ความสะดวกสบายในการใช้ ทั้งๆ ที่ก็ให้โทษแก่เราด้วย แต่ในความเป็นจริงเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นในชีวิตประจำวันของเรา “แต่เราสามารถที่จะส่งเสริมและให้ความรู้แก่เด็กรุ่นใหม่ รวมทั้งเป็นแบบอย่างในการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้ลดลง และหันมาส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โลกเราของเราก็จะน่าอยู่มากขึ้นครับ”
ตูน เสริมว่า โดยธรรมชาติของวัสดุก็จะมีทั้งสิ่งที่เป็นมิตรและไม่เป็นมิตร “สิ่งที่ไม่เป็นมิตรนั้นเราก็ต้องมีการพัฒนาให้มีความเป็นมิตรกับธรรมชาติ หรือให้มีความใกล้เคียงกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้นค่ะ ปัญหาสิ่งแวดล้อมนั้นจัดได้ว่าเป็นปัญหาของคนทุกคน ดังนั้นเราต้องเริ่มที่ตัวเองก่อนแล้วจึงปลูกฝังแนวความคิดการ Reuse, Reduce, Recyle เริ่มต้นจากสิ่งใกล้ตัวก่อน เช่น การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก การคัดแยกขยะแต่ละประเภท หรือคิดประดิษฐ์วัสดุต่างๆ ให้กลายเป็นของชิ้นใหม่”
“มนุษย์ทุกคนเกิดมาไม่เท่ากัน บางคนอาจจะมีความสามารถในการคิด บางคนมีความสามารถในการผลิต บางคนมีความสามารถในการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั้นไม่ได้เกิดจากคนคนเดียว แต่อาศัยจากหลายคนที่มีปัจจัยต่างกัน ก็อยากจะให้ทุกคนที่มีความสามารถตามที่ตนเองมีนั้น ได้เป็นส่วนหนึ่งในการแสดงถึงความรักษ์โลกตามกำลังที่ตัวเองมีครับ ไม่มีอะไรยากเกินไปที่มนุษย์อย่างเราจะทำไม่ได้ครับถ้าไม่รู้จักเริ่ม” ป๊อป สุทธิพงษ์ ทิ้งท้าย
รอยยิ้มแห่งความปลาบปลื้มอาบไปทั่วสิ่งประดิษฐ์เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ร่วมนำมาแสดง โดยเฉพาะเจ้าของผลงาน “เคลียร์ เคลียร์”
แม้อีก 143 คนที่ส่งผลงานไม่ใช่ผู้รับรางวัลผลิตภัณฑ์ที่ชนะเลิศในเวทีนี้ แต่เขาคือพลังขับเคลื่อน คือความภาคภูมิใจเดียวกันกับชิ้นนี้ เพราะเขาได้เริ่มต้นลุกขึ้นทำอะไรเพื่อโลกที่เขาอยู่อย่างจริงจัง
&<2288;


