ชัยภูมิ เมืองพันปี
เท้าความจากวันเสาร์ที่แล้วในตอน “ทางไดโนริมรั้วเสมา” ที่ได้กล่าวถึงใบเสมา จ.กาฬสินธุ์
เท้าความจากวันเสาร์ที่แล้วในตอน “ทางไดโนริมรั้วเสมา” ที่ได้กล่าวถึงใบเสมา จ.กาฬสินธุ์
โดย.. กาญจน์ อายุ
เท้าความจากวันเสาร์ที่แล้วในตอน “ทางไดโนริมรั้วเสมา” ที่ได้กล่าวถึงใบเสมา จ.กาฬสินธุ์ ที่พบเห็นได้มากตามสถานที่สำคัญทางศาสนา เป็นสิ่งบอกเขตแดนของวัดและเป็นที่จารึกพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า แต่การค้นพบใบเสมามิได้จำกัดอยู่เฉพาะที่กาฬสินธุ์ ในจังหวัดใกล้เคียงอย่างชัยภูมิก็มีการค้นพบใบเสมาสมัยทวารวดีสมัยเดียวกันกับที่กาฬสินธุ์จำนวนมากเช่นกัน เป็นสิ่งแสดงความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในสมัยนั้นว่ามีแสนยาในภาคอีสานปัจจุบันเพียงใด
ใบเสมาที่พบใน จ.ชัยภูมิ มีอยู่อย่างกระจัดกระจายสามารถพบเห็นได้ตามริมรั้วบ้านที่อยู่ใกล้วัด เช่น หมู่บ้านกุดโง้ง จะพบใบเสมาตั้งอยู่ตามริมทางจนเป็นสิ่งธรรมดา แต่ด้วยความสำคัญทางประวัติศาสตร์มันจึงถูกเก็บรวบรวมไว้ที่วัดศรีปทุมคงคาราม เมื่อปี พ.ศ. 2538 เพราะใบเสมาบางส่วนถูกลักลอบขุดไปขาย
ใบเสมาที่เก็บรวบรวมไว้อยู่ในอาคารที่สร้างขึ้นมาเป็นอาคารคลุมถาวร มองจากภายนอกนึกว่าเป็นที่เก็บของสำคัญทางศาสนาคริสต์ เพราะดูจากเสาที่เป็นลักษณะโรมันตะวันตก ไม่มีเค้าโครงความเป็นไทยหรือลักษณะของวัดไทย แต่พอเดินเข้าไปดูใกล้ๆ สิ่งที่วางอยู่ด้านในคือใบเสมาโบราณ ความขัดแย้งที่เห็นได้ชัดเจนดูอย่างไรก็ไม่เข้ากัน แต่จะให้ทุบทิ้งแล้วสร้างใหม่ก็เปลืองงบประมาณเสียเปล่าๆ จึงขอฝากไว้เป็นตัวอย่างการสร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆ ควรมองความเหมาะสมและความกลมกลืนกับสิ่งรอบข้างด้วย มิเช่นนั้นมันจะดูไม่งามและยังลดคุณค่าสิ่งล้ำค่าโดยไม่จำเป็น
จากคำบอกเล่าของนายผดุงศักดิ์ แสงเพชร ผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม จ.ชัยภูมิ กล่าวไว้ว่า ใบเสมาที่บ้านกุดโง้งนี้มีทั้งใบเสมาที่สลักภาพและแบบเรียบๆ และจากการศึกษาเปรียบเทียบกับใบเสมาที่เมืองฟ้าแดดสงยาง จ.กาฬสินธุ์ สามารถกำหนดอายุของใบเสมาบ้านกุดโง้งได้ว่าพวกมันมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 1416 หรือสมัยทวารวดีเช่นเดียวกับที่กาฬสินธุ์ และพวกมันถูกสลักขึ้นเนื่องในศาสนาพุทธนิกายเถรวาท
ใบเสมาที่น่าศึกษาในวัดศรีปทุมคงคารามอยู่ที่ใบเสมาแกะสลักเรื่องราวพุทธชาดกอย่างสวยงาม หนึ่งแผ่นเล่าชาดกหนึ่งเรื่อง ดังนั้นใบเสมาทั้ง 9 แผ่นจึงเหมือนโฟโตบุ๊กของคนสมัยก่อนที่ยั่งยืนยงจนถึงปัจจุบัน
