‘The Wise HR’ คุณเป็น HR ที่ฉลาดหรือเปล่า?

คำถามนี้เป็นหัวข้อของการสนทนาระหว่างผู้เขียนกับผู้อำนวยการ HR ของบริษัท MNC แห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา

โดย...รศ.ดร.ศิริยุพา รุ่งเริงสุข สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คำถามนี้เป็นหัวข้อของการสนทนาระหว่างผู้เขียนกับผู้อำนวยการ HR ของบริษัท MNC แห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ผู้เขียนได้พบกับเธอผู้นี้ในงานสัมมนา The Society for Human Resource Management (SHRM) ครั้งที่ 63 ที่ลาสเวกัส เมื่อปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมานี้ เธอมีประสบการณ์ทำงาน HR ในสหรัฐอเมริกาและในประเทศอื่นๆ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส อินเดีย จีน และเกาหลีใต้มาแล้ว เราคุยกันในช่วงดื่มกาแฟถึงแนวโน้มการบริหาร HR ทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตึงตัวทั่วโลก ซึ่งมีผลทำให้ผู้ที่ทำงานด้าน HR ต้องเผชิญแรงกดดันเรื่องงบประมาณที่จำกัด และต้องเครียดกับปัญหาสิ่งท้าทายต่างๆ ที่มารุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาสงครามแย่งชิงพนักงานดาวเด่น (War for Talent) ที่ทุกประเทศทั่วโลกล้วนขาดแคลน ปัญหาการพัฒนาบุคลากรให้มีความสามารถทันสืบทอดตำแหน่งบริหารที่สำคัญๆ จากผู้บริหารวัย Baby Boomers ที่กำลังทยอยเกษียณอายุออกไป ปัญหาการปรับกลยุทธ์การบริหาร HR ให้ทันกลยุทธ์ธุรกิจที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้งานด้าน HR มีพลวัต (Dynamism) สูงขึ้น คนทำงาน HR จึงไม่สามารถหยุดนิ่งแล้วทำงานเชิงรับได้ เพราะทั้ง CEO และผู้บริหารแผนกอื่นต่างก็มีคำสั่ง และคำร้องขอให้ HR แก้ปัญหาเรื่องคนตลอดเวลา HR คนไหนเชื่องช้า คิดช้า เรียนรู้ช้า คงยากที่จะรักษางานของคุณเอาไว้ได้ ผู้เขียนและผู้อำนวยการ HR ท่านนี้จึงสรุปว่าการเป็น HR ที่มีคุณภาพในทศวรรษต่อไปต้องเป็น HR ที่ฉลาด (The Wise HR) ซึ่งการจะวัดว่า HR คนไหนฉลาดหรือไม่ฉลาดนั้น เราสองคนได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จากแวดวงผู้บริหารที่เรารู้จักแล้วสรุปออกมาเป็นคุณสมบัติของ The Wise HR ได้ดังนี้

1.ต้องจัดลำดับความสำคัญ (Prioritization) ของเป้าหมายธุรกิจให้เป็น HR ต้องเข้าใจว่าการทำงาน HR ให้ได้ผลลัพธ์ตรงตามเป้าหมายธุรกิจ ก็ต้องยึดเป้าหมายธุรกิจเป็นหลัก แล้วตีโจทย์ให้แตกว่าต้องสร้างแผนกลยุทธ์ HR อะไรบ้างจึงจะช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าธุรกิจ ไม่ใช่หมกมุ่นแต่จะสร้างโครงการหรือโปรเจกต์ HR ที่ตนเองสนใจ ยกตัวอย่างเช่น HR รุ่นใหม่หลายคนได้เรียนรู้ว่าปัจจุบันนี้แนวคิดเรื่อง การสร้างแบรนด์นายจ้างกำลังมาแรง หัวใจของ HR ก็เลยมีแต่เรื่องอยากจะทำแบรนด์นายจ้าง โดยลืมพิจารณาว่าองค์กรของตนกำลังประสบปัญหาเรื่องบุคลากรขาดทักษะในการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นต้น มี HR หลายคนที่เป็นเช่นนี้ ดังนั้นต้องระวังข้อนี้ให้ดี มิฉะนั้น CEO จะมองว่าคุณเป็น HR ที่ขาดความเข้าใจเรื่องความเร่งด่วนทางธุรกิจ

2.เป็นผู้มีจินตนาการยังไม่พอ ต้องรู้จักบริหารผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ด้วย อีกนั่นแหละที่ HR มักเป็นผู้ที่สนใจเรียนรู้แนวทางการบริหาร HR สมัยใหม่ แล้วก็เลยเกิดอาการ “ร้อนวิชา” และ “อยากลองวิชา” โดยในใจมีจินตนาการอยากทำนู่นทำนี่มากมาย แต่พอถึงเวลาลงมือก็ไม่สามารถทำให้ CEO และผู้บริหารแผนกอื่นมองเห็นความสำคัญของโครงการที่ตนเองอยากนำเสนอ มีผลทำให้โครงการ “แป้ก” ไปตามระเบียบ HR ที่ฉลาดจึงต้องรู้ว่าใครคือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในโครงการนั้นๆ ใครคือ “คีย์แมน” ที่จะเปิดไฟเขียวให้ HR และใครคือคนสำคัญรองๆ ลงไปที่จะช่วยสนับสนุนให้โครงการดำเนินไปได้อย่างราบรื่น เมื่อรู้ว่าใครเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแล้ว ก็ต้องวิเคราะห์ว่าแต่ละคนมีเป้าหมายในการทำงานอย่างไร เพื่อที่ HR จะได้หาวิธีทางนำเสนอว่า โครงการของเราจะมีส่วนช่วยให้พวกเขาแต่ละคนบรรลุเป้าหมายในการทำงานอย่างไร เรื่องนี้เป็นสัจธรรมค่ะ เพราะคนทุกคนก็มักห่วงตัวเอง คิดถึงตัวเองก่อนคนอื่น

ดังนั้น แทนที่ HR จะเดินเข้าไปขอความช่วยเหลือจากพวกเขา HR ควรเปลี่ยนกลยุทธ์ด้วยการนำเสนอว่าโครงการของ HR จะช่วยสนับสนุนงานของเขาอย่างไร ถ้ามาแนวนี้ HR น่าจะได้รับความสนใจและการสนับสนุนมากกว่า

3.เป็นผู้ที่มีความรู้และมีคุณธรรม สำหรับเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องของการทำตามกระแสสังคมที่กำลังเน้นเรื่อง CSR แต่จากการศึกษาเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาจนปัจจุบัน ทำให้เราตระหนักในสัจธรรมอีกข้อหนึ่งคือ “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” ใครก็ตามที่เคยทุจริตก็มักจะถูกจับได้ ถูกเปิดโปงความชั่วในที่สุด HR ที่ฉลาดและรักจะเป็นผู้บริหารระดับสูงที่มีชื่อเสียงดำรงอยู่อย่างยั่งยืนต้องระวังตัวรักษาเครดิตเอาไว้ให้ดีๆ

หลัก 3 ประการนี้คงจะช่วยให้ HR ที่มีความรู้ด้าน HR ดี แต่ขาดประสบการณ์และวิจารญาณทางธุรกิจได้ข้อคิดในการปรับทัศนะคติและกลยุทธ์ในการทำงานให้ประสบความสำเร็จอย่างราบรื่นและยั่งยืนสมเป็น “The Wise HR” นะคะ