“ขาดทุนคือกำไร” เปิดใจหุ้นส่วนโรงแรมที่เปิดให้ทีมทัพหน้า COVID-19 เข้าพักฟรี ไม่มีเงื่อนไข

เรื่อง : วารุณี มณีคำ

ภาพ : ณัฐพล โลวะกิจ / อมรเทพ โชติเฉลิมพงษ์

“...พวกเราขอเป็นอีกแรงเล็กๆ ที่เราพอจะช่วยสังคมได้ในเวลานี้ เพื่ออำนวยความสะดวกและความสบายให้บุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังเหนื่อยต่อสู้กับวิกฤต COVID-19 เราขอปิดโรงแรม The Quarter Residence ชั่วคราว เพื่อให้บริการที่พักสำหรับหมอ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย...”

เนื้อความที่ปรากฏบนโพสต์ในโซเชียลมีเดีย เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 21 มีนาคม 2563 หลังจากที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ออกประกาศเรื่องสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 3) เพื่อลดการระบาดของเชื้อไวรัส ข้อความนี้ถูกแชร์ออกไปมากกว่า 7,000 ครั้ง ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

โพสต์ทูเดย์ ตามมาเปิดใจ คุณนัด-นัฏฐิมา วิชยภิญโญ หนึ่งในหุ้นส่วนโรงแรม The Quarter Residence พญาไท โรงแรมที่ยอมปิดตัวชั่วคราวเพื่อสนับสนุนที่พักให้กับทีมบุคลากรทางการแพทย์ในฐานะ “วีรบุรุษชุดกาวน์” ทัพหน้าผู้ฝ่าฟันกับเชื้อไวรัสร้ายที่คร่าชีวิตคนทั่วโลก 

คำถามแรกเลย อะไรที่ทำให้คุณนัดเอาโรงแรมให้มาพักฟรีๆ ในยามวิกฤตแบบนี้?

ก็น่าจะเป็นสถานการณ์ที่บีบบังคับเรา ธุรกิจบังคับให้เรายุบ operation ของ 2 โรงแรม ให้เหลือแค่โรงแรมเดียว เพราะเรามี 2 ตึก ตึกแรกคือ The Quarter Bangkok และ The Quarter Residence สถานการณ์แบบนี้เราก็เลยคิดว่าน่าจะปิดสักตึกนึงเพื่อลดค่าใช้จ่าย พอปิดแล้วค่าเช่ายังอยู่ แล้วเราทำประโยชน์อะไรกับมันได้บ้าง ก็กลับมาคิดว่าในวิกฤตทุกวิกฤตมีคนที่ต้องการความช่วยเหลือ เรามองว่าด่านหน้าที่ต้องการความช่วยเหลือนะตอนนี้ก็คือ คุณหมอ คุณพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มคนที่กำลังต่อสู้กับ COVID-19 เลยคิดว่าแล้วเราสามารถช่วยอะไรเขาได้บ้าง ในเมื่อเรามีที่พัก เอาล่ะ งั้นเราให้ที่พักก็แล้วกัน จึงเกิดเป็นโครงการนี้ขึ้นมา 

ทำไมถึงกล้าทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำ ไม่กลัว COVID-19 หรอ?

มีแต่คนถามว่าไม่กลัวหรอ ก็กลัวสิ เพราะมันเป็นโรคติดต่อ แต่เราก็ได้พูดคุยกับคุณหมอ คุณพยาบาล ศึกษาหาความรู้ ปรึกษาขอความเห็นจากคุณหมอว่า ถ้าเราจะทำแบบนี้มีอะไรบ้างที่เราต้องกลัว มีอะไรบ้างที่เราต้องระวัง มีอะไรบ้างที่เราต้องเตรียมตัว ก็ได้ข้อมูลมาจนคิดว่าเราน่าจะทำได้ ด้วยทรัพยากรที่เรามี เราเต็มใจช่วย ช่วยได้เท่าที่เราไหว ช่วยแบบพอประมาณ แบบที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรง

ก่อนหน้านี้ The Quarter Residence เป็นยังไง?

The Quarter Residence พญาไท ปีนี้ก็เข้าปีที่ 6 ก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นโฮสเทลมาก่อน แล้วนัดกับหุ้นส่วน (คุณแนน-ศิวพร วุดานุพันธ์) ก็ได้รีโนเวทใหม่ ทำเป็นห้องพักแบบ family room มี 5 ชั้น 4 ห้องพัก ราคาเริ่มต้นคืนละ 5,500 บาท ซึ่งช่วงนี้เราเปิดให้บริการกับคุณหมอ คุณพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ได้เข้ามาอาบน้ำ พักผ่อน หลังจากที่ต้องต่อสู้กับ COVID-19

นับจากวันแรกที่โพสต์ลงไปในโซเชียลผลตอบรับเป็นยังไงบ้าง? 