นอกจากใบเสมาที่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์สมัยทวารวดีแล้ว นายผดุงศักดิ์ยังได้พาไปพบกับพระพุทธรูปที่แกะมาจากหิน กล่าวคือเป็นการแกะพระพุทธรูปที่ผนังหินบนเนินเขาเตี้ยๆ ที่ในวันนี้เป็นสถานที่ตั้งของวัดศรีชมภูองค์ตื้อ พบพระพุทธรูปหลายขนาดรวมทั้งหมด 9 องค์ องค์ใหญ่สุดเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 5 ฟุต สูง 7 ฟุต ชื่อว่า พระเจ้าองค์ตื้อ นั่งท่าขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ขวาวางอยู่ที่พระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ซ้ายอยู่ที่พระชงฆ์ (แข้ง) ผิดจากท่ามารวิชัยทั่วไปที่พระหัตถ์ทั้งสองข้างจะวางสลับที่กัน พระพุทธรูปที่พบมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 1819
ในบริเวณเดียวกันมีพระพุทธรูปพระสาวกอีก 7 องค์ นั่งเรียงรายอยู่ใต้เนินหิน ตรงจุดนี้นายผดุงศักดิ์ให้ข้อสังเกตพระพุทธรูปที่มีลักษณะต่างกันว่า บางองค์เป็นพระพุทธรูปแบบพม่า ดูได้จากด้านบนเศียรจะกว้างเพราะพระพม่าใส่หมวก ส่วนพระพุทธรูปองค์อื่นจะเป็นรูปแบบของพระไทย นายผดุงศักดิ์บอกถ้ามองให้ดีจะเห็นพระพุทธรูป 9 องค์ นั่นเพราะมีองค์หนึ่งขนาดเล็กแกะสลักอย่างแนบเนียนบนหินข้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่
พระเจ้าองค์ตื้อเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวบ้าน ต.นาเสียว และผู้ศรัทธา ทุกๆ ปีจะมีชาวบ้านมาไหว้พระเจ้าองค์ตื้อในกลางเดือน 5 เป็นที่เลื่อมใสเรื่องการขอบุตรหรือบุตรชาย ที่ใครได้บนบานต่อพระเจ้าองค์ตื้อแล้วจะได้บุตรสมความปรารถนา พระเจ้าองค์ตื้อได้ถูกประกาศขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากรให้เป็นโบราณวัตถุสถานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478
โบราณสถานอีกแห่งสมัยทวารวดีที่ยังสมบูรณ์อยู่ คือ ปรางค์กู่ ที่ ต.พิมาย ศิลปะที่พบคือประตูหลอกด้านทิศเหนือที่มีทับหลังติดอยู่ จำหลักภาพตรงกลางเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งปางสมาธิเหนือกาลถือพวงมาลัยไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ด้านข้างทางซ้ายและขวาจำหลักรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 4 กร กับรูปนางปรัชญาปารมิตาด้านหน้ามีทับหลังเช่นกัน ที่ช่องประตูหลอกด้านทิศเหนือยังมีพระพุทธรูปศิลาปางสมาธิ ศิลปะแบบทวารวดีขนาดสูง 1.75 เมตร หน้าตักกว้าง 7.5 เมตร ประดิษฐานอยู่ 1 องค์ ซึ่งเป็นของที่เคลื่อนย้ายมาจากที่อื่น
ชัยภูมิเป็นที่รู้จักกันในเรื่องทุ่งดอกกระเจียว ดึงนักท่องเที่ยวมาชมความงามในเดือน มิ.ย.ส.ค.ของทุกปี แต่มีอยู่ในช่วงระยะเวลาหนึ่งทาง อบต.ซับสีทอง พยายามประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ “ปรงพันปี” มีการติดตั้งป้ายบอกทางไปชมปรงพันปีประปราย แต่ความพยายามนี้ไม่ประสบความสำเร็จเพราะหนทางไปยากลำบาก ไม่มีถนนตัดเข้าถึงต้องใช้รถโฟร์วีลขึ้นไปชมอย่างเดียว
