posttoday

กินข้าวกินปลา

12 สิงหาคม 2554

ไปไหนมา กินข้าวกินปลาแล้วหรือยัง?

ไปไหนมา กินข้าวกินปลาแล้วหรือยัง?

โดย.. รอยนวล

ไปไหนมา กินข้าวกินปลาแล้วหรือยัง?

คนไทยเราคุ้นเคยดีกับคำถามหรือคำทักทายแบบนั้น แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปเด็กรุ่นใหม่ส่วนหนึ่งก็ตั้งคำถามว่า ทำไมต้องกินข้าวกินปลา? คงจะไม่ได้อยากกวนบาทาหรืออะไร แต่เพราะพวกเขาต่างเติบโตมาด้วยเบอร์เกอร์ พิซซา ไก่ทอด เฟรนช์ฟรายด์ ฯลฯ ผิดแผกกับคนรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย

ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยนั้นมีแม่น้ำลำคลองมากมาย ทั้งยังมีชายฝั่งทะเลยาวเหยียด ทำให้บ้านเราเป็นแหล่งอาหารประเภทปลานานาชนิด ส่วนที่ราบลุ่มอุดมสมบูรณ์ก็ปลูกข้าวได้งอกงาม นั่นจึงกลายเป็นที่มาของคำว่า “ในน้ำมีปลาและในนามีข้าว” ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา อาหารการกินแบบสามัญของคนไทยที่หาได้ไม่ยากเลยคือ ข้าวและปลา กระทั่งกลายเป็นที่มาของคำว่า “กินข้าวกินปลา” “กับข้าวกับปลา” เป็นต้น

ไม่ได้มีเพียงคนไทยที่กินข้าวกินปลากันเป็นหลัก คนญี่ปุ่น คนอินโดนีเซีย หรือหลายประเทศในแถบเอเชีย ต่างกินข้าวกับปลาทั้งนั้น โดยในแต่ละประเทศก็มีเมนูเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป สำหรับคนไทยแล้วกินข้าวกินปลานั้นต้องมีน้ำพริกและผักเสริมเข้าไปมันถึงจะอร่อยและได้คุณค่าทางอาหาร เพราะปลานั้นเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี

กินข้าวกินปลา

คนชอบกินปลานั้นไม่หยุดยั้งที่ปลาสามัญอย่าง ปลาช่อน ปลาดุก ปลานิล ปลาตะเพียน ฯลฯ พวกเขามักจะเสาะแสวงหาปลารสเลิศที่บ้างหายาก บ้างแพงหูฉี่ ถ้าถามว่า ปลาอะไรอร่อยที่สุด บางคนอาจจะบอกว่าปลาบึก บ้างก็ว่าปลาสะแงะ อย่างหลังนี้แค่ชื่อหลายคนก็ไม่คุ้นแล้ว ความจริงยังมีปลาอีกมากที่เราไม่รู้จักและยังไม่เคยชิม

หลายปีก่อนโน้น เมื่อได้ไปเยือนเมืองปาย ผู้เขียนได้มีโอกาสไปชิมปลาสะแงะผัดเผ็ด แม่เจ้าโว้ยยยยย อร่อยชนิดที่นำมาโม้ให้ใครๆ ฟังสิบปีไม่จบไม่สิ้น ความอร่อยมันอาจจะมาเพราะเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ด้วยส่วนหนึ่ง ที่แน่ๆ เนื้อของปลาชื่อแปลกและรูปร่างประหลาด (คล้ายปลาไหล แต่ขนาดใหญ่กว่า) ชนิดนี้ไม่เหมือนใคร สะแงะเป็นปลาหนัง มีเนื้อแน่นหนึบๆ กรุบๆ คล้ายปลาบึก แต่ไม่เหมือนเสียทีเดียว นำไปปรุงด้วยวิธีอื่นๆ อาจจะติดคาวนิดๆ แต่ถ้าเป็นผัดเผ็ดละก็ เครื่องปรุงสมุนไพรทั้งหลายดับคาวได้ดี แถมยังเผ็ดร้อนโดนใจถูกลิ้นคนไทยเป็นอย่างมาก (มื้อนั้นมีเขียดแลวทอดกระเทียมพริกไทยด้วย หรอยจังฮู้นิ เอ๊ย รำแต้ๆ เจ้า)