เราโพสต์บนโซเชียลมีเดีย ในเฟซบุ๊กมีคนช่วยแชร์เยอะเลย คุณหมอเห็น คุณพยาบาลเห็น วันรุ่งขึ้นก็มีคนโทรเข้ามาถาม จองเลย และก็มีคุณหมอเข้ามาพักเลย ตอนนี้ที่มาใช้บริการก็มีบุคลากรจาก รพ.ราชวิถี, รพ.สมิติเวช, รพ.รามาฯ, รพ.ตำรวจ ซึ่งก็เป็นโรงพยาบาลที่อยู่ละแวกใกล้ๆ ค่ะ

คุณนัดมีใครเป็นไอดอลในเรื่องนี้มีไหม?

ในเรื่องของการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และการทำเพื่อคนอื่น นัดว่าหลายคนน่าจะมีไอดอลเป็นบุคคลท่านเดียวกัน  คือ "ในหลวงรัชกาลที่ 9" พระองค์สอนว่า “ขาดทุนคือกำไร” เพราะฉะนั้น วันนี้ที่เราทำมันคือกำไร ตั้งแต่วันแรก วันที่เราได้สร้างรอยยิ้ม วันที่เราได้สร้างความหวังเล็กๆ มันคือจุดเล็กๆที่ เรียกว่า “น้ำใจ” ได้เกิดขึ้นในสังคม

ที่นี่รองรับใครบ้าง จำนวนที่รับ ทำอย่างไรถึงได้พักฟรี? 

เรารองรับบุคลากรทางการแพทย์ไม่ว่าจะหน่วยงานรัฐ หรือหน่วยงานเอกชนก็ได้ ห้องพักของเราก็มีอยู่ 4 ห้อง สูงสุดเราอยากรับไม่เกิน 10 ท่านต่อวัน เพื่อความสะดวกสบาย โดยสามารถโทรเข้ามาจอง หรือ line เข้ามาจอง โดยบอกชื่อ-นามสกุล พร้อมกับสังกัด การจอง 1 ครั้ง สามารถพักได้ 2 คืน แต่ถ้าหากห้องว่างอยากอยู่ต่อ เราก็ไม่ได้จำกัดจำนวนวันที่นอนที่นี่ค่ะ

การบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกของผู้พักที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายในครั้งนี้?

สำหรับคุณหมอที่เข้ามาพักก็จะมี 2 แบบ แบบแรกคือนอนพักค้างคืนเหมือนโรงแรมทั่วไป กับอีกประเภทหนึ่งคือ ออกเวรแล้วต้องไปเข้าเวรใหม่ ก็มาอาบน้ำ พักผ่อน แล้วค่อยกลับเข้าไปโรงพยาบาลใหม่ ก็สามารถมาได้ เราจะมีขนม อาหาร เครื่องดื่ม ทุกอย่างเป็นน้ำใจจากเพื่อนหลายๆ คนที่ส่งมาให้ ซึ่งสามารถหยิบทานและนำไปฝากบุคลากรทางการแพทย์ในหน่วยงาน ในวอร์ดได้ทานกัน 

ระหว่างนี้ช่วงนี้ลูกค้าท่านอื่นสามารถเข้ามาพักได้หรือไม่? 

สำหรับลูกค้าทั่วไป ช่วงนี้เราไม่เปิดให้บริการค่ะ เรารองรับเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น สำหรับลูกค้าท่านอื่นสามารถเข้าพักได้ที่ The Quarter Bangkok ที่อยู่ใกล้กันเพียง 300 เมตร ซึ่งเราอยากแยกกันให้ชัด เพราะห่วงเรื่องของความสะอาด เรื่องของการติดเชื้อ

เรื่องที่เป็นห่วงมากที่สุดในตอนนี้คืออะไร? 

เป็นห่วงคุณหมอที่เหนื่อย ห่วงคุณพยาบาลที่เหนื่อย ห่วงการติดเชื้อ ในส่วนของโรงแรมเราห่วงเรื่องความสะอาด ก็เลยมีการพ่นยาฆ่าเชื้อเป็นประจำ ซึ่งก็เกิดจากเพื่อนๆ เกิดจากคนใจดีที่พร้อมที่จะเข้ามาช่วยเหลือ นอกจากเรื่องของการพ่นยาเป็นประจำ ทุกท่านที่เช็กอินเข้ามาก็จะได้ถุงดำพร้อมหนังยางเพื่อที่วันที่เช็กเอาท์เราจะขอให้ถอดปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ทุกอย่างที่เป็นเครื่องนอน ผ้าเช็ดตัว ใส่ไปในถุงดำแล้วใส่ไปในลิฟต์ เพื่อให้บริษัทรับทำความสะอาดนำไปทำความสะอาด ลดความเสี่ยงให้พนักงานที่ทำงานกับเราด้วย

คุณนัดคิดว่ายังมีสิ่งที่ยังขาด หรือสิ่งที่อยากได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ บ้างไหม?

