ฮุ่งเฮืองธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ภูมิปัญญาชาวอุบล
เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูฝน เป็นสัญญาณว่างานบุญใหญ่ของชาวพุทธศาสนาในประเทศไทยกำลังเริ่มขึ้น
เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูฝน เป็นสัญญาณว่างานบุญใหญ่ของชาวพุทธศาสนาในประเทศไทยกำลังเริ่มขึ้น
โดย..จารินี โกศะรถ
15 ค่ำ เดือน 8 คือวันอาสาฬหบูชา และถัดมาเพียงอีกหนึ่งวันคือ แรม 1 ค่ำ เดือน 8 ซึ่งเป็นวันเข้าพรรษา และกิจกรรมที่มาพร้อมวันเข้าพรรษานั่นก็คือการแห่เทียนพรรษาเข้าวัด อันเป็นประเพณีที่มาพร้อมกับศิลปวัฒนธรรมที่งดงามของประเทศไทย
การแห่เทียนพรรษานั้น เริ่มขึ้นในสมัยที่บ้านเรายังไม่มีไฟฟ้าใช้ เนื่องจากพระสงฆ์ต้องอยู่จำพรรษาที่วัดเป็นเวลา 3 เดือน การใช้เทียนเพื่อให้แสงสว่างนั้น นับเป็นสิ่งสำคัญมากในยามกลางคืนที่นอกจากจะเป็นสิ่งที่ส่องให้เห็นสิ่งต่างๆ แล้ว พระสงฆ์ยังใช้แสงสว่างในการอ่านตำรา ท่องพระธรรม อีกด้วย
ความเชื่อของอานิสงส์ในการหล่อเทียนเพื่อนำเทียนพรรษาไปถวายยังวัดนั้น ผู้เฒ่าผู้แก่บอกต่อเป็นมุขปาฐะว่า จะทำให้ผู้ที่ร่วมงานบุญแห่เทียนนั้น มีปัญญาดี เหมือนแสงสว่างของเทียน ดังนั้น การแห่เทียน หล่อเทียน จึงเป็นสิ่งที่พุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่าจัดกิจกรรมและกระทำกันทุกๆ ปี
และงานแห่เทียนพรรษาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทยนั้น อุบลราชธานีคือจังหวัดที่มีผู้คนกล่าวถึงมากที่สุด เหตุเพราะเสน่ห์ของงานอยู่ที่ความสวยงามของขบวนแห่ที่ประดับตกแต่งเทียนพรรษาที่สวยสดงดงาม บ่งบอกถึงชั้นฝีมือที่เหนือชาติใดในเรื่องของความประณีตบรรจง และการถ่ายทอดเรื่องราวของพุทธชาดก และตำนานเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าออกมาได้เป็นอย่างดี ซึ่งนั่นแสดงถึงความเข้มข้นของศรัทธาที่มีต่อศาสนาประจำชาติของตน ยิ่งไปกว่านั้น งานนี้ยังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เรียกคนต่างชาติให้มาท่องเที่ยวเมืองไทยได้เป็นจำนวนมาก ไม่แพ้เทศกาลอื่นๆ ของไทย
เดิมทีชาวอุบลราชธานี เริ่มทำต้นเทียนเพื่อประชันความสวยงามกัน ตั้งแต่ พ.ศ. 2470 โดยจัดงานแห่เทียนกันเฉพาะในคุ้มวัดละแวกบ้านของตนเองเท่านั้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2520 อุบลราชธานีได้จัดประเพณีแห่เทียนพรรษาครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น และนำเหล่าต้นเทียนของแต่ละคุ้มวัดมารวมตัวกันที่ทุ่งศรีเมืองและจตุรมุข เพื่อประกวดหาต้นเทียนที่มีความสวยงามและวิจิตรบรรจงมากที่สุด
นับจากนั้นเป็นต้นมา งานแห่เทียนพรรษาที่ จ.อุบลราชธานี จึงจัดต่อเนื่องกันมาทุกปีอย่างยิ่งใหญ่ จนกลายเป็นประเพณีที่สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เช่นเดียวกับปี 2554 นี้ ล่วงเวลามา 84 ปีแล้ว ประเพณีนี้ก็ยังดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและสวยงามมากขึ้นเรื่อยๆ และได้รับความสนใจจากประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก
ซึ่งในปีนี้ ก็เช่นเดียวกับหลายๆ ปีที่ผ่านมา เหล่าขบวนแห่เทียนพรรษาของหมู่บ้านต่างๆ ก็สรรค์สร้างกันอย่างสวยงาม ลวดลายแกะสลักที่บรรจงลงบนเทียนขี้ผึ้งนั้น บ่งบอกถึงศรัทธาและความตั้งใจยิ่งของผู้ทำ การเห่ร้อง ร่ายรำ ในท่วงท่าและใบหน้าที่เปี่ยมสุขแสนจริงใจนั้น นับเป็นสีสันของงานที่หลายคนต่างหลงใหล
แม้หลายคนเคยวิพากษ์วิจารณ์ว่าในปัจจุบันนี้คงคล้ายจะเป็นคราวที่พุทธศาสนาเสื่อมโทรมลงไป และสุดท้ายจะถึงกาลวิบัติ ประเพณีแห่เทียนพรรษาของ จ.อุบลราชธานี น่าจะเป็นสิ่งที่ค้านคำพิพากษ์เหล่านี้ได้ไม่มากก็น้อย


