ที่สุนัขปัสสาวะ
ยากจะสืบหาต้นตอว่าใครที่ริเริ่มคิดใช้ “ขวดใส่น้ำ” ไปวางไว้ตามจุดต่างๆ
ยากจะสืบหาต้นตอว่าใครที่ริเริ่มคิดใช้ “ขวดใส่น้ำ” ไปวางไว้ตามจุดต่างๆ
โดย..ธนพล บางยี่ขัน
ป้องกันไม่ให้สุนัขมาฉี่ใส่ จนกลายเป็นอีกทางเลือกที่หลายคนแห่ทำตามกันทั้งบ้านทั้งเมือง
บ้างก็ว่า หมาเห็นเงาในขวดน้ำจะนึกว่าเป็นหมาตัวอื่นเลยไม่กล้าฉี่บ้าง บ้างก็ว่าขวดน้ำยามกระทบแสงจะส่องตาหมาจนไม่อยากเข้าใกล้ บ้างว่าขวดน้ำที่ตั้งไว้ แล้วสุนัขไปฉี่จะกระเด็นใส่ตัวเอง ฯลฯ
จาก “ความเชื่อ” ที่ถูกหล่อเลี้ยงด้วย “เหตุผล” ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่ค่อยเป็นเหตุเป็นผล กลายเป็นแรงผลักดันสร้างความ “คาดหวัง” ในภาวะไร้หลักยึดเหนี่ยว
บางคนถึงขั้นยอมสละทัศนียภาพหน้าบ้าน นำขวดน้ำมาเรียงราย เพียงเชื่อว่า “สุนัข” จะไม่มาปล่อยฉี่ประกาศอาณาเขต ทั้งที่ต่อมาจะเริ่มรู้ว่าขวดเหล่านี้ไม่ได้ผลอย่างที่บอกต่อๆ กันมา
สุดท้าย “เหตุผล” ที่ผ่านการไตร่ตรอง ทดสอบ ใคร่ครวญ อย่างดี ย่อมไปทดแทนที่ “ความเชื่อ” ในที่สุด
ระยะหลัง “ขวดใส่น้ำ” จึงเป็นเทคนิคที่ค่อยๆ เลือนหายไป แทบไม่มีใครพูดถึง ที่พึ่งอื่นๆ จึงเริ่มถูกนำมาใช้ทดแทน ทั้งใช้น้ำส้มสายชู หรือพริกไทยไปโรยตามพื้นเมื่อหมามาดมก็จะเดินหนีไป หรือสเปรย์กระป๋องสำหรับฉีดกันหมาฉี่ที่วางขายกันเกลื่อนกลาด หรือติดตั้งเครื่องปล่อยระบบเสียงคลื่นความถี่ในระดับที่สุนัขไม่ชอบ ซึ่งเห็นผลชัดเจนกว่า “ขวดใส่น้ำ”
นี่แค่หนึ่งในตัวอย่างน่าสนใจที่สะท้อนสภาพอะไรบางอย่างในสังคม !!!
เรื่อง “ปัสสาวะ” ในบ้านนี้เมืองนี้ยังมีอะไรน่าสนใจอีกมาก โดยเฉพาะตัวอย่างสุดคลาสสิก ว่าด้วยเรื่องป้าย “ห้ามปัสสาวะ” ที่พบเห็นกันชินตา ทั้งริมกำแพง ซอกหลืบต่างๆ (ด้านหนึ่งสะท้อนให้เห็นว่าห้องน้ำห้องท่าสาธารณะยังขาดแคลนในหลายพื้นที่)
เป็นที่น่าสังเกตว่า หลายจุดซึ่งมีป้าย “ห้ามปัสสาวะ” แต่มักจะมีกลิ่นปัสสาวะคละคลุ้ง บางแห่งโชยไปไกลหลายเมตรก่อนจะเห็นตัวป้ายด้วยซ้ำ
ไม่รู้ว่า “ป้ายนี้” ไปยั่วยุชี้เป้าให้สิงห์ปืนไวไร้ที่ระบาย ที่เข้าทำนองยิ่งห้ามยิ่งยุ หรือเป็นความผิดพลาดของข้อความที่ไม่อาจสื่อสารไปถึงกลุ่มผู้รับสารได้อย่างถูกต้องชัดเจนหรือไม่
วิวัฒนาการป้าย “ห้ามปัสสาวะ” ในระยะหลังจึงมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ใส่ลูกล่อลูกชนเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายในแต่ละสภาพพื้นที่ได้อย่างมีอัตลักษณ์
“ที่หมาเยี่ยว” หนึ่งในตัวอย่างที่คุณตา ที่เจ้าของพื้นที่เลือกใช้ข้อความแนวเสียดสี เจือตลกร้าย เตือนใจคนมักง่าย ที่ทำให้ต้องช่างใจว่าจะยอมเปลี่ยน สถานะจากคนไปปลดทุกข์ตรงนั้นหรือไม่