และฤดูหนาวปีที่แล้วผู้เขียนก็มีโอกาสได้กลับไปแม่ฮ่องสอนอีกครั้ง คราวนี้ดั้นด้นไปจนถึงแม่สะเรียงและลัดเลาะไปเยือนลุ่มน้ำสาละวินติดชายแดนพม่านู่น (วันนี้ชาวบ้านย่านนั้นกำลังเดือดร้อน เพราะเจอกับพายุฝน น้ำท่วม ดินสไลด์ ทำให้เส้นทางสัญจรขาด หลายครอบครัวต้องเสียบ้าน อย่างไรก็ขอส่งกำลังใจไปให้ทุกคนฝ่าฟันภัยธรรมชาติครั้งนี้ไปให้ได้) เมื่อไปถึงท่าเรือเพื่อเดินทางล่องแม่น้ำ ผู้มาเยือนก็จะได้เห็นรูปปั้นปลาอยู่ใกล้ๆ ท่าเรือ และปลาตัวนั้นเรียกว่า ปลาคม

กินข้าวกินปลา

ปลาคม นับเป็นสัตว์เศรษฐกิจของย่านนี้ เพราะชาวบ้านจับมาขายได้เงินเป็นกอบเป็นกำ จนต้องสร้างรูปปั้นเพื่อสำนึกบุญคุณ!? ปลาคมรูปร่างคล้ายกับปลาคาร์ป ตัวสีทองอมฟ้ามีหนวด แต่ตัวใหญ่กว่ามาก อาจจะมีความยาวเป็นเมตร หนักเกือบร้อยกิโลกรัมก็เป็นได้ ปลานี้มีก้างเยอะ แต่รสชาติอร่อย โดยเฉพาะถ้านำมาต้มยำ (ความคิดเห็นส่วนตัว)

ทริปนั้นเราพักกันริมแม่น้ำในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติสาละวิน เมื่อก้าวเข้าสู่ที่ทำการ เราก็ได้เห็นแผ่นภาพแสดงสายพันธุ์ปลาในแม่น้ำสาละวิน ในจำนวนปลาทั้งหมด เรารู้จักอยู่สัก 10% เห็นจะได้ สาละวินนั้นเป็นแม่น้ำสายยาวที่มีต้นกำเนิดจากทิเบตไหลเรื่อยมายังจีน พม่า ไทย (ไหลมารวมกับแม่น้ำเมยที่บ้านสบเมย จ.แม่ฮ่องสอน) และวกกลับไปทะเลที่พม่าอีกที น้ำคง (สาละวิน) แห่งนี้ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตหลากหลาย เฉพาะพันธุ์ปลาที่พบในเขตไทยนั้นก็นับได้เกือบร้อยชนิด ทั้งปลาเกล็ดและปลาหนัง สร้างอาชีพชาวประมงและพ่อค้าปลาให้ผู้คนย่านนี้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน

ใครอยากลองลิ้มปลาสะแงะ ปลาคม หรือปลาแปลกๆ อื่นๆ แบบสดๆ ก็เห็นทีต้องขึ้นเหนือไปถึงแม่ฮ่องสอน ถ้าลองไปถามคนท้องถิ่นว่า กินปลาสาละวินร้านไหนอร่อยที่สุด เขาอาจจะบอกว่า ธนโภชนา (หรือธนบริการ) ในแม่สะเรียง ร้านนี้บรรยากาศดี เพราะอยู่ติดทุ่งนา เจ้าของร้านนั้นก็เชี่ยวชาญเกี่ยวปลาสาละวินเป็นอย่างมาก เลยทำอะไรก็อร่อยไปโหม้ด ลองสืบเสาะดั้นด้นไปชิมกันดูนะพี่น้อง เพราะผู้เขียนก็ยังไปไม่ถึงเหมือนกัน 555

เขียนมาถึงตรงนี้ก็ให้รู้สึกหิวขอพักไปกินข้าวกินปลาก่อนก็แล้วกัน  

 

ข่าวล่าสุด

ป.ป.ส. ผนึก DEA สหรัฐฯ เตรียมจัดประชุม Regional IDEC 2026 ที่เชียงราย