posttoday

สมุนไพรไทย เด็กใช้ได้ ผู้ใหญ่ใช้ดี

31 สิงหาคม 2554

“เป็นเฮิร์บฟอร์ออล (Herb For All) สำหรับปีนี้”

“เป็นเฮิร์บฟอร์ออล (Herb For All) สำหรับปีนี้”

โดย.. วันพรรษา อภิรัฐนานนท์

“เป็นเฮิร์บฟอร์ออล (Herb For All) สำหรับปีนี้” วิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแนวคิดหลักของงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติปีนี้ “ยาไทย เด็กใช้ได้ ผู้ใหญ่ใช้ดี” ที่มุ่งให้ประชาชนใช้สมุนไพรไทยเพิ่มขึ้น งานจัดขึ้นวันนี้เป็นวันแรก 31 ส.ค-.4 ก.ย. ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ยากำลัง...วิถีพลังแห่งดั้งเดิม

เมื่อพูดถึงยาบำรุงกำลัง วิถีชีวิตในอดีตถือว่ามีความจำเป็น เนื่องจากเดิมเราเป็นสังคมเกษตรกรรมที่ต้องการแรงงานในการเพาะปลูก ยิ่งมีลูกหลานมากเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะจะได้มีคนช่วยทำงานเพื่อเพิ่มผลผลิตและทดแทนแรงงานที่เข้าสู่วัยชรา การดูแลสตรีหลังคลอดฟื้นฟูสุขภาพก็สำคัญ เนื่องจากผู้หญิงเป็นทั้งแรงงานในไร่นาและดูแลครัวเรือน ที่สำคัญยังต้องมีร่างกายแข็งแรงเพื่อให้มีบุตรได้หลายคน

สมุนไพรไทย เด็กใช้ได้ ผู้ใหญ่ใช้ดี

สำหรับผู้ชายซึ่งเป็นแรงงานหลัก จำเป็นต้องมีร่างกายแข็งแรงและมีพละกำลัง เพื่อให้สามารถทำงานหนักในไร่นาได้ ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา สังคมสมัยก่อนก็ไม่ได้มองข้ามเรื่องความใกล้ชิดในชีวิตคู่ ที่ต่างฝ่ายควรทำหน้าที่ของตนอย่างไม่บกพร่อง ดังนั้น จึงพบสมุนไพรที่ใช้เป็นยาบำรุงกำลังมากมายหลายตำรับ ตามสภาพภูมิศาสตร์และวัฒนธรรมแต่ละพื้นที่

สมุนไพรยากำลัง หมายถึงสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการบำรุงกำลังสำหรับแม้คนปกติ ที่ต้องการให้มีเรี่ยวแรงกำลังวังชาในการทำงาน หรือบำรุงร่างกายไม่ให้เจ็บป่วย หรือเพื่อให้มีสมรรถภาพในการทำหน้าที่ของสามีภรรยาได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ยาบำรุงกำลังจึงเป็นยาที่คนปกติสามารถกินได้ โดยไม่ต้องเจ็บป่วยเสียก่อน ถือเป็นวิถีสุขภาพที่โดดเด่นอย่างหนึ่งของวัฒนธรรมการแพทย์ตะวันออก ซึ่งมีการใช้ทั้ง “ยารักษาโรค” และ “ยาบำรุง” ควบคู่กัน

หากย้อนกลับไปในอดีตจะพบว่า ชุมชนในประเทศไทยตั้งแต่เหนือจรดใต้ ต่างมียาต้มหม้อใหญ่ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรบำรุงสุขภาพมากมายหลายชนิดต้มรวมกัน เป็นสูตรหรือตำรับประจำหมู่บ้าน ยาต้มเหล่านี้อยู่คู่วิถีสังคมเกษตรกรรมในอดีต เมื่อคนกลับจากเรือกสวนไร่นา ก็แวะเวียนมา กินยาต้มกันไปคุยกันไป แต่เมื่อวิถีชีวิตเปลี่ยนแปลง ความเป็นชุมชนก็คลอนแคลนง่อนแง่น การดำรงอยู่ของยาบำรุงจากสมุนไพรก็เลือนหายไปด้วย