ณ ใจกลางเมือง ละแวกอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ลำพังแค่ป้าย “ห้ามปัสสาวะ” ที่เขียนวิงวอนไว้ล่วงหน้าก่อนหน้านี้ดูจะไม่เป็นผล
ข้อความ “อันตราย... บริเวณนี้ไฟฟ้ารั่ว” ถูกนำมาเขียนอธิบายเพิ่มเติม เพิ่มน้ำหนักให้ป้ายห้ามปัสสาวะดูมีพลังมากขึ้นทันตา
กระตุกอารมณ์ชนิดที่หลายคนที่เล็งจะมาปลดทุกข์แถวนี้ คงยอมเดินไกลไปหาที่หมายใหม่ ปลดทุกข์ หรือยอมเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แทนที่จะถูกชอร์ตตาย อยู่ริมกำแพง เพราะไม่อาจประมาทข้อความสยอง ที่ไม่รู้ว่า ขู่ หรือเอาจริง
อีกป้ายที่แม้จะเคยเห็นมานานมาก แต่ยังจำได้ไม่ลืม อยู่หน้าร้านค้าริมถนนแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี ที่เดิมก็มีข้อความเพียงแค่ “ห้ามปัสสาวะ” เขียนไว้แต่ยังไม่มีพลังพอจะกันฉี่ได้
ข้อความถัดมาถูกระบายชุดยาวเหยียด 34 บรรทัด ถัดจากข้อความ ห้ามปัสสาวะ โดยเนื้อหารุนแรงถึงขั้นแช่งชักคนมาฉี่ให้เป็นโรคร้ายแรง แถมแช่งต่อเนื่องไปถึงลูกหลานคนมาฉี่อีกทอด
เหตุการณ์ทำนองนี้ยังชวนให้นึกถึงป้าย “ห้ามทิ้งขยะบริเวณนี้” แต่บริเวณรอบป้ายมีกองขยะ ขวดน้ำ ถุงดำวางกองรวมๆ กันไว้ จนไม่รู้ว่าคนติดป้ายเข้าใจผิดไปเอง หรือคนที่นำขยะไปทิ้งอ่านป้ายไม่เข้าใจ
ไม่ต่างจากป้าย “ห้ามปิดประกาศ” ตามตู้โทรศัพท์ หรือกำแพงซึ่งหลายแห่งกลับพบป้ายโฆษณา หลายแหล่ ทั้ง ป้าย งานดี เงินด่วน ขายตรง โทรด่วน ติดอยู่เต็มไปหมด ไม่ห่างจากป้ายห้ามปิดประกาศ บางครั้งยังลามไปปิดทับป้ายห้ามปิดประกาศด้วยซ้ำ
ป้ายแจ้งเตือนในระยะหลังๆ จึงต้องมีข้อความ “อธิบาย” เพิ่มน้ำหนักให้ป้ายนั้นๆ จูงใจให้ได้รับการปฏิบัติตามมากขึ้น
ยกตัวอย่างที่พบบ่อย “ห้ามจอดรถขวางหน้าบ้าน” ลำพังแค่ถ้อยคำแค่นี้ อาจจะห้ามรถมาจอดได้เพียงประเดี๋ยวประด๋าว หรือแค่บางคัน ระยะหลังเลยมักเห็นข้อความเพิ่มเติมที่หลายคนนิยมเขียนติดห้อยท้าย อาทิ มีรถเข้าออกตลอดเวลา เพิ่มเหตุเติมผลโน้มน้าวใจมากขึ้น
แค่ไล่เรียงอ่านป้ายที่ต่างๆ สะท้อนให้เห็นวิถีอะไรหลายอย่างในสังคม !!!
อารมณ์แบบนี้ชวนให้นึกถึง “จ่าเฉย” ที่กลายเป็นพระเอกช่วยลดการทำผิดกฎหมายจราจรในช่วงหนึ่งได้อย่างดี ไม่ต่างจาก “หุ่นไล่กา” ที่ยืนนิ่งปกป้องท้องนาไม่ให้ถูกรุกรานจากเหล่านกกา
ทั้งที่สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง “จ่าเฉย” และ “หุ่นไล่กา” ก็ไร้พลังอำนาจในการห้ามปรามไม่ต่างจากป้ายห้ามนั่น ห้ามนี่ ที่ไม่มีใครสนใจอ่าน
บางที “ขวดใส่น้ำ” สำหรับป้องกันสุนัขฉี่ หรือป้าย “ที่หมาเยี่ยว” ไว้กันคนฉี่ ก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลอะไรมาอธิบาย เมื่ออารมณ์และความรู้สึก อยู่เหนือการตัดสินใจของคนแถวนี้ไปแล้ว