และหลังจากที่การโปรโมตปรงพันปีไม่เป็นผลทำให้เส้นทางไปสู่ป่าปรงพันปีเป็นป่ารกทึบ พอจะเห็นเป็นทางรถผ่านบ้าง แต่โชคดีที่การเดินทางครั้งนี้มีผู้รู้เส้นทางแถมยังมีรถจี๊ป โฟร์วีล เป็นยานพาหนะ พี่ปล้ำ เจ้าถิ่นเจ้าของรถที่พาเราขึ้นไปเคยขึ้นไปชมป่าปรงพันปีกับพวกพ้องโฟร์วีลด้วยกันมาก่อนแล้ว แต่หนทางที่เจอในปีนี้เขาบอกไปยากกว่าเดิม เพราะเป็นช่วงหน้าฝนแถมยังมีกิ่งก้านต้นไม้ขวางทาง
ปรงพันปีที่ว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าภูแลนคาด้านทิศเหนือ และเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา ท้องที่ ต.ซับสีทอง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 859 เมตร แต่ด้วยหนทางที่ลำบาก ชัน ขรุขระ และเป็นป่ารก จึงต้องใช้เวลาขับรถโฟร์วีลไต่ขึ้นไปเริ่มต้นจากที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลซับสีทองถึงบ้านบ่อทองคำประมาณ 11 กิโลเมตร จากบ้านบ่อทองคำเดินทางตามเส้นทางที่เคยใช้ชักลากไม้ในป่าขึ้นเขาถึงบริเวณป่าปรง 9 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง รวมระยะทางจากที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลซับสีทองถึงบริเวณป่าปรงประมาณ 20 กิโลเมตร ระหว่างนั่งอยู่ในรถก็ต้องหาที่จับให้มั่นเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวไปกระแทกกับคนข้างๆ และของแข็งในรถ ดินแดงที่ดีดขึ้นติดกระจกทุกด้านเป็นสิ่งบอกความเปียกแฉะบนพื้นด้านล่าง แต่คนขับรถบอกยังดีที่ดินไม่ลื่นทำให้ขับได้ง่ายและปลอดภัยกว่า
วิวสองข้างทางมีแต่ต้นไม้ กอไผ่ หน่อไม้ และเห็ดป่าที่ขึ้นเป็นดอกเห็ดในหน้าฝน แต่ก็เป็นธรรมชาติแท้ๆ ได้ไม่นาน ในบางช่วงผืนป่ากลับถูกแทนด้วยไร่มันสำปะหลังและสวนยางกลายเป็นพื้นที่โล่งเตียนแถมในดินยังมียาฆ่าแมลงสะสม พิสูจน์ได้จากสภาพของหญ้าตายรอบบริเวณที่เป็นสวนเป็นไร่ เห็นแล้วก็วิตกทั้งคนทั้งธรรมชาติ เป็นห่วงคนด้านล่างภูเขาที่อาจต้องใช้น้ำฝนสะสมสารเคมี และเป็นห่วงธรรมชาติที่ต้องมาตายและฟื้นฟูตัวเองได้ยาก
ยิ่งขับรถสูงขึ้นเท่าไหร่บรรยากาศเริ่มขมุกขมัวด้วยกลุ่มหมอกที่เริ่มลงจัด สายฝนที่เริ่มลง และกระแสลมแรง จนกระทั่งได้ลงจากรถเมื่อถึงจุดที่มีต้นปรงชุกชุม กระแสลมที่กระแทกเข้าตัวมันแรงจนน่ากลัว เสียงหวีดหวิวของต้นไผ่ดังกระหึ่ม ต้นไม้ทุกต้นเอนไปตามแรงลม หมอกหนาลงจัด ฝนตกหนักเบาเป็นช่วงๆ เป็นบรรยากาศที่ทำให้คิดถึงข่าวเฮลิคอปเตอร์ตกที่แก่งกระจาน เพราะบรรยากาศที่เป็นสาเหตุของอุบัติเหตุคงไม่ต่างไปจากที่เห็นอยู่นี้ โดยเฉพาะความแรงของลม มันกระแทกเข้าภูเขาแล้วม้วนตัวหายไปเป็นจังหวะ ถ้ายึดเท้าไว้ไม่ดีอาจโยนไปตามกระแสลมได้ ดังนั้นเราจึงใช้เวลาอยู่บนป่าปรงพันปีไม่นานนัก แต่นานพอที่จะเห็นความสมบูรณ์ของผืนป่าปรง