ตอนนี้เรียกว่าไม่ขาดดีกว่าค่ะ เรามีน้ำใจหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทั้งเรื่องของอาหารเช้าที่เราคิดว่าเราคงไม่มีงบประมาณมากพอ ตอนนี้ก็มีอาหารเช้า  มีน้ำมะพร้าวจาก Aromatic Farm ส่งมาให้คุณหมอคุณพยาบาลได้ทาน มีเมล่อนไร่ชรินทร์พรรณจากเชียงใหม่ มีคลับออแกนิกช่วยเรื่องสบู่-แชมพูสมุนไพรจากธรรมชาติ เพื่อให้คุณหมอ คุณพยาบาลได้กินได้ใช้สิ่งดีๆ นับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเกิดจากน้ำใจ เราแค่เริ่มนิดเดียวเอง สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ไหลเข้ามาโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเลย 

อยากฝากอะไรไปถึงทัพหน้าผู้ต่อสู้กับ COVID-19

อยากบอกคุณหมอค่ะ บอกคุณพยาบาล บอกบุรุษพยาบาล บอกเภสัชกร ทุกคนที่อยู่ในโรงพยาบาล ทุกตำแหน่งหน้าที่ ว่า "ขอบคุณมาก พวกเราแข็งแรง พวกเราจะพยายามอยู่บ้าน อยู่ในที่ที่ปลอดภัย ใส่หน้ากาก ล้างมือให้ได้มากที่สุด ดูแลตัวเองให้ได้มากที่สุด เป็นภาระคุณหมอให้น้อยที่สุด สู้ๆนะคะ" 

คิดว่าเราได้อะไรจากการกระทำในครั้งนี้

นัดคิดว่าเรามีทรัพยากรอย่างเดียวคือตึก แต่ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นได้เพราะว่า ความช่วยเหลือจากกัลยาณมิตร ถ้าถามว่าเหนื่อยไหมมันก็เหนื่อย แต่มันก็ไม่ได้เหนื่อยที่สุด ถ้าเทียบกับที่คนอื่น เขาเหนื่อยกว่าเราเยอะ เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราทำมันนิดเดียวจริงๆ เราทำตามสิ่งที่เรามี และสิ่งนี้มันจะเกิดไม่ได้ถ้าไม่ได้ความร่วมมือของทีมงานทุกคน ถ้าผู้จัดการไม่เอา ถ้าน้องรีเซฟชั่นไม่เอา ถ้าแม่บ้านไม่เอา หุ้นส่วนแค่ 2 คนเราก็ทำกันไม่ได้ เพราะฉะนั้น ความร่วมมือและความเต็มที่ของพวกเขานี่แหละที่ทำให้โครงการนี้มันรันมาได้

คำตอบว่าได้อะไร..ได้ความสุข ได้ความสบายใจ ได้ทำดี มันจะได้อะไรเป็นตัวเงินหรืออะไรเราไม่เห็นหรอก แต่นัดเชื่อว่าเมื่อเราได้ทำความดี สิ่งดีๆ ก็จะเข้ามา แค่เราตั้งใจทำดีนิดเดียวเอง เราก็ได้เห็นสิ่งดีๆ ได้เห็นน้ำใจ เห็นความชื่นใจของสังคม ได้เห็นความสุข ของคนเป็นพันที่เข้ามาคอมเมนท์แล้วบอกว่า “ดีใจจังเลย” “นี่แหละน้ำใจของคนไทย” เราได้เห็นความหวัง แล้วเราก็ได้เห็นแสงสว่างในวิกฤติ นี่เราทำแค่สิ่งเล็กๆ ของเรา ในบ้านเรา แต่มันเผื่อแผ่ความสุขไปให้คนอื่นได้ตั้งเยอะ เหนืออื่นใดเราก็ได้ทำให้พ่อกับแม่ภาคภูมิใจ

...คุณนัดเผยรอยยิ้มภายใต้หน้ากากอนามัย แต่สีหน้าและแววตายังคงบ่งบอกถึงความสุขภายในใจที่เธอได้รับจากการให้ในครั้งนี้