สมุนไพรไทย เด็กใช้ได้ ผู้ใหญ่ใช้ดี

“การใช้สมุนไพรบำรุงกำลังที่นิยมที่สุดวิธีหนึ่ง คือ ยาดองเหล้า เนื่องจากสมุนไพรหลายชนิดต้องดองเหล้าจึงจะได้ผลดี ในอดีตนิยมกินยาดองเมื่อมีงานบุญหรือดองไว้กินเฉพาะในครัวเรือน แต่ภาพพจน์ของยาดองก็เปลี่ยนไปในบริบทของสังคมปัจจุบันที่การบริโภคแอลกอฮอล์สูงขึ้น แม้จะยังพบเห็นยาดองตามซุ้มยาดองในงานวัดหรือร้านค้าในตลาดอยู่บ้าง แต่ผู้ที่นิยมชมชอบยาดองมักถูกมองว่า ถ้าไม่ติดเหล้าก็เป็นคนไม่มีความรู้ การกินยาดองจึงเป็นภูมิปัญญาที่ยังคงอยู่ในรูปของการใช้ แต่ขาดความเข้าใจในรากฐานแนวคิดของการใช้สมุนไพรยากำลัง

นอกจากดองเหล้า ก็ยังมีการดองน้ำผึ้ง ซึ่งเป็นการบำรุงร่างกายโดยได้โอสถสารจากสมุนไพรและน้ำผึ้งไปพร้อมกัน ถือเป็นอีกทางเลือกที่ปลอดภัย” (จากหนังสือบันทึกของแผ่นดิน 4 สมุนไพรยากำลัง โดย ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร)

กำลัง...มิติทางสัญลักษณ์

อีกความโดดเด่นของสมุนไพรคือชื่อ ซึ่งต้องมองกันในมิติของสัญลักษณ์ที่ปู่ย่าตายายท่านส่งต่อเป็นนัย โดยยาบำรุงส่วนใหญ่จะมีคำว่า “กำลัง” นำหน้า เพื่อสื่อสารให้รู้ว่าเพื่อใช้บำรุงเรี่ยวแรง และจะมีชื่อของช้าง ม้า วัว ควาย ซึ่งเป็นสัตว์ใช้แรงงานกำกับไว้อีกชั้นหนึ่ง ภาคเหนือเป็นม้ากับเสือ ภาคกลางมีวัว มีควายและมีช้าง เช่น กำลังช้างเผือก เจ็ดกำลังช้างสาร กำลังเสือโคร่ง กำลังทรพี กำลังวัวเถลิง กูดกีบม้า ตานคอม้า ม้าแม่ก่ำ ม้าสามต๋อน เป็นต้น

มีอีกหลายชนิดที่น่าสนใจเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็น หมากลิ้นช้าง ที่ว่ากันว่าร้อนแรงสร้างพลัง ตาไก้ ตานกกด เฒ่าบ่เป็น หรือพญาสามสิบสองเมีย เครือเขาแกบ โคกกระสุน สรรพคุณคือหลายนัด เฒ่าลืมไม้เท้า (หนุ่มสาวเดินไม่ทัน) ฮ่อสะพายควาย ยาฮากแดง ที่ว่ากันว่าแรงฤทธิ์ หรือยาฮากเหลือง ที่หนึ่งไม่มีสองเรื่องของกำลัง อีกหวายชะรอย ซึ่งเป็นยากำลังของพรานป่า อัคคีทวาร...เรียกขานยามต้องการพลัง ฟังชื่อแล้วหูผึ่งเลยใช่ไหมเล่า?

สมุนไพรไทย เด็กใช้ได้ ผู้ใหญ่ใช้ดี

หนึ่งในนั้นคือ กองกอยลอดขอน ที่ว่ากันว่าเป็นสมุนไพรขึ้นเขาของหลวงปู่มั่น กองกอยเป็นชื่อผีป่าตัวเล็ก มักจะเดินขาเดียว บางคนบอกกองกอยไม่มีลูกสะบ้าหัวเข่า ไปไหนมาไหนต้องกระโดดไป การที่กองกอยจะก้มลงลอดขอนได้ คงต้องมีความยืดหยุ่นยิ่ง ชื่อของสมุนไพรชนิดนี้จึงบอกสรรพคุณในตัวเขาเองได้อย่างดี ตาสุนทร พรหมราช หมอยาเมืองเลย เล่าว่า หลวงปู่มั่นจะใช้ยาต้มซึ่งมีกองกอยลอดขอนรวมอยู่ด้วย กรอกใส่หมากน้ำเต้าแห้งติดตัวไปด้วยเสมอยามออกธุดงค์ โดยจะมีญาติโยมเป็นผู้เก็บต้มถวายท่าน