ตามปกติต้นปรงจะเติบโตได้ช้ามาก แต่ที่บนภูแลนคาลำต้นปรงสูงลิ่วอย่างกับต้นมะพร้าวแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จากการตรวจสอบต้นปรงบริเวณป่า ต.ซับสีทอง พบว่าต้นปรงในบริเวณพื้นที่สำรวจเกิดเป็นกลุ่มกระจายหย่อมๆ ตามบริเวณหน้าผา และกระจายอยู่ทั่วบริเวณยอดเขา ต้นปรงที่นี่มี 2 ชนิด ชนิดที่ 1 ปรงเขา ลำต้นสูงประมาณ 12 เมตร ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 600-1,300 เมตร กระจายพันธุ์ขึ้นตามป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้งหรือดิบเขา
ชนิดที่ 2 ปรงชัยภูมิ หรือปรงเท้าช้าง หรือปรงไอ้ตีนโต ลำต้นสูง 1-3 เมตร โคนต้นแบนคล้ายเท้าช้าง การนับอายุต้นปรงอยู่ในสังคมพืชระบบนิเวศป่าเต็งรังมาหลายร้อยปี จากการสุ่มเลือกต้นปรงที่มีความสูงประมาณ 6 เมตร นับอายุจากวงรอบลำต้นที่เกิดจากการเจริญเติบโตในแต่ละปี นำมาคิดค่าเฉลี่ยของจำนวนปีพบว่าต้นปรงเขาที่ตรวจสอบจะมีอายุเฉลี่ยประมาณ 100 ปี
แต่แม้ว่าการเดินทางจะลำบากและอยู่สูงมากแค่ไหนก็ยังพบร่องรอยการขุดต้นปรงด้วยน้ำมือมนุษย์ เห็นแล้วก็น่าเสียดายธรรมชาติที่มันอุตส่าห์ฟูมฟักมาเป็นหลายสิบปี แต่ถูกขุดไปตั้งโชว์ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เพราะราคาซื้อขายต้นปรงอยู่ที่ประมาณต้นละ 1-3 หมื่นบาท
และในบรรยากาศเช่นนี้เราได้พบกับคุณของธรรมชาติอย่างหนึ่ง เพราะแม้ว่าลมตรงร่องเขาจะแรงมาก แต่เมื่อเดินเข้าไปในผืนป่าลมกลับสงบเงียบผิดไปจากด้านนอกอย่างสิ้นเชิง นั่นเป็นเพราะธรรมชาติมันสร้างความสมดุลของมันเองและมันก็สร้างประโยชน์และความปลอดภัยกับเราด้วย แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรที่จะไปทำลายธรรมชาติ
พวกเรารีบเก็บภาพ เก็บบรรยากาศ เก็บความประทับใจในความเกรี้ยวกราดของกระแสลม แล้วรีบกลับลงสู่ผืนดิน ตอนขากลับใช้เวลานานกว่าขามาเพราะดินเริ่มเละกว่าเดิมจากปริมาณฝนที่ห่อหุ้มมานาน จนถึงช่วงหนึ่งบริเวณกอไผ่ขนาดใหญ่ล้อรถเกิดติดหล่มลากตัวเองไม่ขึ้นจากหลุม พี่ปล้ำคนขับจึงต้องให้ทุกคนลงจากรถแล้วจัดการใช้วินช์ดึงรถขึ้นจากหลุม วินช์คืออุปกรณ์ลากรถเป็นสายสลิงที่ต้องนำไปคล้องกับต้นไม้ใหญ่ ใช้มอเตอร์ดึงให้สายสลิงดึงรถให้ขึ้นอีกต่อหนึ่ง พี่ปล้ำใช้เวลายื้อยุดกับความลึกของหลุมไม่ถึง 5 นาที แต่ดูท่าเหนื่อยน่าดู คนดูอย่างเราก็พลอยลุ้นเหนื่อยไม่ต่างกัน เพราะบรรยากาศในตอนนั้นมีแสงน้อยลงทุกที หากลากรถไม่ขึ้นมีหวังต้องกินข้าวลิง
ด้วยระยะทางและหนทางสู่ป่าปรงพันปียากลำบากและไม่มีป้ายบอกทาง


