สถาบันฝึกอบรมอาหารไทยซิวแชมป์เชฟกล่องดำ

สถาบันฝึกอบรมอาหารแห่งประเทศไทย คว้าชัยเชฟกล่องดำ MLA Black Box Culinary Challenge 2011

สถาบันฝึกอบรมอาหารแห่งประเทศไทย

หน่วยงานส่งเสริมผลิตภัณฑ์เนื้อของรัฐบาลออสเตรเลีย Meat & Livestock Autralia (MLA) ได้จัดกิจกรรมการแข่งขัน MLA Black Box Culinary Challenge 2011 เฟ้นหาเชฟกล่องดำจากทั่วโลก ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมากว่า 16 ปีแล้ว โดยตระเวณท้าประชันฝีมือเชฟเกือบ 4,500 คน จากทั่วโลก

สำหรับครั้งนี้ได้เวียนมาจัดแข่งขันที่ประเทศไทย ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพ เพื่อค้นหาสุดยอดทีมเชฟไทยเป็นตัวแทนไปประกวดระดับโลกที่ออสเตรเลียในปีหน้า โดยผู้ชนะเลิศ คือ สถาบันฝึกอบรมอาหารแห่งประเทศไทย รองอันดับ 1 คือ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพ และ รองอันดับ 2 โรงแรมรอยัล ออร์คิด เชอราตัน โฮเทล แอนด์ ทาวเวอร์

สำหรับการแข่งขันยังคงความเป็นต้นตำรับตำนานเชฟกล่องดำอย่างเข้มข้นครบถ้วน โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 วัน เริ่มจากวันแรก แต่ละทีมต้องรายงานตัวและเปิดกล่องดำปริศนาเพื่อค้นหาวัตถุดิบ โจทย์บังคับที่ต้องระดมสมองสร้างสรรค์สุดยอดเมนูในสไตล์ที่ตัวเองถนัด 4 เมนู ได้แก่ อาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer) ซุป (Soup) อาหารจานหลัก (Main course) และของหวาน (Dessert) แล้วนำเมนูไปเสนอต่อคณะกรรมการภายในเส้นตาย 1 ชั่วโมง

 

วันที่สอง ทำอาหารตามเมนูที่เตรียมไว้ คณะกรรมการจะเดินตรวจให้คะแนนทั้งเรื่องความสวยงาม การปรุงอาหาร ความอร่อย การทำงานเป็นทีมและสุขลักษณะ ท่ามกลางความตึงเครียดของผู้เข้าประกวด สำหรับการประกาศผลการแข่งขันในประเทศไทยครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นายเจมส์ ไวส์ เอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย และภรรยา เป็นประธานเปิดงานกาลาดินเนอร์และมอบรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศ

 

เมื่อจบการแข่งขัน สถาบันฝึกอบรมอาหารแห่งประเทศไทย คว้าแชมป์รายการนี้ไปครองพร้อมเงินรางวัลและตั๋วเครื่องบินไป-กลับออสเตรเลีย หัวหน้าทีมคือ พงศ์อนันต์ ศิริแสงชัยวัลย์ ส่วนลูกทีมประกอบด้วย เชฟจตุพร จึงมีสุข, เชฟทรงพล วิธานวัฒนา และเชฟจตุพร อ่อนพรม

หัวหน้าเชฟพงศ์อนันต์ ศิริแสงชัยวัลย์ แห่งสถาบันฝึกอบรมอาหารฯ กล่าวถึงความสำเร็จว่า ได้ดัดแปลงเมนูจากความรู้ที่ได้รับอบรมจาก MLA โดยเฉพาะการสร้างสรรค์เมนูเนื้อ รายละเอียดว่าชิ้นส่วนไหนเหมาะกับการปรุงอาหารอย่างไรที่จะดึงรสชาติออกมาได้ดีที่สุด ทำให้อาหารจานหลักเป็นตัวชูโรง สุดท้ายคือตื่นเต้นที่จะได้นำประสบการณ์นี้ มาเตรียมตัวสำหรับการเป็นตัวแทนเพื่อร่วมการแข่งขันในระดับโลกต่อไป

 

ส่วนเชฟจตุพร จึงมีสุข กล่าวว่า รู้สึกดีใจและตื่นเต้น โดยเฉพาะกับรอบใหญ่รอบสุดท้ายที่จะตัดสินผู้ชนะจากทั่วโลก การแข่งขันต้องใช้ประสบการณ์ความรู้และความชำนาญส่วนตัว เนื่องจากโจทย์ของการแข่งขัน เช่น วัสดุหลักในการใช้ประกอบอาหารจะคาดเดาไม่ได้เลย หากจะฝึกก็ต้องฝึกความสามารถของทีมให้พร้อมที่สุดและเปิดรับประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กว้างที่สุด

“สำหรับตำแหน่งชนะเลิศในครั้งนี้ ผมคิดว่า เป็นเพราะเทคนิคการปรุงของเราที่ทำให้เขาชอบ โดยโจทย์ที่ได้คือเนื้อชิ้นส่วนที่ไม่ค่อยได้ใช้กัน แต่เราสามารถนำเนื้อชิ้นยากมาแก้โจทย์ได้สำเร็จ ส่วนอีกรางวัลคือ เบสท์ดีเสิร์ท ของหวานยอดเยี่ยม ก็เป็นรางวัลที่เยี่ยมยอดมากๆ”เชฟจตุพรกล่าว

 

สำหรับเมนูรางวัลที่ชนะประกวดคือ Best Main Dish ได้แก่ Braised Australian Jack Creek Beef Brisket in Red Wine, with Beef Pithiviers Truffle Oil, Broccoli Puree and Aglio e Olio Linguine

ส่วน Best Dessert ได้แก่ Warm Milk Chocolate Cake with Raspberry Liquid, Cream Cheese Vanilla Jelly Strawberry Compote, Berries Millefeuille, Mango Caramel Sauce

อนึ่ง ในปีนี้มีผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งสิ้น 14 ทีม ได้แก่ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพ, คอนราด กรุงเทพ, โรงแรมคราวน์พลาซ่า ลุมพินี กรุงเทพ, วิทยาลัยดุสิตธานี, โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพ, โรงแรมโนโวเทล บางกอก ฟีนิกซ์ เพลินจิต, โรงแรมเรอเนสซองซ์ กรุงเทพ ราชประสงค์, โรงแรมรอยัล ออร์คิด เชอราตัน โฮเทล แอนด์ ทาวเวอร์, โรงแรมแชงกรีลา กรุงเทพ, โรงแรม สยาม เคมปินสกี้, โรงแรม สยาม แอท สยาม ดีไซด์ โฮเต็ล แอนด์ สปา, สถาบันฝึกอบรมอาหารแห่งประเทศไทย, วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยศิลปากร ทีม 1 และ 2