อีกตัวคือกระท่อมเลือด หมอยาที่เชี่ยวชาญในการใช้กระท่อมเลือดมากที่สุดกลุ่มหนึ่งคือหมอยาไทยใหญ่ โดยใช้แก้เกี่ยวกับเลือดลม อีกชื่อหนึ่งของกระท่อมเลือดคือเป้าเลือดโห หรือยาปู่หย่องก็เรียก พ่ออนุ หมอยาไทยใหญ่เล่าให้ฟังเกี่ยวกับตำนานปู่หย่องว่า กาลครั้งหนึ่งมีสองผัวเมีย เมียผอมจนติดฟาก (พื้นกระท่อม) อ่อนแอจนจะเสียชีวิต ผัวจึงทิ้งเมียหนีไป ฝ่ายแม่ยายสงสารลูกสาว ตั้งจิตบนบานขอให้มียารักษาลูก

เทพยดาอารักษ์ตกดึกมาเข้าฝัน ให้ไปหาต้นไม้แถวหน้าผา พบต้นไหนมีรากเป็นหัว แล้วมีกิ่งมีก้านเลื้อยออกมา ให้ลองหักกิ่งดู หากมีเลือดไหลออกมา ให้เอามาทำยา ผู้เป็นแม่ดั้นด้นไป ในที่สุดก็พบ จึงนำหัวของสมุนไพรนั้นมาต้มให้ลูกกิน ลูกสาวหายวันหายคืนแถมกลับมาจิ้มลิ้มพริ้มเพรายิ่งกว่าเก่า ผัวรู้ข่าวอยากได้เมียคืน แต่เมียไม่ยอมคืนดีด้วย ทำให้ผัวเสียใจจนเป็นหย่อง คนจึงเรียกปู่หย่อง คำว่าหย่องในภาษาไทยใหญ่ หมายถึงบ้า

สมุนไพรไทย เด็กใช้ได้ ผู้ใหญ่ใช้ดี

เป็นข่าวไปหยกๆ คือ หมามุ่ย ที่ถือเป็นขุมทรัพย์ลูกผู้ชาย ตำรับหนึ่งเป็นของหมอยาเมืองเลย ตาเพ็ง สุขบัว ปัจจุบันอายุ 90 ปีแล้วแต่แข็งแรงมาก ไปดู (และชิม) ได้ในงาน หมามุ่ยเป็นยาบำรุงกำหนัด แก้อาการนกเขาไม่ขัน ในอินเดียมีงานวิจัยเกี่ยวกับสรรพคุณหมามุ่ยเพียบ (แล้วเขาก็ทำฟาร์มหมามุ่ยกันแล้วด้วย)

พึ่งตัวเองได้ดีที่สุด มหกรรมสมุนไพรฯ ปีนี้ไปร่วมเรียนรู้การปรุงยาง่ายๆ ตั้งแต่ยาดองหลากหลาย ดองเปรี้ยว ดองเกลือ ดองน้ำผึ้ง ยาฝน ยาต้ม ยาลูกกลอน เรียนรู้การปรุงอาหารจากข้าวและพืชผักสมุนไพร หลักสูตรอบรมระยะสั้นกว่า 40 หลักสูตร ได้แก่การทำลูกประคบสารพัน การทำชันตะเคียน การทำน้ำนัวปรุงรสแทนผงชูรส การนวดตนเอง ฯลฯ

นอกจากนี้ ก็ขอเชิญกันไปชิมสมุนไพรยากำลัง ตั้งแต่หมามุ่ย กำลังช้าง กำลังม้า กำลังวัว กำลังควาย ต้มให้กินตลอด 4 วันเต็ม อีกหนังสือทรงคุณค่าเกี่ยวกับสมุนไพรไทย “บันทึกของแผ่นดินเล่ม 4” ของ ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร แห่งโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่มิตรรักแฟนเพลงสมุนไพรจรดใจรอคอย หนังสือเล่มนี้ก็จะแจกให้ในงานด้วย


 

 

ข่าวล่าสุด

ล้ำไปอีกขั้น เสื้อกั๊ก AI ช่วยผู้ป่วยหลอดเลือดสมองขยับแขน